ตอนที่ 4.1
ตอนที่ 4 คิดเพิ่มเท่าไร
“รถพี่ล่ะ ให้ป๊อปไปส่งที่ร้านนั้นก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร”
สภาพเมามายแบบนี้เหรอที่บอกจะไปส่งเขาก่อน ไม่น่ารอด แทบจะถอดรองเท้าเดินอยู่แล้ว ไอ้ที่ใส่มานั่นก็ไม่รู้จะสูงไปไหน แต่รองเท้าจะสูงเท่าไรตัวเธอก็ไม่ถึงคางเขาเลย ตัวเล็กแค่นี้ทำอวดเก่ง
คีตะตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่ชอบทำ แล้วเดินนำเธอไปที่ลานจอดรถ นี่ก็คงเป็นการเอาใจใส่ลูกค้าที่ดีมากทีเดียวสำหรับเขา ป๊อปสบประมาทเขาไว้เยอะ ภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ ของเขาที่แท้มันแฝงไปด้วยความอบอุ่นมากมาย
เธอจะคิดว่าอย่างนั้น เพราะอย่างน้อยคีตะก็ไม่ทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว
“เอาใจเก่งแบบนี้ ลูกค้าต้องเยอะแน่ ๆ” ถึงจะพูดไม่เก่งก็เถอะ
เธอก็เริ่มไม่แน่ใจว่าคีตะเพิ่งมาสมัครงานหรือทำตั้งนานแล้วเพราะดูจากพฤติกรรมของเขาดูเข้าอกเข้าใจผู้หญิงมากทีเดียว
เขาไม่ตอบเพียงแค่ปรายตามองหญิงสาวแล้วกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปจากร้าน ในเวลานี้ก็เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว
ลูกค้าที่ไหนไม่มีสักคน นอกจากลูกค้าที่จ้างส่งของให้ มีไม่กี่คนแต่งานก็มีตลอด ค่าส่งก็แค่พอเก็บไว้ใช้จ่ายกับออมไว้ใช้ยามจำเป็นซึ่งมันก็ไม่มากพอกับที่ต้องใช้เวลานี้
ตั้งแต่ที่แม่ล้มป่วยลงเขาก็เริ่มใช้ชีวิตลำบาก ร้านน้ำปั่นของแม่ก็ไม่ได้เปิดมานาน รายได้ก็ไม่มี คีตะต้องหางานพิเศษทำ เงินเก็บแม่ก็ใช้สำหรับค่ารักษาพยาบาลจากส่วนต่างที่ประกันจ่ายให้ ตอนนี้มันก็ไม่พอแล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายของแม่ก็มีฝาแฝดของเขาช่วยบ้างแต่เขาก็ไม่คิดจะขอมันทั้งหมด
“ถ้าสมมติว่าป๊อปอยากให้พี่คีตะรับงานนี้แค่งานเดียว ช่วงที่ป๊อปจ้างพี่ จะคิดเพิ่มเท่าไร”
ก็ยอมรับว่าเมาแต่เธอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ปกติป๊อปเองก็ชอบพูดอะไรที่ใจคิดอยู่แล้วมันก็ไม่ได้แปลกที่จะตรงไปตรงมาอย่างนี้ จุดประสงค์มันก็เป็นอย่างนั้นจริง
“ฉันไม่รับอยู่แล้ว” ใครมันจะมาจ้างทำเรื่องบ้าบอแบบนี้นอกจากเธอ
“อ้อ ดีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“...”
