บ้านหลังใหม่
ตอนที่ 6
บ้านหลังใหม่
“ถึงแล้วหรือคะ”
ไอรดาถูกปลุกจากที่เธอหลับไปเสียหลายรอบตลอดการเดินทางบรรยากาศรอบตัวของหญิงสาวมีแต่ความเงียบสงบนอกจากแสงไฟของบ้านไม้หลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแทบจะมองไม่เห็นแสงจากบริเวณอื่นเลยแตกต่างจากที่เธอจากมา
“อากาศหนาวจังเลยนะคะที่นี่ที่ไหนกันแน่รอบตัวก็เงียบ”
สาวน้อยตัวเล็กทำท่าสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อเธอสัมผัสได้ว่าอากาศรอบตัวตอนนี้มันช่างแสนจะบริสุทธิ์
“ตอนนี้เราอยู่บนภูเขาสูงที่คุณมองไม่เห็นไฟจากที่อื่นก็เพราะว่าที่ดินมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างแต่ก่อนที่จะถึงที่ที่เราอยู่มีหมู่บ้านของชาวเขาอยู่ด้านล่าง”
ภูดิศพาสมาชิกใหม่ของบ้านเดินไปนั่งบริเวณสวนหย่อมที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบที่กำลังบานสะพรั่งเพราะต้องการให้ลูกน้องของเขาขนของทั้งหมดขึ้นบ้านก่อน
“คุณจะพาฉันมาอยู่ที่นี่หรือคะ”
ไอรดาถึงแม้จะรู้สึกชอบที่นี่แต่ความเงียบเหงาวังเวงทำให้เธอรู้สึกกังวลถ้าจะต้องอยู่ที่นี่คนเดียวหรืออยู่กับลูกน้องของภูดิศเธอคงรู้สึกกลัว
“ใช่คุณจะต้องอยู่ที่นี่ ยังไม่รู้ว่านานแค่ไหนแต่คิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 1 ปี”
ชายหนุ่มรู้ดีว่าตอนนี้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้ากำลังรู้สึกกลัวว่าเขาจะทิ้งให้เธอต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพังชายหนุ่มตั้งใจว่าจะบอกรายละเอียดกับเธอภายในคืนนี้เวลานี้จึงแจ้งให้อีกฝ่ายรู้สึกลัวไปก่อน
“บ้านหลังนี้ผมปลูกไว้หลายปีแล้วนานๆครั้งถึงจะมีโอกาสได้ขึ้นมาอยู่แต่ทุกครั้งที่ขึ้นมาก็ไม่เคยอยากจะกลับลงไปอยู่กรุงเทพอีกเลยและผมก็เชื่อว่าถ้าคุณได้อยู่ที่นี่คุณจะรักบ้านหลังนี้เหมือนกับผม”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนพูดทำให้ไอรดารู้สึกว่าภูดิศเป็นผู้ชายที่เธออ่านไม่ออกก่อนหน้านี้ก็เหมือนมาเฟียร้ายที่ย่ำยีความรู้สึกและร่างกายของเธอแต่ตลอดการเดินทางหลายที่เขาให้เธอได้พบกับความอบอุ่นบนใบหน้าที่เกิดขึ้นตอนนี้มันทำให้ไอรดารู้สึกปลอดภัย
“เวลาคุณไม่อยู่ใครดูแลบ้านหลังนี้ให้คะ”
ไอรดาพยายามชวนคุยเธออยากรู้จักที่นี่ให้ได้มากที่สุดถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าภูดิศไม่มีทางบอกว่าที่เธออาศัยอยู่คือที่ไหนของประเทศไทยแต่หญิงสาวคิดว่าไม่นานเธอก็จะรู้
“ที่นี่มีแม่บ้าน 1 คนและก็ลุงคนสวนทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันมีบ้านหลังเล็กอยู่ด้านหลัง ผมสร้างให้ทั้งคู่อยู่ที่นี่เพื่อจะได้คอยดูแลบ้านให้”
ภูดิศพูดยังไม่ทันจบป้าและลุงที่ชายหนุ่มหมายถึงก็เดินมาทักทายเจ้าของบ้านพร้อมด้วยน้ำผลไม้ที่ทั้งคู่ทำเองกับมือ
“น้ำส้มปลอดสารพิษคั้นสดจากไร่เลยค่ะ”
“นี่ป้าอ้อยกับลุงชวนส่วนสาวสวยข้างๆผมคือคุณไอรดาเธอจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้หญิงของผมครับ”
คำแนะนำของภูดิศทำให้ไอรดารู้สึกหดหู่ใจมันตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่การล้างหนี้จริงๆเวลานี้เธอไม่มีแม้แต่สิทธิจะเป็นคนข้างกายที่มีตัวตนเธอคงเป็นสมบัติของเขาแต่เขาไม่ใช่สมบัติของเธอ
