1
พัฒน์ สุริยะธีรกร หนุ่มใหญ่วัย 42 กำลังทอดสายตามองเด็กสาววัยละอ่อนนามว่า ทัดดาว ชลันตา เด็กสาวที่ผู้เป็นยายของเขารักนักรักหนา เพราะเป็นหลานสาวของเพื่อนรักที่เสียชีวิตไปแล้ว ยายของเขาจึงนำทัดดาวมาชุบเลี้ยงเอาไว้ภายใต้ชายคาเดียวกันนานนับปี
“เจ้านายครับ” ยอดเรียกเจ้านายหนุ่มที่กำลังมองเด็กสาวตาไม่กะพริบ
“เรียกทำไมไอ้ยอด”
“เจ้านายมองอะไรอยู่ครับ”
“แกจะรู้ไปทำไม”
“ผมอยากรู้นี่ครับ”
“แล้วแกคิดว่าฉันมองอะไรล่ะ”
“มองนมครับ”
“ใช่มองนม เฮ้ย! ไอ้บ้า ฉันไม่ได้มองนมเด็กสักหน่อย” พัฒน์หันไปตบกะโหลกลูกน้องในทันที
“โอ๊ย! ตบหัวผมทำไมครับ”
“โทษฐานที่แกใส่ร้ายฉัน”
ยอดหัวหดไม่กล้าพูดจาใส่ร้ายเจ้านายอีก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตามที
“แล้วนั่นแกจะยืนหาหอกอะไรอยู่ รีบตามมาสิฉันจะเข้าไร่ไปทำงานทำการ ใครจะมายืนมองนมเด็ก... อยู่ได้” คนพูดยังอดเหลือบไปมองเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราเสียไม่ได้
“ครับเจ้านาย” ยอดกะพริบตาปริบๆ สงสัยเจ้านายของเขาจะขึ้นคานเลยอารมณ์แปรปรวนเหมือนพวกวัยทองที่เมนส์กำลังจะระเหยออกจากตัว
“เจ้านายครับ”
“อะไรของแก”
“ทำไมเจ้านายไม่ชอบคุณหนูดาวครับ”
“ใครบอกแกว่าฉันไม่ชอบเขา”
“ก็เจ้านายมีท่าทีไม่ชอบ” ยอดขับรถไปเหลือบมองเจ้านายไป
“เด็กมันชอบยั่วผู้ชาย ฉันพูดอะไรไม่ได้ คุณยายก็เข้าข้างตลอด”
“ผมไม่เห็นว่าคุณหนูดาวเธอจะยั่วผู้ชายตรงไหนเลยนะครับ” ยอดแสดงความคิดเห็น
“พูดมากขับรถไปเถอะ รำคาญแกเหลือเกินไอ้ยอด” คนพูดมองออกไปนอกรถด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยอดได้แต่เกาหัวไปมาไม่เข้าใจเจ้านายเลยจริงๆ
พัฒน์ทำงานอยู่ในไร่จนถึงเวลาพักกลางวัน ซึ่งปกติแล้วจะมีคนงานเอาปิ่นโตมาให้ เขามักไม่ค่อยกลับไปรับประทานที่บ้านเพราะคิดว่าจะไม่เสียเวลา และจะได้เร่งงานในไร่ให้เสร็จ
เสียงของหนุ่มๆ ที่ดังอยู่ด้านนอกบ้านพักคล้ายกับชอบใจอะไรสักอย่างทำให้พัฒน์ต้องออกไปชะเง้อคอมอง แล้วมันก็ทำให้เขาหงุดหงิดใจเป็นอันมากที่เห็นสาวน้อยทัดดาวของเขา
ไม่ใช่สิ! ของคุณยายกำลังยิ้มหวานให้กับคนงานหนุ่มๆ