“ก็ถ้าป๊อปอยากให้พี่แกล้ง ๆ เป็นแฟน กลัวมีคนเห็นว่าพี่ควงสาวคนอื่น เดี๋ยวมันตลก”
เธอรีบอธิบายเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ คีตะพยักหน้าอย่างเข้าใจและเขาก็เงียบต่อ เขารู้ว่าเธออยากควงเขาเพื่อให้ไอ้นั่นเห็น ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่อยากเอาชนะหรือไม่ก็อยากอวดว่ามีแฟนแล้ว อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองไม่ได้แย่
แล้วเธอก็ไม่ได้รบกวนเขาอีก ได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว เวลานี้มันจะมีอะไรให้คิดได้อีกนอกจากเรื่องของสองคนนั้น การได้เจอหน้าน้องรหัสที่หักหลังกันเกือบทุกวันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย เธอถึงหยุดเรียนจนดูเป็นคนเหลวไหลไปแล้ว
เมื่อเห็นป๊อปเงียบ คีตะก็เงียบ เขาไม่ใช่คนชวนคุยเก่ง ยิ่งมีเรื่องให้คิดด้วยแล้วเขายิ่งคิดเรื่องที่จะคุยกับอีกฝ่ายไม่ออก แต่ก็มีคำถามหนึ่งที่เขาอยากถาม แต่ถ้าถามไปมันอาจจะกลายเป็นปัญหา
และลูกค้าอาจจะไม่จ้างเขาต่อ
“พี่เคยมีแฟนไหม”
“ก็เคย นานมากแล้ว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แฟนที่ว่านั้นคบกันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเรียกแฟนหรือเปล่า เพราะในเวลานั้นเขารู้สึกว่าไม่ใช่ ก็เพราะใครคนนั้นอีกนั่นแหละเขาถึงรู้สึกว่าหลอกตัวเอง
ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าฟ้า เธอเป็นเพื่อนกับเขามานานแล้วและเขาแอบชอบฟ้ามานานจนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ไม่เคยคิดจะสารภาพรักเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเขากับเธอมันจะพังลง
กระทั่งช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัย ฟ้าเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น มีผู้ชายมากมายมาชอบเธอ เขาก็แสดงออกมากขึ้นว่ามีใจให้กับเพื่อนตัวเอง แต่อีกฝ่ายยังคงทำเป็นไม่รู้ นั่นอาจหมายถึงการปฏิเสธโดยไม่ต้องพูดให้รู้สึกแย่
เขารู้ตัวดีว่าตัวเองต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว ครอบครัวของฟ้าไม่ได้ชอบหน้าเขานักตั้งแต่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับฟ้า นั่นอาจเป็นเพราะเขามันจน แม่ก็ยังป่วยด้วยโรคร้าย เขาเคยได้ยินคำดูถูกจากแม่ของเธอ ตอนนั้นแหละถึงทำให้คิดได้ว่าไม่ควรพยายามอีกต่อไป
บางทีการเป็นเพื่อนกันมันอาจจะดีที่สุดแล้ว
เพราะแบบนี้เขาจึงถอยออกมา และคิดว่าตัวเองถอยมาไกลมากแล้ว ปล่อยให้เธอคนนั้นไปคบกับผู้ชายอีกคนที่คู่ควรกัน
“ไม่น่าเชื่อ มีคนปล่อยให้พี่โสดมาถึงทุกวันนี้ได้ไงเนี่ย” หรือว่าไม่ชอบผู้หญิง
เอาจริง เป็นใครก็ต้องคิด ไม่ใช่แค่เธอแน่ เขาทั้งหล่อ ทั้งเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็ดีเด่นระดับมหาวิทยาลัย อยู่คณะที่สาว ๆ หลายคนเพ่งเล็ง มันจะอยู่โสด ๆ แบบนี้ได้อย่างไร
เธอคิดแตกออกเป็นสองประเด็น คือ หนึ่งเขาเลือกมากสองเขาไม่ชอบผู้หญิง
“...” คนฟังเงียบ
ใครบอกว่าเขาไม่อยากมี แต่อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาเอาตัวเองผูกติดกับบางคนไว้ถึงไม่เคยได้ลองคบกับใคร เขาตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง รอวันที่จะสารภาพรักแต่ตอนนี้ถึงแม้เขาจะพูดมันไปแล้วก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้น