“มีอะไรให้ป้ากับลุงรับใช้ก็บอกนะคะ”
รอยยิ้มของหญิงชราและสามีของเธอทำให้ไอรดารู้สึกอุ่นใจถ้าเขาทิ้งให้เธอต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็ยังมี 2 คนนี้อยู่เป็นเพื่อน
อาหารมื้อเย็นถูกจัดขึ้นในเวลาเกือบสองทุ่มแล้วจึงเป็นแค่เพียงข้าวต้มกุ้งง่ายๆที่ถูกจัดเสิร์ฟบนระเบียงบ้านที่เพียงแค่แหงนหน้ามองก็เห็นดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้าเพราะรอบตัวและแสงสว่างแตกต่างจากเมืองหลวงที่แทบจะมองไม่เห็นดาวสักดวงเพราะไม่ว่าจะดึกแค่ไหนดวงไฟจากตึกรามบ้านช่องและถนนก็ยังคงสว่างไสวไปทั้งท้องฟ้า
ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหลายชั่วโมงทำให้ทั้งคู่หลับไปอย่างไม่รู้ตัวจากตอนแรกที่ภูดิศตั้งใจว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงของเขาให้มากที่สุดเพราะเขาไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าเป็นเพียงแค่เมียชั่วคราวแต่ชายหนุ่มก็พ่ายแพ้แก่ความเหนื่อยล้ามารู้สึกตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ใกล้จะโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว
“คุณจะไปไหน”
ภูดิศค่อยๆลุกจากเตียงนอนเพราะกลัวว่าจะทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆตื่นแต่สุดท้ายเขาก็ทำให้เธอรู้สึกตัวจนได้
“ผมว่าจะออกไปเดินเล่นรอบบ้านเสียหน่อยไม่ได้มาที่นี่เสียนาน”
“ฉันไปด้วยนะคะ”
ไอรดารีบลุกออกจากเตียงหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่และเดินตามชายหนุ่มร่างสูงที่หันมาส่งยิ้มใจดีให้กับเธอ
ความสว่างในเวลากลางวันถึงแม้พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าดีก็ทำให้ไอรดาเห็นบ้านหลังนี้อย่างเต็มตาบ้านไม้สักขนาดใหญ่ที่มีหลายห้องนอนและมีการจัดในแบบไทยที่สวยงามสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวนักเรียนนอกอย่างเธอเป็นอย่างมาก
“บ้านสวยจังเลยนะคะ”
“ชอบใช่ไหม ถ้าชอบก็อยู่ที่นี่นานๆนะ”
ภูดิศเผลอตัวพูดออกมาก่อนที่เขาจะรีบเดินนำไปเพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกสงสัยว่าความจริงที่เขาจับตัวเธอมาต้องการอะไรกันแน่ในเมื่อเขาพยายามทำทุกอย่างให้เธอคิดว่าเขาแค่ทำตามสัญญาที่พ่อของเธอให้ไว้คือจับตัวเธอมาเป็นเมียเพื่อชดใช้เงิน 100 ล้านบาท
“บ้านหลังเล็กที่อยู่ตรงโน้นคือบ้านของป้าอ้อยและลุงชวน”
ชายหนุ่มชี้ไปที่บ้านไม้หลังเล็กที่เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวปลูกอยู่ล้อมบ้านไอรดามองดูแล้วเธอรู้สึกจะสงบเรียบง่ายช่างแตกต่างจากชีวิตที่เธอเคยอยู่ในเมืองนอกและในกรุงเทพฯ
รอบบ้านที่มีเนื้อที่เกิน 2 ไร่ ภูดิศไม่สามารถพาไอรดาเดินชมจนรอบเขาจึงเลือกเดินแค่เพียงสวนดอกไม้และสวนมะม่วงที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักก่อนที่ทั้งคู่จะถูกป้าอ้อยมาตามให้รีบไปกินอาหารเช้า
ชีวิตวันแรกของการเข้ามาอยู่ในที่ที่ไอรดาไม่เคยรู้จักมันทำให้เธอรู้สึกสุขใจโดยที่เธอเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลแต่ที่แน่ๆตลอดเวลาทั้งวันที่หญิงสาวได้คุยกับป้าอ้อยทำให้เธอลืมเรื่องความเจ็บช้ำที่พ่อกับแม่เลี้ยงของเธอได้สร้างรอยแผลเป็นไว้ให้ไปชั่วคราว