3.2 แก๊งมาเฟียลูกหมู
กาสิโน
แก๊งลูกหมูสามตัวออกปฏิบัติการแทรกตัวเข้าไปในกาสิโน แต่แผนการยังไม่สำเร็จก็ถูกรวบตัวเพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าบอดีการ์ดสุดหล่อของเควิน โดยเฉพาะคนที่ชื่อ ‘อาโป’
“กูจอง”
“กูเห็นก่อน”
“แต่กูชอบก่อน”
“พวกมึงสองตัวหุบปากดิ๊!”
ขนาดถูกจับมัดมือไพล่หลังคุกเข่าอยู่ในห้องเชือด บันนี่กับเจนนี่ก็ยังแย่งกันจนปวินต้องตะคอกใส่
อาโปส่งสัญญาณทางสายตาให้ลูกน้องจับล็อกไว้ให้มั่นไม่ให้ทั้งสามขยับตัวได้ด้วยซ้ำ แล้วตัวเองก็ก้าวไปเบื้องหน้า ประสานมือสองข้างไว้ด้วยกัน ท่าทางของเขาเยือกเย็น ใบหน้าหล่อตี๋นิ่งสนิท สายตาสบกับเจ้านายที่กำลังคุยสายกับใครบางคน
“ขอบคุณมากนะครับผู้กำกับ แล้วนัดดื่มน้ำชากันครับ สวัสดีครับ”
หลังเควินวางสาย อาโปก็รายงานด้วยน้ำเสียงโมโนโทนไร้อารมณ์
“จับตัวไว้ได้พร้อมของกลางครับ”
เควินหลุบมองถุงซิปที่อาโปนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะนิ่ง ข้างในมันบรรจุผงสีขาว คนที่ช่ำชองอยู่ในวงการอย่างเขาไม่ต้องแกะมาชิมก็รู้ว่ามันคืออะไร ไม่ผิดจากที่ผู้กำกับโทรมาแจ้งข่าวและเควินก็ไม่คิดจะสอบสวนให้เสียเวลา เขาสั่งการอย่างเลือดเย็นทันที “เอาไปจัดการ!”
“ไม่นะครับ อย่าฆ่าพวกผมนะครับ ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย พวกเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์”
ปวินรีบละล่ำละลักขอร้อง เพราะบรรยากาศในห้องนี้มันเยือกเย็นมาก เคยได้ยินแต่ทิชาเล่าว่าเควินเป็นคนเจ้าเล่ห์ขี้โกง เพิ่งรู้วันนี้ว่าเขาเป็นพวกมาเฟียสายโหดที่ฆ่าคนได้ง่าย ๆ เพียงแค่เจอยาไอซ์ไม่กี่กรัม
“พวกผมไม่เกี่ยวนะครับ เราถูกจ้างให้ทำ” บัญชารีบแก้ตัวเพราะกลัวตาย ไหนทิชาบอกว่าเจ้าของกาสิโนไม่กล้าทำอะไรไงเล่า แล้วทำไมถึงจะเอาพวกเขาไปฆ่า
“ไอ้เหี้ยบัญ!” ปวินกัดฟันกรอด เขม้นตาใส่เพื่อนที่เกือบปากพล่อยซัดทอดทิชา
“ใช่ค่ะ เอ๊ย! ใช่ครับ” เจนจบสำทับมาอีกเสียง
แต่เควินไม่ได้ขู่เพื่อจะเค้นให้ทั้งสามบอกว่าใครอยู่เบื้องหลังหรอกเพราะเขารู้อยู่แล้ว
“ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้นะ!” ทิชาทะลึ่งพรวดเข้ามาพร้อมกับโจที่พยายามจะเป็นคนไกล่เกลี่ย
“หึ! มาแล้วเหรอลาสต์บอส!” เควินคำรามในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนเต็มความสูง พิงสะโพกไว้กับขอบโต๊ะทำงาน แล้วจ้องหน้าทิชานัยน์ตาขุ่น
เด็กบ้านี่ชักจะเอาใหญ่ อัปเลเวลเล่นใหญ่ถึงขั้นจะใส่ร้ายว่าเขาขายยาไอซ์ให้ลูกค้าในกาสิโน ปัญญาอ่อนเสียจริงคิดว่าเขาจะสะทกสะท้านกับแผนการตื้น ๆ แบบนี้เหรอ กระดูกมันคนละเบอร์ครับน้อง เห็นทีเรื่องที่ลิลลี่มาขอร้องให้ช่วย เขาคงต้องช่วยเสียแล้ว ช่วยสั่งสอนเจ้าลูกหมาตัวเปี๊ยกให้ครางหงิง ๆ
“อาโป เอาไปจัดการตามวิถีของตระกูลฉี”
“ครับเฮีย”
“หยุดนะอาโป!”
