ตอน 4
“จ้าๆ แม่” เมื่อคืนชบาเป็นไข้ ทว่าไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ ร่างกายเธอระบม จนตัวร้อน แอบออกมาหายากิน กลับเข้าไปนอน เพราะกินยาถึงได้ตื่นสาย ถ้าแม่ไม่มาปลุกที่หน้าห้องป่านนี้คงจะนอนอุตุไม่ยอมตื่น
สาวน้อยยังไม่ถึงยี่สิบปีก้าวออกมาในชุดผ้าซิ่นหมี่ขิดที่แม่ตัดเย็บให้ ปกติไม่คุ้นกับการนุ่งซิ่น ยกเว้นไปวัดไปวา ถึงจะหยิบออกมานุ่งที เสื้อลูกไม้สีขาวน่ารักเข้ากับวัย
“งามมากชบาของแม่”
“ไปกันเถอะแม่ อุ๊ย” ชบาอุทานตอนก้าวเดิน ยังเจ็บหน่วงๆ ส่วนทางลับ
“เป็นอะไร”
“อ้อ...เปล่าแม่ไม่มีอะไร” แค่เจอของใหญ่ลุงกัดมันเท่านั้นเอง ประโยคที่คิดในใจ แล้วจึงเดินตามหลังแม่ไปติดๆ พร้อมหิ้วปิ่นโต ส่วนแม่ถือขันเงินใส่ขนมกับดอกไม้ธูปเทียน ขวดน้ำเพื่อไว้กรวดน้ำเวลาพระให้พร
สาวน้อยแรกผลิเดินเคียงข้างไปกับแม่ ปีนี้ชบาสวยสะพรั่งเป็นสาวเต็มตัว
“แหวนดูแลลูกดีๆ นะ ผู้ชายมาก้อล้อก้อติก ไล่ตะเพิดมันไปให้ไกลๆ”
“พี่ก็ไปคุมเอง ลำพังฉันพวกหนุ่มๆ ขี้ดื้อมันไม่กลัวหรอก”
“พี่ต้องไปนา เอ็งนั่นแหละ”
“ตามใจนะถ้าไม่ไปด้วยกัน ถ้ามีหนุ่มๆ มาจีบชบา จะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ”
“เอ้า...ไปก็ไป เอ็งกับลูกไปก่อนเดี๋ยวข้าตามไป”
“พ่อเห็นฉันเป็นคนใจง่ายไปได้”
“ว่าไมได้ ไอ้พวกผู้ชาย ปากไวใจเร็ว เห็นเอ็งเป็นสาว มันก็เข้ามาทำลุ่มล่าม”
“รีบๆ ไปพี่ฉันล่วงหน้าไปก่อนนะ”
“เออ พี่จะรีบตามไป” บทหวงลูกสาวยกให้ทิดชอบ
“เอ็งก็อย่าเที่ยวเล่นหูเล่นตากับผู้ชายละนางชบา ไม่งั้นพ่อเอ็งตีตาย”
“จ้าแม่” ชบาเดินไปตามทางดิน ตรงไปทางวัดประจำหมู่บ้านไม่ใหญ่แห่งนี้ ตลอดทางไม่ได้สนใจสายตาผู้ชายที่มองมายังตน หากว่าปรายสายตาคล้ายเห็นใครคนหนึ่ง ไม่กล้าหันไปมองรีบเดินตามแม่ขึ้นศาลา
“ใครวะเดินมากับนางแหวน” ทิดยอดเห็นผู้หญิงนุ่งซิ่นสวมเสื้อลูกไม้น่ารัก ใช่คนเดียวกับที่เขากินอยู่ริมห้วยไม่มีผิด เขารู้จักแหวนดีคือเมียเพื่อน อยากรู้จักชื่อสาวน้อยจึงแกล้งถามเพื่อน
“อ้าว...ทิดยอดมึงไม่รู้หรือไง นั่นลูกสาวไอ้ทิดชอบกับนางแหวนมัน ปีนี้มันโตเป็นสาวเต็มตัวสวยเชียว”
“วะ...ว่าไงนะ”
“มึงเป็นเพื่อนสนิทกับทิดชอบภาษาอะไรไม่รู้จังนางชบา”
“ช...บา” ทิดยอดตกใจจนวิญญาณแทบหลุด พูดจาติดอ่างทันใดๆ ‘ฉิบหายละงานนี้ กูข่มขืนลูกเพื่อนหรือวะ ทีแรกนึกว่าเป็นสาวหมู่บ้านอื่น ที่ไหนได้ลูกเพื่อน’ ทิดยอดคิ้วขมวดคิดหนัก หายใจไม่ทั่วท้อง ทำไมกูทำอะไรไม่คิดก่อนวะ คราวนี้มาสำนึกจะได้อะไรขึ้นมา หากว่าในความสำนึกผิด กลับมาบางความรู้สึกที่ลึกล้ำแทรกอยู่
ชบาเป็นสาวสวยจริงอย่างที่เทืองว่า สวยมาก เดินมาแต่ไกล ผู้คนมาวัดตั้งเยอะตั้งแยะ สาวน้อยเปล่งประกายอยู่คนเดียว
“ชบามันได้ความสวยนางแหวน”
“ฉันจำไม่ได้ไอ้ทิดชอบมีลูกกี่คน”
“นี่เอ็งคงมัวแต่ไปมีเมียอยู่เมืองกรุง ถึงได้ลืม”
“ฉันไปกรุงเทพตั้งแต่จบม.3 ทิดชอบก็ยังไม่แต่งงาน”
