บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

ยมบาลทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันแล้วก็รีบเข้าไปรั้งร่างของเธอให้ลุกขึ้น

“ไม่ไป ขอไปหาแม่ก่อนได้ไหม เค้ายังไม่ได้ไปเที่ยวในที่ที่อยากไปเลย เค้าอยากรู้อยากเห็น ให้เค้าไปเที่ยวก่อนไม่ได้หรือ แล้วก็ขอลาพ่อกับแม่ก่อน”

เนริกายกมือไหว้ยมบาลทั้งสอง

“ไม่ได้”

ยมบาลผุดผ่องพูดอย่างเด็ดขาดแล้วก็รีบหิ้วเธอที่งอขาไม่ยอมเดิน เนริกาหันหลังกลับไปมองยังทิศทางที่เธอมา แต่กลับไม่เห็นอะไรนอกจากเมฆหมอกที่ปกคลุมโดยรอบและอากาศก็หนาวเย็นอย่างมาก

เมื่อมากได้สักพัก เนริกามั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่ที่โรงพยาบาลหรือโลกมนุษย์เพราะอากาศมันเย็นเฉียบทำให้เธอรู้สึกขนหัวลุก

“โอ๊ย”

เธอร้องลั่น ทำให้ยมบาลทั้งสองมองหน้าเธอ

“ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงท่านยม”

“ยมบาล เรียกให้ครบ เรียกสั้น ๆ ใครจะหาว่าข้าเป็นพวกเดียวกับ ลัก ยม”

ยมบาลโอเครีบบอก

“ท่านยมรูปหล่อ เค้าไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

“ทำไมล่ะตัวเอง ตัวเองเป็นอะไร”

ยมบาลผุดผ่องร้องถาม

“เค้าปวดชิ๊งฉ่อง”

เนิรกาบอกยมบาลทั้งสองที่หันหน้าไปมองกันก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกระซิบ

“ทำไมดวงวิญญาณปวดชิ๊งฉ่องได้ล่ะ”

“นั่นสิ หรือโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ดวงวิญญาณเลยเปลี่ยนไปด้วย”

เนริกามองดูยมบาลทั้งสองที่โน้มใบหน้ามากระซิบพูดกันแล้วก็ตะแคงหูฟัง

“โอ๊ยไม่ไหวแล้ว”

เธอร้องลั่นพร้อมกับวางมือลงที่ตะขอกางเกง

“จะแก้ผ้าฉี่ตรงนี้แล้วนะ เหม็นไม่รู้ด้วย”

เนริกาพูดแล้วก็เตรียมปลดตะขอ

“อย่า เดี๋ยวสกปรกหมด ทางเดินนี้เป็นของส่วนรวม ดวงวิญญาณทุกดวงรวมถึงยมบาลทุกตนจะต้องผ่านที่นี่”

ยมบาลผุดผ่องออกความคิด

“ไม่ไหวแล้ว ปวด”

เนริการ้องบอก ทำให้ยมบาลโอเครีบปล่อยเธอแล้วรั้งให้หลบไปอีกด้านหนึ่ง

“มองทำไมล่ะ เค้าอายนะตัวเอง”

เธอรับตะโกนออกมาทำให้ยมบาลทั้งสองหันหลังให้ เมื่อนั้นเธอก็รีบพนมมือนึกถึงพ่อกับแม่ แต่เหมือนนึกอะไรได้ เธอจึงมองซ้ายแลขวา

“เดี๋ยวเค้าไม่ไว้ท่านทั้งสอง เดี๋ยวจะแอบมองดูเค้า”

เธอลุกไปหายมบาลทั้งสองที่หันมา จากนั้นเธอให้ทั้งสองก้มลง เอามือซ้ายจับหูของตนเอง แล้วกำมือขวาเอานิ้วชี้จิ้มดิน

“หมุนสามรอบ เร็วเข้า”

“โถแม่คุ๊ณ จะกังวลอะไรนักหนานี่”

