ตอนที่ 2
มีต่อผู้บริหารคนใหม่ จะสร้างปัญหาในการทำงานต่อไปมิใช่น้อย เพราะยังไงใบบัวยังคงต้องทำงานอยู่ที่นี่ต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น กว่าใบบัวจะกระหืดกระหอบนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาถึงที่ทำงาน ดวงตะวันก็สายโด่ง เนื่องจากรถที่เธอใช้เป็นประจำเกิดเสียขึ้นกลางทาง ต้องเรียกให้รถมาลากเข้าไปซ่อมในอู่ซึ่งเคยใช้บริการ จากนั้นก็นั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่ทำงาน ด้วยรู้ว่าวันนี้จะมีประชุมสำคัญ ผู้บริหารทีมใหม่จะเข้ามาแนะนำตัว
“ให้ตายสิ”
หญิงสาวพลิกหลังมือขึ้นมองนาฬิกาแล้วส่ายหน้า เวลาในตอนนั้นจวนจะเก้าโมงอยู่แล้วเชียว เธอพยายามแล้ว แต่ก็สายจนได้
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองของออฟฟิศ หญิงสาวตรงเข้าไปเคาะประตูห้องประชุม เปิดประตูแล้วยิ้มแห้งๆ ขออนุญาติเดินตัวลีบเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยังว่าง
“คุณอยู่แผนกไหน?”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาคมสวย ใบหน้าหล่อเหลาชนิดที่ว่าสามารถทำเอาผู้หญิงหัวใจละลายได้ง่ายๆ เอ่ยถามเสียงเข้ม
“สื่อสารการตลาดค่ะ”
ใบบัวบอกหน้าที่รับผิดชอบของเธอ สื่อสารการตลาดก็คือประชาสัมพันธ์องค์กรนั่นเอง แล้วแต่จะเรียกให้แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม
“คุณทำงานมานานแค่ไหนแล้ว”
อีตาหน้าหล่อถามเสียงเข้มราวจะกินเลือดกินเนื้อ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็ง ใบบัวเดาได้ว่าเขาน่าจะเป็นนาย ‘คารีม’ ตามที่บิดาของเธอได้บอกเอาไว้เมื่อวาน
“สามเดือนค่ะ”
ใบบัวตอบด้วยน้ำเสียงหวาดๆ
“ผมคิดว่านั่นก็เป็นระยะเวลานานพอจะทำให้คุณรู้ว่าที่นี่เริ่มงานกี่โมง”
“ขอโทษค่ะ… คือว่าดิฉันไม่ได้ตั้งใจ บังเอิญรถเสียน่ะค่ะ”
“ตอนนี้ผมประชุมเสร็จแล้ว… เอาเป็นว่าคุณเข้าไปรอในห้องผม คุณต้องประชุมตัวต่อตัวกับผม โทษฐานที่มาสาย”
ใบบัวยังไม่มั่นใจนักว่าเขาคือใคร? แต่ท่าทางวางอำนาจที่เห็น ก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงเป็นบอสใหญ่ของทีมบริหารอย่างแน่นอน
“นะ… นาย… ”
ใบบัวเกือบพลั้งปากออกไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนนอกจากบิดาก็ไม่มีใครกล้ามาออกคำสั่งกับลูกสาวผู้บริหารอย่างเธอ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว
“ตามมา”
เขาสรุปจบกับที่ประชุม จากนั้นก็เรียกให้เธอเดินตามเข้าไปในห้องทำงานซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นห้องของบิดา
“เชิญนั่ง”
ร่างสูงใหญ่กว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ ผายมือเชื้อเชิญราวกับว่าเธอเป็นพนักงานใหม่ที่ยังไม่เคยย่างกรายเข้ามาในออฟฟิศแห่งนี้มาก่อน ทั้งที่ตัวเขานั่นแหละที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับบริษัทนี้
“เธอชื่ออะไร”
คารีมพูดภาษาไทยไม่ได้แม้แต่คำเดียว เขาสื่อสารกับ
ใบบัวด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับใบบัวที่เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศมาหมาดๆ
“ใบบัวค่ะ”
“อ๋อ… ลูกสาวของนายประจักษ์เจ้าของเดิมนี่เอง”
คารีมจำได้เพราะนายประจักษ์เป็นคนขอร้องเขาเอง ว่าให้ใบบัวอยู่ทำงานต่อไป
“ผมคารีม”
ใบบัวนึกในใจว่าเธอเดาถูก
“คงไม่ต้องแนะนำว่าผมเป็นใคร?”
“ค่ะ… ‘คารีมปิโตรเลียมฟาร์อีสท์’ ก็บอกชัดๆ ว่าคุณเป็นเจ้าของ”
“รู้ก็ดีแล้ว”
“ค่ะ… ”
“อายุเท่าไรแล้ว”
“ยี่สิบสอง”
“เพิ่งเรียนจบมาหรือ”
“ค่ะ… ”
“ดีเลย ช่วงนี้ผมต้องการเลขา บอกตรงๆ ว่าผมยังไม่คุ้นเคยกับเมืองไทย เอาเป็นว่าช่วงนี้คุณควบงานเลขาไปด้วย”
“หมายถึงทำงานสองตำแหน่ง… แล้วรับเงินเดือนสองตำแหน่งใช่มั้ยคะ?”
ความเป็นคนไม่ยอมคน ทำให้ใบบัวกล้าต่อรองไม่ลดละ กับคนพวกนี้ทุกอย่างต้องเป็นธุรกิจหมด เธอไม่ยอมเสียเปรียบแน่
“ธุรกิจจัดเหมือนกันนี่เรา… จะเอาอย่างนั้นก็ได้”
คารีมนึกในใจว่าไม่มีปัญหา หากต้องจ่ายเงินเดือนเพิ่มเขาก็จะ ‘ใช้งาน’ เธอให้คุ้มกับเงินที่จะต้องจ่าย
“แล้ว… มีแฟนหรือยัง?”
“คะ… ”
หญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะถาม เพราะไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวข้องกับงานตรงไหน
“เอ่อ… นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันขอไม่ตอบนะคะ”
“ไม่ได้ คุณต้องตอบ”
เขาทุบโต๊ะเสียงดังปัง
“นี่… วันแรกก็บ้าอำนาจเลยนะคะ”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับเจ้านาย ที่ถามเพราะว่าผมไม่อยากได้เลขาที่มีผัวแล้ว มันไม่สะดวกเวลาต้องออกเดินทางไปไหนไกลๆ”
“เอ่อ… นี่ฉันต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกับคุณด้วยหรือคะ”
ใบบัวทำหน้าตกใจ
“ไม่ใช่ต่างจังหวัด… แต่ผมหมายถึงต่างประเทศ”
“บ้าไปแล้ว”
ใบบัวเผลออุทานออกมาด้วยความลืมตัว
“อะไร… ใครบ้า คุณยังไม่ได้ตอบเลยว่ามีสามีแล้วหรือยัง”
เขาวกกลับมาที่คำถามก่อนหน้า