บทที่7 ไอ้กระจอก ท่านประธาน
บทที่7 ไอ้กระจอก ท่านประธาน
หลี่หย่าหรูได้ฟัง ก็ถอนหายใจออกมา ที่แท้ลู่เสี้ยงหยางแค่เสแสร้ง อีกฝ่ายไม่รู้จักเขาซักนิด แต่ก็พอดีได้ฉวยโอกาสชวนซุนเซียงเซียงคุยซักหน่อย
“หัวหน้าซุน คุณอย่าไปสนใจ เขาเป็นแค่คนบ้า ไม่จำเป็นต้องไปยุ่ง!”
ลู่เสี้ยงหยางสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง ยืนนิ่งพูดเล่นลิ้น “เธอไม่รู้จักฉันจริงๆหรอ?”
หลี่หย่าหรูเห็นลู่เสี้ยงหยางยังคงเสแสร้ง ก็เริ่มหัวเสีย พูดด่าว่าทันที “ลู่เสี้ยงหยาง นายเลิกเสแสร้งได้แล้ว นายคิดว่าที่นี่ที่ไหน ที่นี่คือหยูเม่ยหยินกรุ๊ป จะเสแสร้งแกล้งทำอะไรก็ไม่ควรมาทำที่นี่!”
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหัวเล็กน้อย รู้ว่าวันนี้ตนเองเข้าไปไม่ได้แล้ว ได้เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่กั๋วต้ง พูดอย่างจนปัญญา “ท่านลู่ พ่อจัดการเรื่องนี้ไม่เรียบร้อยอ่ะ อีกฝ่ายทำการบ้านมาไม่ดี ผมอยู่ใต้ตึกหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ฝ่ายบุคคลไม่รู้จักผม?”
คุยกับพ่อของตัวเองเสร็จ ลู่เสี้ยงหยางก็วางสายทันที ซุนเซียงเซียงไม่เชื่อแม้แต่น้อย ขำเยาะเย้ย “ผีแกล้งเป็นเทวดา”
ประธานบริษัทนี้ไม่มีใครนามสกุลลู่ ไปเอาท่านลู่มาจากไหน?
ซุนเซียงเซียงไม่อยากเสียเวลาไปกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้ ก็เตรียมหันตัวเดินจาก แต่ในตอนที่พึ่งเดินออกไปได้ก้าวเดียว โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น
ซุนเซียงเซียงเหลือบมองไปที่เบอร์ที่ขึ้นอยู่หน้าจอ ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ นี่คือเบอร์ของคนระดับสูงที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโทรเข้ามาก่อน
ถึงแม้เธอจะเข้าหยูเม่ยหยินกรุ๊ปมาได้ห้าปีแล้ว ก็ยังไม่เคยได้เจอคนๆนี้
ไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นรึเปล่า?
หลังรับสาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรไปบ้าง ซุนเซียงเซียงสติหลุดลอยออกไปแล้ว
เธอลืมไป ถึงแม้เจ้าของบริษัทนี้จะไม่ได้สกุลลู่ แต่ตระกูลลู่ก็เป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมตัวจริงของบริษัทนี้
แล้วคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็คือนายน้อยของตระกูลลู่.....
ซุนเซียงเซียงสูดหายใจเข้าเฮือกลึก หันหัวกลับไปมองลู่เสี้ยงหยางที่ตอนนี้มองมาทางตนด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
แต่ตอนนี้หลี่หย่าหรูยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดินก้าวไปด้านหน้าแล้วผลักลู่เสี้ยงหยาง พร้อมแผดเสียง “นายรีบไสหัวไปสิ อย่าอยู่ทำลายภาพพจน์ที่นี่!”
ไล่ให้ประธานคนใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปไสหัวไป?
ซุนเซียงเซียงรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเธอถือได้ว่าหัวหลุดแล้ว จึงเดินไปด้านหน้าของลู่เสี้ยงหยาง พูดแสดงความเคารพ “สวัสดีค่ะประธานลู่!”
“อา” หลี่หย่าหรูอุทานออกมา ยืนตะลึงตาจ้องเขม็ง ร่างกลายกลายเป็นรูปสลักหินไปแล้ว
นอกจากความตกใจแล้ว ในใจเธอก็เต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อ
รายละเอียดของลู่เสี้ยงหยางเธอได้ยินจากปากของจ้าวเมิงเมิงเพื่อนสาวเธอมาอย่างชัดเจน เขาเป็นแค่สวะไร้ประโยชน์กินข้าวต้มอ่อนๆ ใครก็จิกหัวใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นประธานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
คิดมาถึงตรงนี้ หลี่หย่าหรูก็ตัวสั่นเดินมาด้านข้างซุนเซียงเซียงผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล
“ซุน……หัวหน้าซุน เมื่อครู่คุณยังจะสั่งสอนไอ้บ้านี่อยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้....เอ่อ ฉันคิดว่าคุณต้องจำคนผิดแน่ๆ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นประธานของบริษัทเรา” หลี่หย่าหรูพูดเสียงสั่น
“เอ๋ งั้นหรอ? เห็นเป็นอย่างนั้นหรอ?” ซุนเซียงเซียงมองไปที่หลี่หย่าหรู ทายาทตระกูลลู่โทรมาหาเธอด้วยตัวเอง จะเป็นของปลอมได้ยังไง?
“อ้อ หัวหน้าซุนไม่รู้อะไร เขาเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลเย่ อยู่ตระกูลเย่กินข้าวต้มอ่อนมาสามปีแล้ว นี่เป็นสวะไร้ประโยชน์ที่โด่งดังไปทั้งเมือง วันทั้งวันแม่ยายทั้งทุบตีทั้งด่าทอเขา คนอย่างเขาเนี่ย มีชีวิตไม่ต่างกับหมาตัวหนึ่ง เหอะเหอะ ดังนั้นการที่เขาจะกลายมาเป็นประธานของกรุ๊ปเรา ฉันยอมเรียกเขาว่าพ่อ....” หลี่หย่าหรูพูดอย่างออกรส
แต่เธอยังไม่ทันพูดจบ ใบหน้าของซุนเซียงเซียงก็เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก พูดกับหลี่หย่าหรูอย่างเย็นชาว่า “นับตั้งแต่ตอนนี้ไป เธอไม่ใช่พนักงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปอีกแล้ว”
เป็นแค่พนักงานต่ำต้อยยังกล้าล้อเลียนประธานของพวกเขา จะปล่อยไว้ได้ยังไง?
เมื่อครู่เธอได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ต่อหน้าประธาน ตอนนี้หวังว่าการสั่งสอนหลี่หย่าหรูจะสามารถชดเชยได้
“อะไร อะไร หัวหน้าซุนคุณว่าอะไรนะ?” หลี่หย่าหรูยังไม่ตอบสนอง
“หูไม่ดีหรือไง? ต้องให้ฉันพูดซ้ำอีกครั้งไหม?” ซุนเซียงเซียงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เธอถูกไล่ออกแล้ว”
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังก้องขึ้นในหัวของหลี่หย่าหรู เธอเพื่อที่จะได้เข้าหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ไม่รู้ใช้ความพยายามไปเท่าไหร่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้กลับโดนไล่ออกอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
เมื่อคืนวานนี้ เพื่อนๆยังพากันอวยอนาคตสดใสของเธอในหยูเม่ยหยินกรุ๊ป คืนนี้แฟนหนุ่มในอนาคตของเธอเฉินจิ่นซิ่วก็จะฉลองให้เธออีกรอบ ในเวลาแบบนี้ เธอจะถูกไล่ออกได้ยังไง
“ไม่ หัวหน้าซุน ฉันทำอะไรผิด คุณจะไล่ฉันออก?” หลี่หย่าหรูก้มหัวถาม
ซุนเซียงเซียงพูดอย่างเย็นชา “เธอพูดดูถูกท่านประธานอย่างเปิดเผย ไหนบอกซิฉันควรไล่เธอออกไหม?”
พูดจริงพูดเล่น?
ในหัวของหลี่หย่าหรูงุนงง ถึงแม้จะยังไม่เต็มใจยอมรับความจริงเรื่องที่ลู่เสี้ยงหยางเป็นประธานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
ถ้าลู่เสี้ยงหยางไม่ใช่ท่านประธาน ซุนเซียงเซียงผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลคนนี้จู่ๆจะเปลี่ยนท่าทีไป180องศา น้ำเสียงโกรธเคืองแบบนี้หรอ?
เฮ้อ!
คิดได้เช่นนั้น หลี่หย่าหรูก็สูดลมหายใจเย็นๆ รูม่านตาของเธอหดเล็กยิ่งกว่าปลายเข็ม ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าลู่เสี้ยงหยาง
“ประหลาดใจไหม ไม่คาดคิดรึเปล่า? ลู่เสี้ยงหยางจู่ๆก็ยิ้มออกมา
หลี่หย่าหรูจะเอาความกล้าที่ไหนมาพูดอีก ร่างกายที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก็สั่นสะท้านมาตั้งนานแล้ว ส่วนเหงื่อเย็นๆบนหน้าผาก ก็ไหลร่วงลงมาเหมือนเม็ดฝน กระทบลงบนพื้น
เธอได้แต่ยอมรับว่าโลกนี้มันบ้าเกินไปแล้ว ประธานผู้สง่างามของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป คือลูกเขยจากตระกูลเย่อย่างไม่คาดคิด ที่ต้องทนทรมานกับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบ
“เธอไม่ได้ยินที่หัวหน้าซุนพูดเมื่อกี้นี้หรอไง? เธอโดนไล่ออกแล้ว ยังจะยืนอยู่ตรงนี้ทำไมอีก? จะให้ฉันเรียกรปภ.มาเชิญออกไปไหม?” ลู่เสี้ยงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ ไม่ ไม่ต้องค่ะ ท่านประธาน ขอร้องคุณให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง เมื่อครู่ฉันใช้ตาสุนัขมอง คุณไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับฉันแล้ว ขอแค่คุณรับปากว่าจะไม่ไล่ฉันออก ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันก็จะทำ” หลี่หย่าหรูรีบพูดอ้อนวอนลู่เสี้ยงหยาง การได้ทำงานที่หยูเม่ยหยินกรุ๊ปนี้สำคัญต่อเธอมาก เธอจะไม่ยอมเป็นคนธรรมดา ตราบเท่าที่สามารถขึ้นไปอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ เธอยอมเสียสละได้ทุกอย่าง
“จริงหรอ? เธอจะยอมทำอะไรก็ได้?” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มเยาะ “เมื่อกี้เธอพูดเอง จะเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“พ่อ...คุณพ่อ” หลี่หย่าหรูจิกทึ้งหัว กัดฟันพูดออกไป