ยมบาลโอเคร้องถาม

“เพื่อความสบายใจ เพราะถึงอย่างไรท่านก็เป็นผู้ชาย เค้าเป็นผู้หญิง”

เนริกาแย้งทำให้ยมบาลทั้งสองจำต้องทำตาม และแล้วพวกเขาก็มึนงง เธอก็แกล้งผลักร่างของพวกเขาหมุนไปอีกหลายรอบ จากนั้นก็พนมมือนึกถึงพ่อกับแม่

“พอจ๋า แม่จ๋า ช่วยเนด้วย ขอเนกลับไปหาพ่อกับแม่ได้ด้วยเถอะนะ”

เพียงแค่เธอนึกแบบนั้น ฉับพลันดวงวิญญาณของเธอก็มาหยุดอยู่ที่พ่อกับแม่ซึ่งนั่งเฝ้าเธอในห้องพัก

เมื่อเนริกาลืมตาขึ้นก็มองเห็นพ่อกับแม่ทำให้เธอดีใจมาก

“กลับมาได้จริงด้วย”

เธอยิ้มออกมาอย่างสดใส

“แต่ถ้ายมบาลสองคนนั่นตามมาล่ะ จะทำไงดี จะหนียังไงได้นี่”

เธอใช้ความคิดแล้วก็มองเห็นพยาบาลเดินเข้ามา ที่เสื้อของพยาบาลมีป้ายชื่อบอกว่าหล่อนชื่ออะไร

“ได้การล่ะ”

เธอคิดในใจก่อนจะมองหากระดาษมาเขียนชื่อตนเองตัวโต ๆ แล้วเอามาติดไว้ที่เสื้อบริเวณอก

“ฉันชื่อ นางพญา”

เธออ่านชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่พลางยิ้มแล้วเข้าไปหาพ่อกับแม่อีกครั้ง พยายามร้องบอกท่านว่าเธออยู่ตรงนี้ ก้าวไปหยุดตรงหน้าท่าน แต่ท่านก็มองไม่เห็น

“ทานข้าวสักหน่อยเถอะนะคุณสิ”

สิริจรรยามองหน้าสามี

“ไม่หิวเลยค่ะคุณ”

“ทานสักหน่อยเถอะครับ หากคุณเป็นอะไรไปตอนลูกฟื้น คุณจะไม่เสียใจหรือ”

นายดิเรกฤทธิ์พยายามปลอบโยน ทำให้สิริจรรยายอมตักอาหารทานไปสองสามคำ

“ยัยกัณเป็นอย่างไรบ้างคะ เราไม่ได้ไปดูแกเลย แกจะน้อยใจเอานะคะ”

“ผมไปดูเอง คุณอยู่นี่เถอะ”

นายดิเรกฤทธิ์บอกกับภรรยา

“ไว้คุณมา ฉันจะไปบ้างนะคะ เดี๋ยวแกจะน้อยใจหาว่ามีแต่พ่อไปดู ไม่มีแม่ไปหาเลย”

“ก็ได้ เดี๋ยวผมมา”

นายดิเรกฤทธิ์บอกภรรยาแล้วก็ตรงไปยังห้องพักของกัณรญาที่นอนรักษาตัวอยู่ในห้องที่ถัดไปจากนั้นอีกสามห้อง

เมื่อยมบาลทั้งสองหายมึนหัวแล้วหันมามองหาดวงวิญญาณของเนริกา

“หายไปแล้ว โอเค นังหนูนั่นหายไปแล้ว”

ยมบาลผุดผ่องร้องบอกกับยมบาลโอเคที่รีบหันซ้ายแลขวามองหา

“มันกระล่อนจริง ๆ”

ทั้งสองพูดออกมาเกือบพร้อมกันแล้วก็หลับตามองหาดวงวิญญาณ ครั้นเมื่อพวกเขาเจอเธอก็น่าจะใช่ แต่เมื่อมองดูด้านหน้า เห็นป้ายชื่อตัวโตมาก เขียน นางพญา ก็ทำให้ทั้งสองส่ายหน้า