ทิชาเข้าไปขวางบอดี้การ์ดหน้าตี๋ของเควิน แต่เพราะอาโปเป็นคนของเควิน ไม่ใช่คนเก่าแก่ที่ทำงานในกาสิโนตั้งแต่ที่ชัชชนเป็นเจ้าของอย่างโจ อาโปจึงไม่เกรงใจหรือต้องเชื่อฟังคำสั่งของทิชา
บัญชากับเจนจบร้องกรี๊ด ๆ ทันทีที่ถูกบอดีการ์ดร่างใหญ่สองคนลากออกไป ส่วนอาโปหันมาคว้าปวินแล้วลากตามไปอย่างไม่ออมแรง
“เลิฟ! ช่วยกูด้วย!”
“วิน!”
ทิชาจะตามไปช่วยแต่โจรั้งเอาไว้
“คุณหนูสู้แรงสามคนนั่นไม่ไหวหรอกครับ ขอโทษคุณเควินแล้วคุยกันดี ๆ จะดีกว่า” โจกระซิบเตือนสติ เพราะทางเดียวที่เพื่อนของทิชาจะรอดก็คือเควินเป็นคนสั่ง โจปล่อยให้คุณหนูของเขาคุยกับเจ้านายตามลำพัง ส่วนตัวเองแยกตัวออกมาแล้วตามอาโปไป
ทิชาตวัดสายตาขุ่นกลับไปหาเควินพร้อมกับเดินอาด ๆ เข้าไปประจันหน้ากับคนตัวสูงกว่าอย่างโกรธจัด
“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเอาชีวิตกันเลยเหรอ คุณมันเลือดเย็นป่าเถื่อน ผมจะแจ้งตำรวจ”
“เหมือนที่เธอแจ้งตำรวจเรื่องนี้สินะ” เควินโยนถุงซิปใส่หน้าทิชา
“กล้ามากนะที่ทำแบบนี้”
เขากดปลายรองเท้าหนังราคาแพงขยี้จนถุงแตก ผงสีขาวทะลักออกมากองอยู่บนพื้นหินอ่อน
“ถ้าพวกเขาทำผิดก็ส่งตัวให้ตำรวจสิ” ทิชาคิดว่าหากเป็นเช่นนั้นเขาพอจะหาทางช่วยเพื่อนได้ อย่างน้อยก็รับผิดเอาไว้เองเพราะเขาเป็นคนจ้างวาน
เควินเดาะลิ้นแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาตรงหน้าทิชา ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“นั่นไม่ใช่วิถีของฉัน”
“แล้ววิถีของคุณคืออะไร ฆ่าพวกเขางั้นเหรอ?”
“เป็นห่วงเพื่อน?”
“…” ก็ใช่น่ะสิ ถามอะไรโง่ ๆ
“ก่อนทำทำไมไม่คิด”
“…” มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอน ตัวเองดีนักหรือไง โหดเหี้ยม เลือดเย็น เหมือนไม่ใช่คน อ้อ ลืมไปว่าเป็นหมาลาบราดอร์!
“ถ้าอยากให้พวกนั้นรอดก็เลือกเอาว่าจะเลียให้หมดนี่” เควิน มองนำไปที่ผงสีขาวบนพื้นใต้รองเท้าหนัง
“หรือจะทำงานชดใช้ในฐานะ…” เขาเว้นจังหวะให้คนฟังรอลุ้น แล้วโน้มหน้าเข้ามาแนบข้างใบหู กระซิบเสียงกระเส่า
“หนูน้อยของฉัน”
“!!!”
