หญิงหม้ายผู้มากวาสนา

75.0K · จบแล้ว
เขมปัณณ์
46
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สตรีผู้นั้น ทั้งอัปลักษณ์และไร้ยางอาย นางเขียนป้ายขายตนในราคาห้าตำลึงเงิน ฝ่ายเขาคือ ‘พ่อม่าย’ ผู้มีดวงกินเมีย สวรรค์ลิขิตไว้เช่นนี้ ให้ผีเน่ากับโล่งผุ ผูกด้ายแดงไว้คู่กัน

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายรักนิยายย้อนยุคเกิดใหม่ในนิยาย

1

เกริ่น

**************

ริมฝีปากอวบอิ่มขยับไว้ เสียงของนางกว่าจะคลำหาพบ แล้วส่งมันออกมา ก็ใช้เวลาอยู่เกือบอึดใจใหญ่

“หัวเกอ... สตรีไร้หัวนอนปลายเท้าผู้นี้ ยังเป็นที่ต้องการของคนแซ่ซ่ง อย่างเช่นวันแรกที่ได้พบกันหรือไม่”

หรันอันเจียวถามเขา สายตานางเต็มไปด้วยความคาดหวัง และรับรู้ได้ว่า ที่ตลาดเมืองฉิน เมื่อได้เห็นอีกฝ่าย บุรุษผู้นี้ตกหลุมรักนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะผู้เฒ่าจันทราได้ผูกด้ายแดงเชื่อมหัวใจสองดวงเอาไว้ให้คู่กัน

ดวงตาคมกริบมองนางเนิ่นนาน แสงที่ทอส่งถึงนางช่างอ่อนโยนยิ่งนัก “บุรุษผู้นี้ ย่อมไม่กลับคำพูดตน เป็นแม่ให้ลูกโฉวแล้ว จงเป็นสตรีข้างกายข้าเถิดนะ อารุ่ย”

หลันอันเจียวตื่นเต้นยิ่งนัก นางผู้มาอาศัยร่างผู้อื่น และยามนี้กำลังจะมีความลึกซึ้งกับบุรุษผู้หนึ่ง

“ข้าคงต้องพึ่งหัวเกอเรื่องนี้ และหวังว่าท่านจะไม่ทิ้งข้าไว้กลางทาง... และอย่างไร สตรีคงทำได้เพียงแค่โอนอ่อนตามบุรุษ”

***********

แนะนำเรื่อง

บล็อกเกอร์สาวผู้สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการเปิดโฮมคิดเช่น ซึ่งมีผู้ติดตามมากว่า 10 ล้านคน ย้อนเวลามาเกิดใหม่เป็น หรันอันเจียว หญิงหม้ายผู้สูญเสียความทรงจำ ซึ่งเมื่อนางมาถึงเมืองฉิน ก็ประกาศขายตัวในราคา 5 ตำลึงเงิน

ผู้คนต่างหยามหมิ่นว่าไร้ยางอาย สิ้นหัวคิด ทว่าพ่อม่ายผู้หนึ่งได้ซื้อนางไว้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ ลูกชายของเขาชอบรอยยิ้มนาง ที่คล้ายมารดาผู้จากไป

“ท่านพ่อ... พี่สาวคนนั้น ยิ้มเหมือนท่านแม่เลยขอรับ”

ซ่งโม่โฉ่วบอกบิดา และยิ้มพร้อมโบกมือให้หรันอันเจียว

“เหลวไหลเหลือเกินเสี่ยวโฉว นางทั้งอัปลักษณ์ และสติไม่ดี เขียนป้ายขายตนมิต่างจากสตรีให้ตรอกโคมเขียว อีกอย่างนางเหมือนมารดาเจ้าก็ดีอยู่หรอก แต่งามไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่ง ของมารดาข้า” คนเป็นพี่สาวดุน้องชาย และเขาทำหน้าง้ำงอ ด้วยเสียใจ ทั้งกลัวจะไม่ได้พานางผู้นั้นกลับเรือน

“โฉ่วเกอ มีเงินอยู่นิดเดียว แต่อยากซื้อนางกลับไปเป็นท่านแม่ที่บ้านเราได้ไหมขอรับท่านพ่อ ให้นางร้องเพลง ทำอาหาร และคอยเย็บผ้าที่ขาดให้ทุกคน เพราะท่านย่าสายตาไม่ดีแล้ว ส่วนเจี่ยหยานก็ขี้เกียจ วันๆ ไม่ทำสิ่งใด”

ซ่งเฟิงหัวหยุดสืบเท้าไปข้างหน้า และหันไปทางหญิงผู้นั้น ที่ใบหน้าซีกหนึ่งมีรอยตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ทว่าการที่นางยิ้มอยู่ตลอด และดวงตากลมโตซึ่งส่องประกายแห่งความสดใสออกมา จึงทำให้นางน่ามองมิน้อย ถึงอย่างนั้น นางช่างไร้หัวคิด ประกาศขายตนเองในเมืองที่ไร้ซึ่งขอทาน และทุกคนที่นี่ต่างไม่มีใครงอมือ งอเท้า ด้วยใช้แรงงานแลกอาหารทั้งสิ้น

“ท่านพ่อ ข้ามีหนึ่งตำลึง ส่วนท่านจ่ายสี่ตำลึง และเราไปซื้อนางกลับเรือนนะขอรับ” ซ่งโม่โฉวเอ่ยอีกหน และไม่ทันที่ซ่งเฟิงหัวจะตอบ เขาวิ่งเร็วจี๋ไปหยุดตรงหน้าสตรีนางนั้น

“หากข้าจ่ายท่านห้าตำลึงเงิน เป็นมารดาหลอกๆ ให้ข้าสักหนึ่งวันได้หรือไม่ขอรับ ขอแค่กอด ไม่ต้องจุ๊บเหม่ง และบอกฝันดีข้าก็ได้”

เด็กชายถามหรันอันเจียว และนางมองเขาด้วยความเอ็นดู

บทนำ

สองปีเดือนก่อน

แคว้นจ้าว ณ ภูเขาหัวขาด ห่างจากเมืองฉินซึ่งอยู่ทางใต้ราวๆ พันห้าร้อยลี้

สตรีหม้ายนางนั้นได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่สอง หลังจากฮ่องเต้อภัยโทษให้ผู้ที่ไม่มีความผิดร้ายแรง กระนั้นนางก็ถูกเนรเทศไปอยู่ทางใต้ห้ามกลับเมืองหลวงชั่วชีวิต และบุตรหลานสกุลตู้ ห้ามรับราชการในรัชสมัยของฮ่องเต้จ้าวหมิง (จ้าวอ๋อง)

ทว่าระหว่างการเดินทางไกลพร้อม คนสกุลเดิมของสามีเกือบร้อยชีวิต ได้มีมือสังหารไม่ทราบฝ่ายบุกฆ่าชีวิตผู้คนราวกับเป็นผักปลา และยังจงใจสังหารหรันอันเจียว ไม่ให้นางเดินทางไปถึงจุดหมาย เพื่อใช้ชีวิตใหม่

“พี่สะใภ้ หนีเอาตัวรอดก่อน อย่าให้ผู้ใดจับตัวได้”

คนที่ร้องบอกนางก็คือ ตู้หงเทียน หรือคุณชายรองสกุลตู้ น้องชายสามีของนางนั่นเอง เขาพ้นโทษประหาร เนื่องจากเปิดโปงความชั่วช้าของขุนนางกังฉินหลายคน รวมถึงบิดาของตนด้วย !

“แล้วเจ้าเล่า คนพวกนั้น ย่อมไม่ปล่อยให้ใครรอดเป็นแน่”

ตู้หงเทียนสูดลมหายใจลึก และบอกว่า “พวกหมาลอบกัด อาจเป็นคนของพี่ใหญ่ และเขาคงแค้นที่ทั้งข้ากับพี่สะใภ้ ทำให้สกุลตู้กับอีกสามสกุลใหญ่ ต้องพบจุดจบเช่นนี้”

ตู้หงเทียนเป็นคุณชายรอง เขาเกิดจากอนุในเรือน และมารดาถูกฮูหยินใหญ่ใส่ร้ายจนสิ้นลมหายใจเมื่อเขาอายุได้เพียงสามขวบ เขามีชีวิตในสกุลตู้ที่ลำเค็ญอยู่สักหน่อย ซึ่งมันเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาร่วมมือกับหรันอันเจียว ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับการขูดรีดราษฎร และหาผลประโยชน์ไม่ชอบธรรมด้วยการใช้ตำแหน่งขุนนางของใต้เท้าตู้ ผู้เป็นพ่อสามีของหรันอันเจียว

“ชั่วชีวิตที่ผ่านมา บิดาสอนให้ยึดหลักคุณธรรม แต่ครั้งนี้ข้าทำให้หลายชีวิตต้องจากไป รวมถึงคุณชายใหญ่ตู้”

หรันเจียวอันกล่าวเช่นนั้น ด้วยอยากระบายความอัดอั้นตันใจ บิดาผู้ล่วงลับของนางคือเจ้าเมืองเฉิง หลังจากเขาถูกลอบสังหาร นางก็ถูกส่งขึ้นเกี้ยวเข้าสกุลตู้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะแม่เลี้ยงของนาง ต้องการสินสอดจากฝ่ายชาย ทั้งยังอยากให้หรันอันเจียว ไปให้ห่างเรือนของบิดา

“พี่สะใภ้ทำถูกต้องแล้ว มิเช่นนั้น ทุกชีวิตคงถูกประหาร คนบริสุทธิ์ต้องตายโดยไม่ได้กระทำความผิดอันใด”

ตู้หงเทียนกล่าวจบก็ถูกมือสังหารผู้หนึ่งพุ่งมาพร้อมดาบอันใหญ่ หวิดที่จะฟันถูกแขนข้างหนึ่ง แต่เขาหลบได้ทัน ด้วยบ่าวที่จงรักภักดีคนหนึ่ง เอาตัวขวางไว้

“คุณชายรอง ผู้น้อยไร้ความสามารถตอบแทนท่านได้เท่านี้”

ภาพดังกล่าวทำให้หรันอันเจียวตกใจ จนร่างกายแข็งทื่อ กระทั่งตู้หงเทียนดึงข้อมือนาง พาออกวิ่งหลบคมดาบ หญิงสาวจึงตั้งมั่นพยายามรักษาชีวิตให้รอด

“พี่สะใภ้ ข้าจะถ่วงเวลาให้ ไป... วิ่งตรงไป อย่าได้หันหลังกลับมามองอีก”

หรันอันเจียวไม่ใช่คนโง่ แต่นางไม่ได้มีความกล้าหาญเพียงนั้น อีกทั้งห่วงน้องสามี เขาดีต่อนางมาก ในจวนตู้คนผู้นี้ ยื่นมือช่วยนางมาตลอด จนหลายหนผู้เป็นสามี เข้าใจผิดว่า หรันอันเจียวสวมหมวกเขียวให้แก่เขา

“ขอบใจ คุณชายรอง... บุญคุณครั้งนี้ หากข้ายังมีชีวิตรอด จะต้องตอบแทนท่านแน่นอน”

นางบอกเขาแล้วจึงออกวิ่งจากไป ในขณะนั้นลูกธนูก็พุ่งตรงมาหลายดอก เสียงกรีดร้องเสียงการขอความช่วยเหลือดังอยู่รอบๆ ทิศ