บท
ตั้งค่า

4.ชดใช้ด้วยชีวิต!

ชดใช้ด้วยชีวิต!

“เอาละ... อย่างที่แม่ทัพกวนกล่าว หากอยากมีชีวิตอยู่ในค่าย¬นี้เจ้าต้องทำงาน และหญิงใบ้เช่นเจ้า ทำสิ่งใดได้บ้าง”

หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนแสร้งทำมือทำไม้บอกกับอีกฝ่าย

“ฝนหมึกรึ และชงชา และ... ปรุงอาหาร”

การทำมือเพื่อสื่อสารของนางไม่ได้เรื่อง แต่โจวจื่อเว่ยรอบรู้ทั้งยังเปี่ยมด้วยทักษะ เมื่อเขามองสิ่งใดย่อมตีความได้อย่างถูกต้องถึงเจ็ดส่วน

เข้าวันที่สามแล้วที่อวิ๋นมู่หลันอยู่รับใช้โจวจื่อเว่ย อีกฝ่ายเป็นคนเรียบง่ายไม่ได้ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ แม้แต่เสื้อผ้าเขานางก็ไม่ได้แตะต้อง การใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายจึงเหมือนอยู่ไปวัน ๆ ทว่าด้วยเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อวิ๋นมู่หลันจึงเข้าไปขลุกในโรงครัวที่ปรุงอาหารของเหล่าแม่ทัพและสำหรับโจวจื่อเว่ย

“นางใบ้มีลิ้นที่ดีเยี่ยมและยังแกะสลักผักได้ดี การใช้มีดของนางยิ่งน่าอัศจรรย์ มีดเรียวเล็กเพียงนั้นแต่เหตุใดหั่นผักได้ละเอียดนัก”

“ดูนางทำหน้าสิ คงคิดว่าเราชม” คนงานบางคนไม่ชอบขี้หน้าหญิงสาว เพราะถึงจะมีความอัปลักษณ์ให้เห็นชัดเจน แต่ดวงตากลับหวานซึ้ง จมูกเชิด ริมฝีปากอวบอิ่ม ทั้งรูปร่างก็บอบบางชวนให้ทะนุถนอม

ชายหัวหน้าพ่อครัวโบกมือไปมา เขาไม่อยากให้คนงานต้องขัดแย้งกัน อีกทั้งมีใจเมตตาอวิ๋นมู่หลันเพราะนางช่วยงานเขาได้ดีกว่าพวกที่อยู่กับเขามาหลายปีเสียอีก

“ยังไงก็สงสารนางเถอะ หรือส่งไปหลังค่ายให้เป็นคณิกาก็ยากนักที่จะมีใครอยากนอนด้วย ใบหน้าอัปมงคลอยู่สามส่วนทีเดียว”

ชายเฒ่าอีกคนว่าและพิศอวิ๋นมู่หลันอย่างสนใจ

“ก็แค่ไฝดำ ที่ใหญ่ไปสักหน่อย”

“ไฝที่ไหนกัน ดูให้ดี ๆ สิ นั่นมัน ‘โลหิตทมิฬ’ ต่างหาก ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่า หากไม่ได้รับการรักษา มันจะขยายใหญ่จนเต็มตัวภายในเวลาไม่ถึงปี!” เสียงของทหารอีกคนกล่าวก่อนชะโงกหน้าเข้าใกล้ ๆ อวิ๋นมู่หลันจนนางต้องถอยห่างเขา

“เหลวไหล เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใด”

“นานแล้ว ตั้งแต่ข้าจำความได้กระมัง โรคนี้น่ากลัวยิ่งนัก” นาย ทหารคนเดิมเสริมต่อ เขาเคยอยู่ทางภาคใต้และรู้เรื่องลึกลับและไสยเวทย์ของชาวเผ่าต่าง ๆ

อวิ๋นมู่หลันฟังสิ่งที่คนงานโรงครัวเอ่ยแล้วนางก็ครั่นคร้ามใจ แต่ยังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงแต่ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง และคอยช่วยงานสารพัดอย่าง แม้จะเหนื่อยจนเหงื่อท่วมร่างแต่นางอิ่มท้อง อีกทั้งช่วยให้การอยู่ที่นี่ไม่เงียบเหงาเกินไป

“นี่พวกเจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้แม่ทัพกวนกำลังไล่ต้อนพวกคนเถื่อนที่อยู่กำแพงเมืองทางทิศตะวันตกให้กลับเข้าป่า พวกนั้นอำมหิตมาก แต่ยังสู้แม่ทัพกวนของพวกเราไม่ได้ นายทหารบอกว่าแม่ทัพกวนคนเดียวรับมือศัตรูได้คราวละครึ่งร้อย”