ทิชาผลักอกกว้างกลับไปที่เดิม ถกแขนเสื้อเตรียมกระโดดเหยง ๆ จะเอาเรื่องเควินที่พูดเรื่องบ้า ๆ นั่นเป็นครั้งที่สอง ฝันไปเถอะว่าเขาจะยอมเป็นของเล่นให้ไอ้หมาลาบราเดอร์จอมหื่นแต่ยังไม่ทันจะปะทะกันปวินก็โทรเข้ามา ทิชารีบรับสายเพราะเป็นห่วงเพื่อน
“มึงเป็นไงบ้างวะวิน”
[เลิฟช่วยกูด้วย อ๊าก! พอแล้ว อึก!]
“ไอ้วิน! พวกมันทำอะไรมึง”
[ตู๊ด ๆ ๆ ๆ]
“วิน!”
สายถูกตัดไปเสียแล้ว แต่เสียงของปวินฟังดูไม่ดีนัก พวกนั้นต้องทรมานปวินอยู่แน่ ๆ ทิชากลัวว่าเพื่อนจะทนไม่ไหวจึงรีบต่อรอง
“โอเค ๆ ๆ ผมจะเลือก แต่คุณต้องสั่งให้พวกนั้นหยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าเพื่อนผมบาดเจ็บแม้แต่ปลายเล็บละก็ ผมเอาคุณตายแน่”
เควินหัวเราะ หึ ๆ ยกสองมือขึ้นกอดอกทิ้งสะโพกในท่าผ่อนคลาย แล้วส่งสายตาวิบวับให้ทิชา
“จะเอา!... ถึงตายเลยเหรอ? พูดแบบนี้แสดงว่าเลือกอย่างหลังสินะ”
ทิชาหน้าเหวอเพราะไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แต่ยังไม่ทันจะตอกกลับ เควินก็คว้าเอวบางกระชากร่างเล็กเข้าหาตัว ริมฝีปากหยักประกบลงมากับปากของทิชาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือแข็งราวกับคีมเหล็กจับล็อกท้ายทอยไม่ให้ถอยหนี แล้วบดขยี้จูบอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ!”
แน่นอนว่าทิชาไม่มีทางสู้แรงมหาศาลของเควินได้ ร่างเล็กถูกรวบให้เบียดบดอยู่ในหว่างขา ใบหน้าก็ถูกตรึงอยู่กับที่ขยับหนีไม่ได้ อุ้งปากถูกลิ้นสากกวาดต้อนอย่างสั่งสอน ลมหายใจถูกช่วงชิงจนแทบสิ้นลม
กว่าเควินจะปล่อยให้ทิชาเป็นอิสระ คนตัวเล็กกว่าด้อยประสบการณ์ก็ถึงกับอ่อนระทวยยืนแทบไม่อยู่ เควินยังคงรวบตัวไว้หลวม ๆ ประคองให้อยู่ในอ้อมแขน
“เพื่อประกอบการตัดสินใจ ถ้าตกลง มีเด็ดกว่านี้อีกนะ”
“…”
“ฉันให้เวลาถึงพรุ่งนี้สี่โมงเย็น ระหว่างนี้เพื่อนของเธอจะปลอดภัย แต่ถ้าฉันไม่ได้คำตอบที่พอใจแล้วละก็…”
จุ๊บ!
แก้มสีเรื่อถูกจมูกโด่งกระแทกลงมาแรง ๆ แล้วกดแช่ ก่อนที่เจ้าของมันจะลากไปถึงติ่งหู
“รู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอ!”
“!!!”
ทิชาขนลุกซู่ ไม่ใช่เพราะรู้สึกพิศวาส แต่เพราะความหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เควินจริงจังขนาดนี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าทิชาจะเข้ามาระรานแค่ไหน เขาก็ทำเพียงไล่ให้กลับไปเท่านั้น แต่ครั้งนี้ทิชารู้สึกได้ว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