คีตะตัดสินใจเดินออกมาจากความอึดอัดพวกนั้นแล้วเพราะเหตุผลบางอย่าง
อีกอย่างตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากมาย โตขึ้นมากพอที่จะรู้ว่าตรงไหนอยู่ไปแล้วเสียเวลา ตรงไหนคือที่ที่เขาไม่ควรยืน
“ถือว่าป๊อป เป็นแฟนแล้วกันเนอะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบเธอจึงรีบแก้สถานการณ์อันแสนอึดอัดด้วยการแกล้งเขาเล่น คนฟังหันมามอง เขาไม่ยิ้มแต่ก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไรออกมา
“ก็ดี” เขาพูดแค่นั้น
“ถึงจะเป็นแค่งาน แต่เราจะเป็นแฟนที่รักกันที่สุดจนคนอื่นอิจฉาไปเลย”
คีตะหัวเราะในลำคอ พร้อมกับเผลอยิ้มออกมาเพราะมีคนชวนให้ยิ้ม
“เรื่องเงิน ป๊อปจ่ายให้พี่ก่อนเลยเผื่อว่าพี่ต้องใช้ เอาเลขส่งมาทางไลน์ได้เลยนะ” เธอรู้ว่าเขาต้องใช้เงินเพื่อเอาไปรักษาแม่ตัวเอง
“ไว้ใจฉันขนาดนั้น” เขาถามแล้วปรายตามองเธอ
รู้จักกันก็จริงแต่เงินสองแสนไม่ใช่น้อย ๆ เข้าใจว่าเธอมันรวย ส่วนเขาก็พวกร้อนเงิน ไม่คิดว่าเขาจะหลอกเอาเงินเธอหน่อยเหรอ งานก็ยังไม่ได้ทำให้
“ถ้าโดนหลอกก็ตามได้ค่ะ” เธอพูดด้วยท่าทางสบายใจ
รอยยิ้มของสาวรุ่นน้องทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่จำเป็นต้องบอกตัวเองว่าเหงา ไม่เห็นต้องคิดว่าเศร้า ทั้งที่ความสุขมันก็ฉายชัดอยู่บนใบหน้าอันสะสวยนั้นแล้ว ที่ผ่านมาเขาก็แค่มองผ่าน ๆ ไม่ทันได้สังเกตว่าจะ ‘น่าดูขนาดนี้’
“ถึงสิ้นเดือนค่อยจ่าย” เขาไม่ชอบเอาเปรียบใครอยู่แล้ว
ที่หลอกว่ารับงานก็รู้สึกผิดอยู่ แต่มันจำเป็นจริง และอีกฝ่ายก็ต้องการแบบนี้ ถือว่าไม่ผิด
“เอางั้นเหรอ”
เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ
“งั้นพรุ่งนี้ หรือเมื่อไหร่ที่พี่ว่างบ้าง”
“พรุ่งนี้มีเรียนถึงบ่ายสอง กลับไปดูแลแม่ถึงทุ่ม” แล้วไหนเวลาที่เขาควรจะให้เธอ
“งั้น”
“เที่ยงไปทานข้าวด้วยกัน”
ป๊อปกำลังคิดอยู่ว่าเธอจะเอาเวลาของเขาตอนไหน เพราะแค่เรียนก็หนักมากแล้ว ไหนจะแม่เขาที่ไม่สบายอีก แต่เขากล้ารับงานเธอคงไม่คิดจะเอาเปรียบกันขนาดนั้น
“หรือถ้าเธอคิดว่าไม่คุ้มก็ลองดูคนอื่น”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอรีบปฏิเสธจะหาใครที่ทำให้ไอ้พี่ไต้ฝุ่นหน้าหงายได้อีก ถ้าไม่ใช่เขา อีกอย่างป๊อปก็ไม่อยากให้คนที่หักหลังเธอมองว่าสิ้นหนทางที่จะหาใครสักคนมาแทนไอ้พี่ไต้ฝุ่น ยายนั่นก็จะทำเป็นว่ารู้สึกผิดกับเธออยู่เรื่อย ๆ
ป๊อปไม่อยากเห็นแววตารู้สึกผิดของรุ่นน้องคนนั้นอีกแล้ว ตอนนี้อยากเอาชนะ ไอ้ผู้ชายที่มันไร้ค่าคนนั้นถ้าอยากได้ก็ยกให้ จะไปเสพสุขกันตอนไหนก็เชิญ
“เผื่อว่าเธออยากได้คนที่มีเวลา” เขาเองก็ไม่อยากเห็นแก่ได้โดยไม่สนใจอะไร
“ในชีวิตจริงคงไม่มีใครที่ต้องมีเวลาให้กันมากขนาดนั้น ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ป๊อปก็แค่อยากมีพี่ไว้ให้รู้ว่าตอนนี้ไม่ได้เหงาคนเดียวแล้วนะ ถ้าไปเที่ยวก็ไม่ต้องกลับคนเดียว มีคนคอยคุยแก้เหงา บอกกับไอ้นั่นว่าป๊อปมีแฟนแล้ว อย่ามายุ่งกันอีก ยังไงพี่ก็มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้จริง ให้มันรู้ว่าไม่ได้โกหก” เธอตอบแล้วยิ้ม