ชายสูงวัยเอ่ยอย่างชื่นชมเทพสงครามกวนเฉินหลาง

“ข้าก็ได้ยินอย่างนั้น และยังมีคนพูดว่า หากใครติดรูปภาพของแม่ทัพกวนไว้ที่บ้านจะได้ลูกชายที่แข็งแรงและห้าวหาญ เติบใหญ่ย่อมเป็นผู้รักษาแผ่นดินต้าเหอ”

คำพูดเหล่านั้นอวิ๋นมู่หลันคิดค้านในใจ คนอย่างกวนเฉินหลาง คือ ‘ปีศาจ’ ถึงจะเคยยื้อลมหายใจนางจากมัจจุราชแต่ก็ไม่ใช่เจ้าของชีวิต

เช้าวันนี้อวิ๋นมู่หลันไม่ได้ไปช่วยงานในครัว แต่นางอาสาไปส่งเนื้อไก่กับเนื้อแพะให้สุนัขที่กองทัพเลี้ยงไว้ นางเป็นคนรักสัตว์ ได้ยินว่ามีลูกสุนัขคลอดได้สามเดือนกว่า ๆ แล้ว กำลังจ้ำม่ำน่ารักน่าชัง เมื่อคนงานคุยเช่นนั้นนางจึงอยากเห็นเหลือเกิน เพราะสมัยช่วยงานพี่ใหญ่นางเคยฝึกสุนัขของชาวเขาและมีการซื้อขายหมาป่าด้วย

หญิงสาวไปกับคนงานหญิงสองคนและนายทหารตัวสูงผู้หนึ่ง กระทั่งไปถึงกรงขังขนาดใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นพ่อพันธุ์สุนัขที่น่าเกรงขาม ตัวมันโตราวกับราชสีห์ ขนสีน้ำตาลเข้ม กะโหลกใหญ่ ดวงตาดุดันวาววาม เหนืออื่นใดคือเขี้ยวยาวใหญ่และแหลมคม ประเมินแล้วน่าจะเป็นสุนัขที่ใช้งานในป่าหรือที่อาศัยอยู่บนเขาสูง แต่สายพันธุ์นี้นางไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งยอมรับว่าครั่นคร้ามใจอยู่มาก ด้วยเวลามันยืนนั้นตัวสูงใหญ่มาก

“อย่าเข้าไปใกล้ เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันกำลังติดสัด!”

อวิ๋นมู่หลันกลัวอยู่ในตอนแรก ทว่าพอมองให้ดีนางรับรู้ได้ว่ามันเป็นเพียงสัตว์ตัวโตหากได้รับการเอาใจใส่ที่ดีย่อมมีจิตใจอ่อนโยน

จากกรงที่ขังพ่อพันธุ์ไว้ อวิ๋นมู่หลันต้องตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นางจึงนั่งยอง ๆ ข้างนายทหารคนดังกล่าว เมื่อเห็นลูกสุนัขอีกสามตัวที่วิ่งไปมา พวกมันมีโซ่เล็ก ๆ ล่ามเอาไว้

“แม่มันตายหลังจากคลอดพวกนี้ได้แค่สิบกว่าวัน ตอนนี้ต้องป้อนทั้งนมแพะ แล้วก็เลือดสด ๆ”

นายทหารว่าและหัวเราะหึ ๆ การแสดงออกเขาดูเปลี่ยนไปเล็ก น้อย ส่วนตอนนี้คนงานหญิงสองคนก็ยืนห่างออกไป เหมือนคอยดูต้นทาง!

“เจ้ารู้ไหม ราคาของพวกมันมีค่าสูงกว่าหมื่นตำลึง และถ้าโตเต็มวัยราคายิ่งจะสูงกว่านี้”

อวิ๋นมู่หลันเคยเลี้ยงแต่สุนัขทั่วไปกระนั้นก็พอมีความรู้อยู่บ้าง นางยื่นมือให้ลูกสุนัขตัวหนึ่งเลียและเย้าหยอกพุงหลาม ๆ ของมัน ลูกสุนัขเห่าเย้าหยอกและส่ายหางรัวเร็วกับพื้นก็ทำให้นางยิ้มกว้าง

จิตใจหญิงสาวแจ่มใสทันที ลูกสุนัขเลียมือนางและมันยกก้นสูง ดวงตาสีดำขลับมีประกายสดใส หญิงสาวทั้งยิ้ม ส่งเสียงอื้ออ้าทักทายมัน ลูกสุนัขก็เห่าใส่อย่างเป็นมิตร

มันพลิกตัวเกลือกกลิ้งกับต้นหญ้า เป็นตอนนั้นที่อวิ๋นมู่หลันเห็นว่าโซ่ที่ห้อยคอมันขาดจึงไม่ได้ถูกล่ามไว้กับเสาไม้เหมือนตัวอื่น ๆ

“หยุด! เจ้าทำอันใด พวกมันเป็นสัตว์ อย่าทำให้มันเชื่องอย่างนั้น!”