พัฒน์เดินอาดๆ ออกไปจากบ้านพัก เขารีบคว้าจักรยานของเธอไปจอดอีกด้าน แล้วดึงมือน้อยของเธอให้เดินเข้าไปในบ้านพักด้วยท่าทีเร่งร้อน
“ลุงพัฒน์จะดึงหนูดาวทำไมคะ หนูดาวเดินจนขาขวิดแล้วนะคะ”
“ไม่ต้องพูดมากเลยทัดดาว แล้วนี่แต่งตัวอะไรขวางหูขวางตาชะมัด” พัฒน์ทำเสียงดุเด็กสาว
ทัดดาวยิ้มยิงฟันส่งไปให้ เขาด่าเธอก็ไม่โกรธ
“ยิ้มอะไร” พัฒน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุๆ
“ยิ้มให้ลุงพัฒน์ค่ะ เพราะลุงพัฒน์กำลังแสดงความรักกับหนูดาวไงคะ” เธอยิ้มอีก ยิ้มจนพัฒน์ถึงกับตาพร่าไปเลยทีเดียว ก่อนที่เขาจะได้สติทำหน้าขรึมใส่เธอ
“รักอะไรกัน พูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหล” พัฒน์ถึงกับหน้าแดง ยายเด็กนี่รู้ได้ยังไงว่าเราแอบรัก ไม่ได้การละ ต้องทำขรึมเข้าไว้
“คุณยายทวดสอนว่าผู้ใหญ่ดุด่าแปลว่าผู้ใหญ่รักน่ะค่ะ ตอนนี้ลุงพัฒน์ก็กำลังเลยแสดงความรักกับหนูดาวอยู่ไงคะ” เธอยิ้มหวาน ทำเอาพัฒน์ถึงบางอ้อ
“แล้วแต่งตัวอะไรแบบนี้” เขาทำเสียงดุใส่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ชอบเสื้อผ้าทีเธอสวมใส่เลย
คนหัวใจละอ่อนกับเด็กถึงกับต้องเบือนหน้าหนีในทันที
“แต่งตัวแบบนี้คือแบบไหนคะ” ประโยคคำถามนั้นทำให้พัฒน์ต้องหันกลับไปมอง เขาก้มมองช่วงขาเรียวสวยของเธอแล้วเบือนหน้าหนีอีกรอบ
“ใส่เสื้อผ้าแต่งตัวอะไรแบบนี้ ไม่น่ามองเลยสักนิด” แต่งแบบนี้ให้เขามองคนเดียวยังจะดีกว่าเสียอีก
“ใครๆ เขาก็แต่งกันแบบนี้นี่คะ” เธอก้มมองตัวเอง ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหนที่แต่งตัวแบบนี้
“แล้วนี่มาทำไม” พัฒน์คร้านจะเถียงกับเด็กจึงเอ่ยถาม
“หนูดาวเอาปิ่นโตมาให้ลุงพัฒน์ค่ะ” เธอยื่นปิ่นโตสีหวานให้เขา
“ปิ่นโตอะไรของเธอ” พัฒน์หน้าแดงมองปิ่นโตสีชมพูรูปหมูในมือของเด็กสาววัยละอ่อน แต่ก็ยื่นมือไปรับมาถือเอาไว้ เพราะความหอมของกับข้าวมันลอยมาปะทะจมูกเข้าอย่างจัง
“ลุงพัฒน์ไม่ชอบเหรอ หนูดาวชอบนะคะปิ่นโตสีชมพู เป็นรูปหมูด้วย” เธอรีบเดินไปหยิบจานทางด้านในห้องครัวเล็กๆ ของพัฒน์มาวางเอาไว้บนโต๊ะไม้ที่ใช้สำหรับรับประทานอาหาร
“ทำอะไรน่ะ”
“จะช่วยจัดโต๊ะอาหารให้ลุงพัฒน์น่ะค่ะ แล้วหนูดาวจะฝากท้องกับลุงพัฒน์ด้วยค่ะ”
“ที่บ้านไม่มีข้าวกินหรือไง”