ตอนที่ 3 “คำแนะนำที่คาดไม่ถึง”[2]
ตลอดทั้งวันตัวงานไม่ได้มีความเครียดหรือทำให้ไม่สบอารมณ์มากมายนัก แต่เป็นคนมากกว่าที่ทำให้เวลานี้กันต์ธีต้องนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์
เขามองออกว่าซินดี้ต้องการอะไร เพราะอีกฝ่ายเปิดเผยอย่างชัดเจนมานานแล้ว แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลยจึงหลีกเลี่ยงจะปฏิสัมพันธ์กับซินดี้เสมอมา
แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อเห็นว่าแค่ตัวเองไม่น่าจะไหวก็ไปเข้าทางแม่เขา ไปเอาแม่เขามาอ้าง เพราะแม่เขามักจะกังวลใจกับเรื่องนี้ มักจะกังวลใจที่เขาไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนสักที
ตอนนี้สิ่งที่กันต์ธีต้องการที่สุดคือไม่ให้ซินดี้มาวุ่นวาย และไม่ต้องการให้แม่หนักใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ในระหว่างที่นั่งคิดอยู่แบบนั้นก็มีสายโทรเข้ามา กันต์ธีหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะกดรับพร้อมพูดว่า
“มีอะไร?”
“คืนนี้ไปกินเหล้ากันเถอะเพื่อน”
ภายในห้องวีไอพีของร้านเหล้า
“คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่มึงน่ะกูสงสัย กูแค่ชวนแบบไม่คาดหวังอะไร แต่มึงดันมาเฉยเลย ลมอะไรหอบท่านประธานมาได้กันเนี่ย” ปอร์เช่ หนึ่งในเพื่อนสนิทของกันต์ธีว่าแซวเขาหลังจากที่นั่งดื่มเหล้ากันได้สักพัก แต่ด้วยนิสัย กันต์ธีก็แค่มองแต่ไม่ได้ตอบอะไรไป
“เย็นชาอีกแล้วเพื่อนกู กับเพื่อนกับฝูงแท้ ๆ ”
“มันก็เป็นของมันแบบนี้ มึงยังไม่ชินอีกเหรอ?” ธัญวัชร์ ชายหน้าหล่ออินเตอร์รูปร่างกำยำผิวสีแทน ผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและลูกพี่ลูกน้องของกันต์ธีกล่าว
“เออ มึงยังไม่ชินอีกเหรอเช่?” และหลังธัญวัชร์ว่าจบ คีตะวัน คุณหมอหน้าใสผิวขาวสะอาดสะอ้านดูใจดี และเป็นลูกพี่ลูกน้องของกันต์ธีอีกคนซึ่งปกติไม่พูดคำหยาบเท่าไหร่ก็ว่าเสริมปนขำเล็ก ๆ
“กูชินแล้วเถอะ แต่แค่อยากรู้ว่าลมอะไรหอบมันมาได้แค่นั้นเอง พวกมึงไม่แปลกใจบ้างรึไง?”
“ไม่นะ” สองลูกพี่ลูกน้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ถามจริง?”
“เออ” ธัญวัชร์ว่ายิ้ม ๆ
“ทำไมวะ?”
“เพราะกูพอจะรู้ไงว่าลมอะไรหอบมันมา จะมีลมอะไรหอบมันมาได้อีกถ้าไม่ใช่ว่าหนักใจเรื่องแม่กับคุณหนูซินดี้” คำพูดของธัญวัชร์ทำให้กันต์ธีถึงกับต้องหันขวับไปมองด้วยความสงสัย แต่เขาก็ยังคงไว้ด้วยมาดนิ่งแล้วถามเสียงเรียบ
“มึงรู้ได้ไง? ใครคาบข่าวไปบอกอีก?”
“โอ๊ยย ใครจะไม่รู้อีกล่ะเพื่อน ก็ซินดี้เล่นป่าวประกาศให้คนรู้ไปทั่วขนาดนั้นว่าแอบคุย ๆ กับมึงอยู่ แล้วก็อาจจะเป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลอัครภิรมย์เดชน่ะ”
หนนี้ไม่ใช่แค่รำคาญใจแล้ว แต่กันต์ธีเซ็งถึงขั้นสุด เซ็งถึงขั้นที่ว่าเพื่อนต้องเป็นห่วงตามจนถามเขาว่าโอเคไหม อยากให้ช่วยอะไรหรือเปล่า แต่กันต์ธีก็ไม่รู้ว่าจะให้เพื่อนช่วยอะไรดี และในตอนนั้นก็มีคนชี้ทางสว่างให้
“ดูทำหน้าเข้า หนักใจจริงเลยแฮะ”
“เอางี้มั้ยธี ถ้ามึงไม่สบายใจเรื่องนี้จริง ๆ กูก็พอจะมีวิธีช่วยมึงอยู่นะ”
คีตะวันพูดพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
“ยังไง?”
“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ง่าย ๆ เลยเพื่อน...”
“มึงก็แค่เปิดใจ แล้วหาแฟนสักคน”