นายทหารว่าจบจึงผลักร่างของอวิ๋นมู่หลันอย่างแรงจนนางเซล้มก้นกระแทกพื้น พลอยให้นางอยู่ในท่าทางที่ไม่งามนัก สองขาแยกกว้างอีกทั้งสีหน้าดูตื่นกลัวราวกับนางกวางน้อยพลัดหลงฝูง จากนั้นก็เกิดสิ่งคาดไม่ถึง เมื่อนายทหารมองอวิ๋นมู่หลันด้วยดวงตาหื่นกระหาย!

“ตั้งแต่เจ้าเข้ามาที่ค่ายทหาร ข้าก็เฝ้ารอโอกาสนี้มานาน ของแปลก ๆ ที่มีตำหนิ ช่างเร้าใจข้าเหลือเกินนังใบ้!”

อวิ๋นมู่หลันรู้แจ้งในตอนนั้น นางหลงกลนายทหารผู้นี้ มิน่าเขาถึงยอมพานางมาที่คอกสุนัข เพื่อแลกกับการได้ข่มเหงนางอย่างนั้นหรือ

หญิงสาวส่ายหน้าหวือแล้วยกมือขอร้อง นางเป็นคนของโจวจื่อเว่ย อย่างไรเขาควรไว้หน้ากุนซือผู้นั้น

“ข้าแค่อยากแอบเลียกลีบอุ่น ๆ และดูดนมเจ้าสักเล็กน้อย รับรองไม่มีใครรู้หรอก ยอมข้าเสียแต่โดยดี เพราะเป็นเจ้าเองมิใช่หรือที่ร่านจนเดินตามข้ามาถึงที่นี่”

อวิ๋นมู่หลันนึกโทษตัวเอง นางจะโง่ซ้ำซ้อนเช่นนี้ถึงเมื่อไหร่ ยามนั้นนางเอื้อมมือสะเปะสะปะก่อนคว้าได้ไม้มาท่อนหนึ่ง

“เจ้ากล้ารึ ข้าคือซ่งเถียน เป็นหัวหน้าหมู่ดูแลลูกสุนัขของท่านแม่ทัพเชียวนะ” ทำไมอวิ๋นมู่หลันจะไม่กล้า

หากอีกฝ่ายเข้ามาอีกนิดนางไม่ยั้งมือแน่ แต่ไม่ทันที่นางจะได้ลงมือกับอีกฝ่าย ลูกสุนัขตัวสีดำเข้มขนยาวตัวที่หญิงสาวเย้าหยอกเมื่อครู่พลันส่งเสียงคำรามอย่างน่ากลัว ก่อนที่มันจะกระโจนเข้าใส่ซ่งเถียน

ถึงมันจะอายุเพียงสามเดือนกว่าแต่ฟันแหลมคมทั้งยังมีพละ กำลังมิน้อย ดังนั้นหูของทหารจึงถูกมันกัดและสะบัดไปมา พอเขารู้ตัวอีกทีก็ยกมือข้างหนึ่งปิดเอาไว้แล้วร้องโหยหวนอย่างเสียขวัญ กระทั่งคนงานหญิงสองคนวิ่งหน้าตื่นมาและทำตามคำสั่งนายทหารด้วยการใช้แส้ฟาดใส่ลูกสุนัข

อวิ๋นมู่หลันเห็นดังนั้นก็เตรียมเข้าไปช่วยลูกสุนัข แต่นางกลับถูกคนงานหญิงอีกคนตบที่หน้าจนชาหนึบ

ขณะเดียวกัน ทหารผู้นั้นก็กล่าวโทษนางว่าเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องเสียหูข้างหนึ่ง

“ถ้าหากเจ้าไม่ตื๊อที่จะมากับข้าก็คงไม่เกิดเรื่อง!”

ซ่งเถียนที่ใบหูอาบด้วยเลือดว่าแล้วก็ถลึงตาใส่อวิ๋นมู่หลัน ก่อนเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้นางต้องเสียวสันหลังวาบ

“ฮึ สิ่งที่เจ้าควรรู้ไว้ก่อนจะต้องตายก็คือ พวกข้าเห็นนังใบ้สติไม่ดี ปล่อยลูกสุนัขของท่านแม่ทัพ... ลูกสุนัขที่ต้องมอบให้แก่องค์ชายแปด!”

อวิ๋นมู่หลันตื่นตกใจจนมือไม้สั่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พริบตาต่อมาซ่งเถียนก็ไล่ตีลูกสุนัขตัวดังกล่าว แต่ก่อนที่มันจะออกวิ่งหนีไปดวงตาสีดำวาววามหันมามองหญิงสาวแวบหนึ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel