ฝึกวรยุทธ์
หยางเจี๋ยหัวเราะฟันขาวคุณหนูสี่เห็นได้ชัดว่ายังไร้เดียงสานัก พูดคุยเรื่องแต่งงานกับนางคงยังเร็วเกินไปจึงมีแต่เพียงขบขันเท่านั้น ฉีเย่ว์เห็นแล้วคิดว่าใบหน้าของหยางเจี๋ยน่าดูมากจึงบิดแก้มเขาเบาๆ แล้วพูดว่า
"เห็นหรือไม่ ในที่สุดท่านก็เห็นด้วย"
"ยัยเด็กจอมยุ่ง ก็ได้พี่จะสอนให้ แต่รอให้เจ้าพร้อมเสียก่อนอีกอย่างต้องขออนุญาตนายท่านก่อนถึงจะสอนได้ไม่เช่นนี้พี่ต้องถูกโบยแน่"
"ข้าไม่อยากให้ท่านถูกโบย ได้ข้าจะขอท่านพ่อก่อน"
หยางเจี๋ยคุ้นเคยกับชีวิตในชาตินี้เป็นอย่างดีแล้ว เขาแม้จะมีฐานะต้อยต่ำแต่ก็หาได้มีผู้ใดที่มารังแก จวนราชครูคนที่อาศัยอยู่ล้วนเป็นผู้ที่อยากจะเป็นบัณฑิตผู้คนในจวนจึงอ่อนปวกเปียก มีเพียงทหารองครักษ์ที่เฝ้าปฏิบัติหน้าที่ของตนเองที่พอจะดีมีเรี่ยวแรงบ้างซึ่งคนพวกนั้นก็หาได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากหน้าที่ของตน
เรื่องราวในจวนมีไม่มากแต่เรื่องหลักที่หยางเจี๋ยแอบกระทำเป็นประจำคือ คุ้มครองคุณหนูสี่ผู้ไม่เคยรู้อะไรเลยผู้นั้นจากความร้ายกาจของฮูหยินใหญ่และพวกของนาง
สงครามเล็กน้อยในจวนราชครูของสตรีพวกนี้แน่นอนหยางเจี๋ยย่อมไม่คิดว่าเป็นสงคราม การกลั่นแกล้งเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการวางกับดักในจวนเล็กน้อยเพื่อให้คุณหนูสี่ได้รับบาดเจ็บเป็นหยางเจี๋ยที่ช่วยนางเอาไว้โดยที่เด็กหญิงผู้นั้นไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดเลย นางยังคงใช้ชีวิตอย่างไร้เดียงสาคิดว่าพวกพี่สาวของตนเองนั้นรักใคร่นางเช่นเคย
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากที่ทนดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กผู้หนึ่งถูกคนกลั่นแกล้งไม่ได้จึงคอยช่วยเหลือ จนในวันนี้การคุ้มครองนางกลายเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว อีกทั้งในโลกใบใหม่ของหยางเจี๋ยนั้นสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นและตกตะลึงคือร่างกายคนเราแสนประหลาด หากฝึกได้อย่างถูกต้องก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ แม้จิตวิญญาณของเขาจะเป็นผู้ใหญ่วัยใกล้สามสิบปีแต่ร่างกายของเขายังเป็นเด็ก การได้ค้นพบอะไรที่ตื่นเต้นอีกทั้งยังได้ใช้กำลังทำให้หยางเจี๋ยสนใจเป็นอย่างมาก
เขาซึ่งมีพื้นฐานความอดทนจากการเป็นทหารแม้จะตั้งใจห่างจากเรื่องสงครามแต่เพราะหัวใจที่รักในเรื่องการใช้กำลังและต้องการฝึกร่างกายของหยางเจี๋ยให้แข็งแรงโดยไวอีกทั้งในคลังสมบัติอันน้อยนิดของหยางเจี๋ยที่ขนมาจากสกุลเดิมยังมีตำราวรยุทธ์ที่น่าสนใจเล่มหนึ่ง หยางเจี๋ยด้วยนอกจากเลี้ยงม้าไปวันๆ แล้วไม่มีสิ่งใดทำจึงตั้งใจลองฝึกฝนตามตำรานี้อย่างเคร่งครัด
สองปีต่อมาเขาก็ฝึกท่าทางในตำราอย่างชำนาญจนกระทั่งตอนนี้ฝีมีเขารุดหน้าไปมาก เพียงแต่ยังไม่เคยลองต่อสู้กับผู้ใด ที่นี่ไร้สงครามไร้การสู้รบแต่มีสำนักดีๆมากมายที่ให้เขาศึกษา หยางเจี๋ยได้ฝากตนเข้าเป็นศิษย์สำนักแห่งหนึ่งแต่ไม่นานเขาก็พบว่าเจ้าสำนักนั้นยังไม่อาจสู้เขาได้หยางเจี๋ยจึงลาออกจากสำนักแห่งนั้นทันใด
จนกระทั่งเขาพบผู้เฒ่าลึกลับแห่งหนึ่งหยางเจี๋ยได้มีโอกาสสู้กับคนคนนั้น พบว่าถึงเป็นชายชราก็เก่งกาจยิ่งเพราะความอยากรู้ว่าตนเองจะฝึกได้ถึงขั้นไหนอีกทั้งนับถือชายชราผู้นั้นหยางเจี๋ยจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของชายชราผู้ลึกลับนั่น
หยางเจี๋ยลอบฝึกวรยุทธ์ทุกวัน ทักษะของเขาโดดเด่นทำให้อาจารย์พอใจในความรุดหน้าของหยางเจี๋ยเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งอาจารย์ได้ถามเขาว่า
"ฝีมือเจ้าดีเช่นนี้ไม่คิดจะเข้าร่วมกองทัพหรือ อาจารย์เห็นว่าเจ้าอาจก้าวหน้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอนาคตเจ้าอาจคว้าตำแหน่งแม่ทัพใหญ่มาครองได้"
"ท่านอาจารย์ข้าเพียงฝึกวรยุทธ์ไว้ให้ร่างกายแข็งแรง ไม่คิดจะไปลงสนามรบเข่นฆ่าใคร"
"ไม่ถือว่าเสียเปล่าหรือ เจ้าฝึกหนักเพียงนี้แต่ไม่ได้ปกป้องคุ้มครองผู้ใดเลย"
หยางเจี๋ยนิ่งคิด เขาเพียงแต่ยิ้มบางไม่ได้ให้คำตอบออกไป ความจริงก็หาได้เสียเปล่า อย่างน้อยเขาก็ได้ใช้มันปกป้องคุ้มครองเด็กหญิงผู้หนึ่ง คงมีเพียงนางผู้เดียวในชาตินี้ที่เขาจะยอมปกป้องกระมัง