“เอ็งก็กลับมาอยู่บ้านพักใหญ่ ค่อยกลับไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพไม่ใช่หรือ จะจำไม่ได้เชียวว่าทิดชอบมันมีลูกมีเมีย”
“เอาเป็นว่าฉันจำไม่ได้คือจำไม่ได้ เด็กรุ่นใหม่ลูกเต้าเหล่าใครมั่งก็ไม่รู้”
“ทิดชอบมันมีลูกสาวสองคนคนโตชื่อดอกรัก คนเล็กคือนางชบา”
“อีกคนไปไหนล่ะ”
“ไปทำงานโรงงานที่ไหนไม่รู้ ตั้งแต่เรียนจบ ม.6”
“ชบานี่อายุเท่าไร”
“ราวๆ 17-18 ละมั้ง หรือน้อยกว่านั้นถ้าจำไม่ผิด”
‘ฉิบหายละกู ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย’ ทิดยอดอุทานอย่างตระหนก ความอยากไปวัดทำบุญหายหมด ตั้งใจมาทำบุญไถ่บาปที่ตัวเองก่อ
“มึงเป็นอะไรวะยอด”
“เปล่าๆ ขึ้นศาลาเถอะ”
ระหว่างเดินขึ้นศาลา ทิดยอดแอบมองสาวน้อยที่ตนล่วงละเมิดจนสำเร็จความต้องการ ด้วยแววตาสำนึกผิด ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ หยิบนั่นจับนี่ผิดพลาดไปหมด จนเป็นที่สังเกตของเทืองเพื่อนที่มาด้วย
“สำรวมหน่อยสิทิดยอดบวชเรียนมาแล้วยังทำของไม่ถูกอีก”
“ห่างวัดวามานานว่ะ อยู่กรุงเทพ ไม่เคยได้เข้าวัด เข้าแต่ผับกับร้านเหล้า”
สาวน้อยเห็นหนุ่มใหญ่ผู้ที่ฝากรอยจารึกไว้กับเธอ ถึงกับผงะตัวสั่นหวาดหลัว จำได้แม่นยำขึ้นใจ ยากจะลืมในเมื่อผู้ชายคนนี้ถึงเถื่อนทั้งดิบ ทำให้เธอเจ็บจนจับไข้
“แม่ฉันกลับบ้านก่อนได้ไหม รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้” ชบาไม่กล้าอยู่ที่นี่กลัวเขาอย่างไรชอบกล
“เอ้า...ไม่สบายหรือชบา ไหนแม่ดูซิ” แหวนอังหลังมือกับหน้าผากลูกสาว “จริงด้วย อือๆ กลับบ้านไปเถอะ” นึกว่าลูกแค่พูดเล่น ที่แท้ตัวรุมจริงๆ
ชบารีบลงศาลาเดินลิ่วกลับบ้าน หวังให้พ้นสายตาลุงคนนั้น อาการร้อนผ่าวค่อยดีขึ้นหน่อย สาวน้อยคิดหนักสั่นสะท้านไปทั่วตัว อาการหวาดกลัวไหลบ่ามายิ่งกว่าหน้าน้ำหลาก
เดินไปตามทางดินทอดยาวเข้าไปในหมู่บ้าน ด้วยอาการเหม่อลอย มีความกลัวไล่ตามมาตลอด
“อุ๊ย !” ตกใจจู่ๆ ข้อมือของเธอถูกใครที่ไหนไม่รู้ฉุดไว้ พอหันไปอีกที “ลุง !!!” หัวใจสาวน้อยหล่นตุบไปอยู่ตาตุ่ม เขาคนนั้นตามเธอมา
“อย่าทำอะไรหนูนะ หนูกลัวแล้ว”
“รู้ว่าฉันจะไปวัดละสิ ถึงได้ตามไปอ่อย” แทนที่ทิดจะสำนึกผิด กลับยั่วประสาท คุกคามสาวน้อย
“หนูไม่รู้ หนูไม่รู้จักลุง”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ หนูไม่เคยรู้จักลุงมาก่อน ทำไมหนูต้องตามไปอ่อยลุง ในวัดไม่มีใครอ่อยใครหรอกบาปกรรม”
“ไม่ใช่ว่ารู้จักลุงเลยอยากแต่งตัวสวยๆ มาอ่อยนะ” หลังมือยกลูบไล้แก้มเนียนร้อนผ่าวแดงซ่าน “ซ้ำตอนนี้ก็หนีออกมาจากวัด กะว่าจะล่อให้ลุงมาติดกับสิ” มือข้างเดิมลูบไล้ลงมาตามปลายคาง วกขึ้นไปเขี่ยริมฝีปากแสนหวานเย้ายั่วที่เขาเคยจูบดูดดื่ม รู้รสชาติว่ามันซาบซ่านปั่นป่วนหัวใจสักแค่ไหน ความยับยั้งชั่งใจในตอนนั้นจึงเป็นศูนย์ ช่วยไม่ได้เธออยากขาวอยากสวย อวบอิ่มสมบูรณ์แบบของความเป็นสาวทำไม แถมสวยซะด้วยเจอนางไม้เล่นน้ำอย่างนั้นใครอดใจไหวก็บ้าเต็มทน
“หนูชบา” ทิดยอดเรียกสาวน้อย “ถ้าไม่คิดอ่อยลุง ทำไมต้องรีบลงศาลามาอย่างนี้ล่ะ” เขาตีขลุมเข้าทางตัวเอง