“ไม่ใช่”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน นังหนูนั่น มันชื่อ เนริกา ไม่ใช่ นางพญา”

ทั้งสองปรึกษากัน

“ต้องหาใหม่ ไป”

ยมบาลทั้งสองกลับมาที่โลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อตามหาดวงวิญญาณของเนริกา ซึ่งในตอนนั้นเธอพยายามหลบหนีโดยคิดว่ายังไงซะยมบาลทั้งสองต้องมาที่โรงพยาบาลแน่นอนเพราะร่างของเธออยู่ที่นี่

“ต้องไปในที่ที่ยมบาลไม่กล้าไป”

เธอคิดในใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะดีดนิ้วเหมือนคิดอะไรออก

“ต้องไปที่นี่เลย”

เพียงแค่คิดว่าที่ไหนยมบาลจะไม่กล้าไป เธอก็อธิษฐานแล้วไปที่นั่นทันที

“ดิสโก้เทคนี่แหละ ยมบาลแก่แล้วต้องไม่มาที่แบบนี้แน่นอน แล้วอีกอย่าง เรายังไม่เคยได้เข้าไปเลย”

เนริกาคิดอย่างนั้นก็เตรียมจะเข้าไปในด้านใน แต่เธอก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อจู่ ๆ ก็เห็นชายสูงวัยกับหญิงชราวัยไล่เลี่ยกันโผล่ขึ้นมาขวางทาง

“โอ๊ะ! อะไรกันนี่”

เนริการ้องถามทันทีที่สองตายายก้าวมายืนขวางหน้าแล้วจ้องมองหน้าเธอ

“เจ้าดวงวิญาณเร่ร่อน จะเข้าไปในที่นี้ไม่ได้”

“เค้าชื่อ นางพญา”

เธอรีบแนะนำตัวเองทันที

“ไม่ว่าเจ้าจะชื่ออะไร ก็เข้าไปไม่ได้”

“เค้าอายุเกินสิบแปดแล้วนะตาจ๋า ยายจ๋า”

เนริกาท้วงติง

“นั่นเป็นกฎของมนุษย์ แต่สำหรับโลกวิญญาณ ห้ามเข้าอย่างเด็ดขาดไม่ว่าเจ้าจะอายุสักเท่าไร กลับไป”

ยายเจ้าที่ก็ยกมือโบกไล่เธอ พร้อมกับก้าวเดินชนร่างของเธอที่รีบถอยหลัง แล้วยายกับตาเจ้าที่ก็ทำร่างสูงใหญ่ยืนขวางทางเอาไว้ จนเนริกาไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

“ทำไงดีนี่ มีที่ไหนอีกนะ”

เธอคิดในใจ

“ที่นี่ไม่ได้ก็ต้องไปที่อื่น”

เมื่อคิดอย่างนั้นเธอก็อธิษฐานเพื่อไปหาที่อื่น ครั้นพอไป ถึงก็เหมือนเดิม เจ้าที่ไม่ยอมให้เข้า เดือดร้อนเธอต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

“หวังว่าท่านยมจะไม่เดินซ้ำทาง คงไม่กลับมาอีกสักพัก”

เธอคิดหวังอย่างนั้นอยู่ในใจ ในขณะที่กัณรญาขอมาเยี่ยมอาการของน้องบ้างเพราะหล่อนไม่เป็นไรมาก ให้พ่อกับแม่กลับไปพัก หรือกลับไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วค่อยมาใหม่ ซึ่งทั้งสองก็ยอม เพราะหมอยืนยันว่าหล่อนไม่เป็นไรมาก สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วด้วย

เมื่อคล้อยหลังนายดิเรกฤทธิ์กับสิริจรรยา กัณรญาก็เตรียมจะดึงเครื่องช่วยหายใจออกจากปากของเนริกา แต่คราวนี้ เนริกามาได้ทันเวลา เธอกระชากแขนของกัณรญาให้หันมาเธอ ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel