บท
ตั้งค่า

EP 5

หนุ่มน้อยปองคุณนอนหมกตัวอยู่ในห้องอับๆ นานเป็นชั่วโมงถึงได้รู้สึกหิว เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรแม้แต่คำเดียว ตื่นมาก็ถูกลุงกับป้าลากไปช่วยงงานแล้ว เลยเดินออกไปเปิดตู้กับข้าวดูก็พบแต่ความว่างเปล่า

ในครัวไม่เหลืออะไรนอกจากไข่ดิบเพียงอย่างเดียว เลยตั้งใจจะเจียวกินประทังหิว แต่น้ำมันก็ดันไม่มี กระนั้นเขาก็ยังอุตส่าห์บอกตัวเองให้เปลี่ยนเป็นต้มแทนก็ได้

ตอนจะเริ่มก่อไฟนั้น ก็คิดขึ้นได้เลยไปเปิดหม้อข้าวดู ปรากฏว่าไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว ความเสียใจแล่นปรูดปราดเข้ามาสุมอกอีกระลอก แม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

ตั้งแต่ขาดพ่อแม่ที่เสมือนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกชายเพียงคนเดียว แล้วเข้ามาอาศัยชายคาบ้านลุงป้า บ้านไม้เก่าๆ ตั้งแต่สมัยตากับยายนั้นก็ถูกลุงขายหลังจากพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุตายได้แค่วันเดียว

“ไอ้ปองแค่เจ็ดขวบ จะอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง อีกอย่างฉันต้องมีเงินเอามาไว้เป็นค่าทำศพไอ้เปี๊ยกกับแสงจันทร์ ทุกอย่างต้องใช้เงิน ไม่รู้ค่าบ้านจะพอจัดงานหรือเปล่าด้วย ไหนฉันจะต้องเอาไอ้ปองมาเลี้ยงเพิ่มอีกคน ลูกฉันก็ตั้งสี่แล้ว กำลังกินกำลังนอนด้วย ทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้น”

จำได้แม่นยำว่าลุงให้เหตุผลกับคนในหมู่บ้านไว้แบบนี้ และไม่มีใครคิดจะมาถามซอกแซกต่ออีก ว่าขายบ้านได้เท่าไหร่ ค่าจัดงานหมดเท่าไหร่ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่อยากก้าวก่าย เขาเลยกลายเป็นผู้โชคร้ายนับตั้งแต่นั้นมา เพราะถูกลุงสั่งให้หอบข้าวของมานอนบ้านลุง ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน พี่ชายสี่คนมีสองห้องให้นอน

“นอนในนี้ไปก่อนก็แล้วกันนะ กำลังยุ่งเรื่องงานศพพ่อแม่ของเอ็ง เสร็จแล้วข้าจะจัดที่ทางให้ดีกว่านี้”

นั่นเป็นคำบอกของลุงหลังพ่อแม่จากไปแค่สองวัน เขาหอบถุงหิ้วที่ด้านในมีเสื้อผ้าไม่กี่ตัวยืนมองข้าวของวางระเกะระกะในห้องข้างครัวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ความเสียใจมีมากมายเกินกว่าจะสนใจอะไร นอกจากเดินเข้าไปทรุดกายลงนั่งกอดเข่าเจ่าจุกร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อแม่แทบใจจะขาด

“อยากหมกตัวอยู่แต่ในห้องแล้วเป็นไงล่ะมึง อดกินเลย สมน้ำหน้า!”

หนุ่มน้อยปองคุณหันไปมองพี่ชายวัยสิบเจ็ด ผู้เป็นลูกคนเล็กของลุงด้วยสายตาชิงชัง เกือบแปดปีที่มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ไม่ได้ทำให้เกิดความรักกันฉันพี่น้องเลยสักนิด

ตรงข้ามกลับจะเหม็นหน้ากันหนักกว่าเดิมอีก ในเมื่อเขาถูกลุงกับป้าเรียกใช้หัวไม่วางหางไม่เว้น เวลามีงานอะไรไม่ว่าจะหนักหรือเบา เขาคือคนที่จะถูกสั่งให้ขาดเรียนมาคอยช่วยก่อนพี่ๆ เสมอ

“แล้วนั่นมึงจะไปไหนวะ”

เสียงพี่ชายร้องถามอย่างอยากจะหาเรื่องมากกว่าอยากรู้ หนุ่มน้อยปองคุณไม่สนใจจะตอบใดๆ เอาแต่เดินไปหาจักรยานคู่กาย แล้วปั่นหนีเท่านั้น

“ไอ้ปองไปไหนล่ะนั่น หนีงานอีกใช่มั้ย”

“ไม่รู้สิแม่ แต่มันจะไปไหนได้นอกจากวัด แม่อยากให้มันช่วยงานก็ไปตามเลยสิ”

ในหูก็ได้ยินเสียงป้าสะใภ้คุยกับลูกๆ ไล่หลังมา แต่เขาก็ยังคงปั่นๆ ๆ จนถึงหน้ากุฏิหลวงตา ซึ่งเสมือนเป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามยากให้เขามาตลอดนับตั้งแต่ไร้พ่อขาดแม่ เพราะเขาเคยถูกพ่อแม่พาเข้าวัดบ่อย ถ้ามีงานอะไรหลวงตาก็จะจ้างพ่อแม่เขาทำเป็นบ้านแรก ถือว่าเขายังพอมีบุญอยู่บ้าง

“ว่าไงเจ้าปอง หน้าบูดๆ แบบนี้ โกรธใครมาอีกล่ะ”

หลวงตาก้อน เจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้านทักทายด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ตาก็มองหนุ่มน้อยก้มลงกราบแบบเร่งรีบและลวกๆ สามหน แล้วนั่งขัดสมาธิแต่ไม่ตอบใดๆ

“ถ้าหิวก็โน่น ของที่ญาติโยมตักบาตร ไปแบ่งกินซะ อะไรเอาไว้หลายวันได้ ก็หิ้วกลับบ้านไปไว้กิน” หลวงตาบุ้ยหน้าไปยังข้างระเบียง มีถุงของกินสารพัดวางเรียงรายอยู่

“ครับ”

หนุ่มน้อยปองคุณรับคำเสียงอ่อย แล้วคลานเข่าไปยังตำแหน่งที่หลวงตาบอก แกงเขียวหวานกับข้าวสวยถูกเลือกมาอย่างละถุง แล้วเทใส่ชามสังกะสีรวมกันทั้งสองอย่าง ช้อนสังกะสีคนไปมาจนเข้ากันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่กี่อึดใจก็ตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความเอร็ดอร่อยแล้ว

“ถ้าที่บ้านไม่มีอะไรทำ กินเสร็จก็ไปธุระกับหลวงตานะ กลับค่ำๆ เดี๋ยวตอนก่อนไปหลวงตาจะแวะบอกลุงกับป้าเอ็งให้”

“ครับ”

หลวงตามองเด็กกำพร้าผู้น่าสงสารตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู ในหัวนั้นก็คิดถึงพ่อแม่ผู้จากไปก่อนวัยอันควรของเด็กไปด้วย พลอยทำให้ลูกเพียงคนเดียวต้องลำบากและขาดโอกาสหลายอย่างในชีวิต

ก็ยังดีที่ได้เรียนต่อ และยังดีที่เด็กรู้จักเข้าวัด นั่นทำให้หลวงตาได้ช่วยสั่งสอนและขัดเกลาจิตใจไปในตัวด้วย นอกเหนือจากเงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่มักจะยื่นใส่มือไม่เคยขาด

รถมอเตอร์ไซค์สีดำ ถูกจอดไว้ใต้ชมพูภูคาใหญ่ตรงท่าน้ำโรงเรียน หนุ่มน้อยที่ผองเพื่อนเรียกว่าป้องมาแต่ไหนแต่ไร ปีนขึ้นไปตามกิ่งก้านแข็งแรงและอันมั่นคงอย่างง่ายดาย แล้วนั่งอยู่กิ่งเกือบบนสุด

ใบหน้าอันคมเข้มหันไปทางถนนเล็กเพียงเส้นเดียว ที่ผู้คนใช้สัญจรไปมาจากหมู่บ้านสู่เมืองอื่น เก๋งสีดำคันคุ้นตากำลังแล่นนำเก๋งสีฟ้ามา มีกระบะแล่นตามไม่ห่าง มีสิบล้อรั้งท้ายขบวน

สายตาอันเศร้าหมองจ้องมองรถคันแรกแทบไม่กะพริบ แม้จะอยู่ไกล แต่เขาก็วาดภาพออก ว่าสาวน้อยผู้มีหน้าตาน่ารัก น่ามองนามประกายฟ้านั่งอยู่ส่วนไหนของรถ

ในใจก็ถามตัวเองไปด้วย ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหรือ ที่เขาจะได้เห็นเธอ เธอผู้ที่เขาเองก็ไม่รู้ ว่าได้เข้ามาอยู่ในหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไง รู้แต่เพียงว่าทันทีที่เห็นเธอก้าวลงจากรถของผู้อำนวยการวันแรกในชุดมัธยมต้นเหมือนนักเรียนคนอื่นๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel