ตอนที่5
ตอนที่ 5
“จับแฮนด์รถให้มั่นแบบนั้นแหละครับคุณกาอิน ค่อยๆปั่นไปข้างหน้าครับ” นพประคองจักรยานที่มีกาอินขึ้นคร่อมอยู่ มือบางจับแฮนด์จักรยานด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ เขานึกว่ามันจะง่ายกว่านี้เสียอีก
“ทำไมยากนักล่ะพี่นพ” ชายหนุ่มหยุดนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่ยากหรอกครับ แต่คุณกาอินต้องกล้ามากกว่านี้ครับ ขืนกลัวอยู่แบบนี้คงปั่นไม่เป็นแน่ครับ”
“ใจเย็นๆนะคะคุณกาอิน ฝนเชื่อว่าคุณทำได้แน่” ฝนที่ยืนอยู่ไม่ห่างพยายามส่งกำลังใจให้แก่เขา
“ก็ได้ครับ ผมจะลองอีกสักครั้ง” กาอินตั้งท่าให้มั่นก่อนจะเริ่มออกตัวอีกครั้ง วันนี้หลังจากเลิกงาน นพพาเขามาที่ท้ายไร่เพื่อฝึกปั่นจักรยาน และนี่ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาก็ยังทำไม่สำเร็จสักที
“งั้นมาครับ เริ่มกันอีกสักครั้ง” นพประคองจักรยานเอาไว้ก่อนจะเริ่มดันไปข้างหน้าช้าๆ คราวนี้กาอินจับพวงแฮนด์รถเอาไว้มั่น เขาปั่นมันไปข้างหน้าเต็มแรง พร้อมกับนพที่ปล่อยมือออก จักรยานคันสีชมพูเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มของกาอิน
“ได้แล้วพี่นพพี่ฝน” ชายหนุ่มตะโกนลั่นด้วยความดีใจ
“เก่งมากค่ะคุณกาอิน” ฝนตะโกนชื่นชมพร้อมปรบมือเสียงดัง
“คราวนี่เลี้ยวกลับมาครับ” นพตะโกนบอก แต่ดูเหมือนกาอินจะไม่ได้ยินเสียแล้ว
“อะไรนะครับ” กาอินถามกลับก่อนเริ่มปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น
“เลี้ยวกลับมาครับคุณกาอิน เลี้ยวกลับมา” นพว่าก่อนจะปั่นจักรยานของตัวเองตามหลังไปติดๆ
“หยุดก่อนค่ะคุณกาอิน ข้างหน้าเป็นทางชัน” ฝนเห็นท่าไม่ดีอีกคน เธอรีบปั่นจักรยานของตัวเองตามไปด้วย
“หยุดตรงไหนล่ะครับ” การ์ดเนียตะโกนถาม เพราะตอนนี้จักรยานของเขากำลังวิ่งด้วยความเร็วตามความชันของถนนซะแล้ว
“หยุดรถค่ะคุณกาอิน”
“กำเบรกตรงมือครับ ข้างหน้าทางชันมันอันตราย” ทั้งนพและฝนต่างตะโกนสุดกำลัง แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะรถจักรยานของกาอินเข้าสู่ทางลาดชันด้วยความเร็ว ร่างเล็กตกใจสุดขีด มือบางกำเบรกที่มือ แต่รถของเขากลับไม่มีท่าทีจะหยุดลงเลย
“พี่นพผมหยุดรถไม่ได้” มือบางสั่นเทาด้วยความกลัว สติของเขาเริ่มหลุด พร้อมกับมือที่บังคับรถจักรยานไม่ได้
“หยุดรถค่ะคุณกาอิน”
“ผมหยุดรถไม่ได้”
“...”
“ช่วยด้วย” ร่างเล็กคุมสติไม่อยู่ ตอนนี้เบื้องหน้าของเขาคือต้นไม้ต้นใหญ่
“คุณกาอิน!!!”
“ช่วย..ด้วยยยยยยย” ร่างเล็กร้องลั่น เพียงเสี้ยววินาทีร่างของเขาก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ ก่อนร่างเขาจะล้มลงบนร่างหนา ดวงตากลมหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเขาเต้นระส่ำราวกับจะหลุดออกมาเสียให้ได้
“คุณกาอิน...นายใหญ่” นพและฝนมองร่างของกาอินที่ล้มทับอยู่บนร่างของผู้เป็นนายก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อินทรีย์มองชายหนุ่มที่ตัวสั่นเทิ้มบนร่างของเขาก่อนจะถอนหายใจออกมาเช่นกัน
“เจ็บตรงไหนรึป่าว” เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยถาม กาอินจึงค่อยๆลืมตา เขามองหน้าอินทรีย์ที่ห่างจากเขาเพียงแค่คืบ ดวงตาที่เคยดุดันตอนนี้กลับกลายเป็นแววตาอ่อนโยน แววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“อ่อ...” กาอินรีบลุกขึ้น ก่อนจะสำรวจร่างกายตัวเอง โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไรมากนัก ชายหนุ่มมองไปยังจักรยานที่ล้มไม่เป็นท่า หากอินทรีย์มาช่วยไม่ทัน เขาอาจจะได้ตายที่นี่แล้วจริงๆ
“นี่มันอะไรกัน” อินทรีย์มองไปยังนพและฝนที่ก้มหน้านิ่ง ก่อนจะมองไปที่กาอิน
“พวกเราสอนคุณกาอินปั่นจักรยานน่ะครับ แต่ไม่คิดว่า...”
“ผมผิดเอง ผมเป็นคนขอให้พี่นพพี่ฝนสอนผมปั่นจักรยาน”
“แล้วไม่รู้รึไงว่าเบรกอยู่ตรงไหน”
“ผมขอโทษครับนายใหญ่ ผมสอนไม่ดีเองครับ” นพรับผิด เพราะเขาไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตไปมากกว่านี้
“ผมเบรกแล้วนะครับ แต่ว่า..มันเบรกไม่อยู่นี่นา” กาอินอธิบายเหตุผล ก่อนจะมองหน้านพที่ดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
“ถ้าเมื่อกี้ฉันมาช่วยไม่ทันรู้รึป่าวว่าจะเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงดุดันที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเอ่ยถาม
“ผมขอโทษครับนายใหญ่”
“พี่นพไม่ผิดสักหน่อย ไม่เห็นต้องขอโทษเลย” กาอินว่าจะเดินไปยืนด้านหน้าของนพกับฝน ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับร่างสูง
“คนที่ผิดคือผมต่างหาก ถ้าคุณจะด่าจะว่า คนที่สมควรโดนคือผม” แววตาของอินทรีย์ตอนนี้กับเมื่อครู่ต่างกันลิบลับ สุดท้ายชายหนุ่มก็ไม่ทิ้งนิสัยเดิมเลยสักนิด
“พวกเราผิดด้วยกันทั้งหมด ถ้าจะลงโทษก็ลงโทษพวกเราทั้งหมดเถอะนะคะ” ฝนออกรับหน้า เพราะบรรยากาศตอนนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย
“ฉันไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย คราวนี้ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ แต่คราวหน้าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”
“ครับนายใหญ่ พวกผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ”
“งั้นก็ไปพักผ่อนกันได้แล้ว” ฝนและนพพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่จักรยานของตนเอง กาอินมองจักรยานของตัวเองที่ล้อบิดไปคนละทิศละทาง คราวนี้เขาคงต้องอาศัยให้นพไปส่งอีกตามเคย
“ส่วนนายมากับฉัน” กาอินหันไปมองอินทรีย์พร้อมทำหน้าประหลาดใจ
“ผมหรอ”
“ฉันจะไปส่งเอง” ชายหนุ่มว่าก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเองที่จอดห่างไปราวสองร้อยเมตร กาอินมองไปยังนพกับฝนที่พยักเพยิดให้เขาเดินตามชายหนุ่มไป ร่างเล็กทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินตามไปในที่สุด
รถคู่ใจของอินทรีย์บึ่งออกมาพร้อมกับร่างเล็กที่ทำหน้ามุ่ยตลอดทาง ดวงตากลมมองไปที่อินทรีย์ สรุปแล้วชายหนุ่มเป็นคนแบบไหนกันแน่ สายตาที่เขาได้เห็นเมื่อตอนนั้นมันคืออะไรกัน
“ขอบคุณ พูดไม่เป็นรึไง” ร่างสูงว่าขณะจับจ้องไปยังด้านหน้า
“ขอบคุณ” กาอินว่าก่อนจะหันไปมองข้างทาง
“ดูเหมือนว่าจะปรับตัวได้ดีกว่าที่ฉันคิดนะ”
“ถ้าผมไม่ปรับตัว ก็คงจะโดนคุณพูดจาดูถูกอยู่ทุกวัน”
“ฉันมีหน้าที่ดูแลทุกคนที่นี่ ดังนั้นอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นอันตราย ฉันก็ต้องป้องกันไว้ก่อน”
“นี่คุณหาว่าผมเป็นตัวอันตรายงั้นหรอ” มือบางชี้หน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง อินทรีย์นี่ปากดีกว่าที่เขาคิดซะอีก
“หรือว่าไม่จริงล่ะ” มือหนารวบมือที่ชี้หน้าเขาลง กาอินพยศกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก
“โอ๊ย” ร่างเล็กชักมือกลับก่อนจะกุมมือตัวเองเอาไว้
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มจอดรถก่อนจะดึงมือของกาอินไปดู เผยให้เห็นรอยถลอกบนฝ่ามือที่มีเลือดซิบออกมา
“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“เจ็บแล้วทำไมไม่บอก” ร่างสูงเริ่มส่งเสียงดุ ปกติเกิดอะไรแค่นิดหน่อยกาอินก็โวยวายแล้ว แต่คราวนี้ทำไมเขาถึงปิดปากเงียบ
“ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเลยนี่ แผลแค่นี้ผมไม่ตายหรอก”
“พูดแต่เรื่องที่ไม่สำคัญ แต่พอเป็นเรื่องสำคัญกลับไม่พูด” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนจะขับรถไปอีกทาง ตอนแรกเขากะจะไปส่งกาอินที่หอพัก แต่ตอนนี้คงต้องพาไปทำแผลซะก่อน
“นี่คุณจะพาผมไปไหน” อินทรีย์ไม่ตอบ เขาเร่งความเร็วรถก่อนจะมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเอง กาอินลงจากรถก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่มอีกครั้ง
“เปลี่ยนใจให้ผมมาอยู่ที่นี่แล้วหรอ” อินทรีย์ส่ายหัวก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“ตามฉันมา” กาอินชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามเข้าไป แต่เพียงไม่นานอินทรีย์ก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล
“นั่งลง”
“คุณจะทำแผลให้ผมหรอ”
“ใช่...เพราะนายจะได้ไม่มีข้ออ้างไง”
“ข้ออ้าง...ข้ออ้างอะไร”
“ก็ข้ออ้างที่จะไม่ไปทำงานไง” ว่าเสร็จอินทรีย์ก็จับมือกาอินมาวางบนโต๊ะ เขาใช้แอลกอฮอล์ชุบสำลีก่อนจะเช็ดลงไปอย่างแผ่วเบา
“โอ๊ย ผมเจ็บนะ”
“แล้วก่อนหน้านี้ก็ทำเป็นเก่ง” สำลีถูกเช็ดไปรอบแผลอย่างบรรจง ก่อนจะตามด้วยยาแดง กาอินมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจอีกครั้ง อินทรีย์มีมุมนี้กับเขาด้วยรึไง
“เสร็จแล้ว” กาอินชักมือกลับพลางมองพลาสเตอร์ปิดแผลที่ปกปิดแผลตัวเองอยู่
“ขะ..ขอบคุณ”
“อือ หลังบ้านมีจักรยานของฉันอยู่ ฉันจะให้เอาไปใช้ก่อน” ชายหนุ่มว่าก่อนจะเดินไปเข็นจักรยานมาหน้าบ้าน เขาเช็คความเรียบร้อยของจักรยานก่อนจะยกมันใส่ท้ายรถ
“นายใหญ่” เสียงเรียกของลูกโซ่ดังขึ้น ก่อนรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาจะแล่นเข้ามา
“นั่นคุณกาอินจริงๆด้วย” ลูกโซ่ว่าก่อนจะดับเครื่องพร้อมลงจากรถอย่างเร่งรีบ กาอินมองผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยรอยยิ้ม ดูท่าแล้วลูกโซ่คงจะเป็นแฟนคลับเขาอีกคน
“ให้มันน้อยๆหน่อยน่า” อินทรีย์ว่าก่อนจะจัดท่าทางจักรยานให้เรียบร้อย
“ผมชื่อลูกโซ่นะครับ เป็นแฟนคลับตัวยงของคุณกาอินเลย”
“ขอบคุณมากนะครับ แล้วนี่...”
“ผมเป็นเลขาคนสนิทของนายใหญ่ครับ” ลูกโซ่ว่าพลางมองไปยังอินทรีย์ด้วยรอยยิ้ม
“อ่อ..ครับ”
“ถ้าหากว่านายใหญ่รังแกคุณกาอินเมื่อไหร่ บอกผมได้เลยนะครับ”
“พูดมากน่าลูกโซ่ เอาเอกสารมาแล้วกลับไปได้แล้วไป”
“ผมเพิ่งได้เจอคุณกาอินเองนะครับ”
“ไปได้แล้วน่า” อินทรีย์ดันหลังลูกโซ่ให้ขึ้นรถของตัวเอง ก่อนจะหันไปหากาอิน
“รีบขึ้นรถ ฉันจะไปส่งที่โรงอาหาร” ร่างเล็กพยักหน้ารับก่อนจะโบกมือลาลูกโซ่
“ไว้เจอกันนะครับคุณกาอิน” ลูกโซ่เองก็ตะโกนตามหลังพร้อมรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นรถของอินทรีย์ออกไป เขาก็ขับรถกลับไปทันที
เสียงพูดคุยในโรงอาหารดังขึ้นเป็นระยะๆ กาอินเดินเข้าไปด้านในก่อนจะเดินไปนั่งข้างนพ เมื่อครู่อินทรีย์มาส่งเขาไว้ที่นี่ก่อนจะขับรถออกไปทันที ดูท่าชายหนุ่มคงจะมีธุระที่ไหนสักแห่ง
“มือเป็นแผลหรอครับ”
“แผลนิดเดียวเองครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” กาอินก่อนจะมองไปที่แผ่นพลาสเตอร์ปิดแผลอีกครั้ง
“พี่ฝนตักข้าวให้นะคะ” ฝนรีบลุกไปตักข้าวให้แก่ชายหนุ่มในทันที กาอินหยิบช้อนส้อมมาไว้ในมือพลางรอข้าวสวยร้อนๆจากฝน
“ทานเยอะๆเลยนะคะ” กาอินพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มทานอาหาร ฝีมือการทำอาหารของฝนอร่อยเทียบเท่าร้านอาหารในตัวเมือง หรือบางทีอาจจะอร่อยมากกว่าอีกด้วย
“อร่อยจัง”
“เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ แค่ได้ทานอาหารอร่อยๆ แค่นี้ก็มีแรงแล้วล่ะครับ”
“ดีจังนะครับ แค่ทำงาน ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเครียดอะไรให้ปวดหัว” ร่างเล็กบอกก่อนจะเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ
“พรุ่งนี้หลังเลิกงาน ผมจะพาคุณกาอินไปเที่ยวน้ำตกครับ”
“น้ำตกหรอพี่นพ” กาอินวางช้อนก่อนจะจ้องนพด้วยแววตาเป็นประกาย
“ใช่ค่ะ น้ำตก”
“ผมนะ ชอบน้ำตกที่สุดเลย มันทั้งเยียวยาจิตใจ ทั้งเย็นสบาย ไม่ยักกะรู้ว่าที่นี่มีน้ำตกด้วย”
“ที่นี่เป็นภูเขานะครับ ไม่มีน้ำตกสิแปลก เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เตรียมไปรับน้ำฉ่ำๆได้เลยครับ” กาอินยิ้มแป้นก่อนจะตักข้าวคำโตเข้าปาก ถ้าที่นี่มีน้ำตกจริง เขาจะไปทุกวันเลยคอยดูสิ
..................................................................................
เสียงเครื่องยนต์ของรถดับลงที่ท้ายไร่ ก่อนชายเจ้าของรถจะเดินลงมา อินทรีย์ตรงเข้าไปยังป่าทึบพร้อมกับไฟฉายและมีดประจำตัว เท้าหนาก้าวไปข้างหน้าอย่างชำนาญ เขาตรงไปยังทางเชื่อมระหว่างที่ดินของเขาและที่ดินของใครอีกคน ไฟฉายสาดส่องไปยังผืนดิน เผยให้เห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ที่มุ่งหน้าเข้ามายังไร่ของเขา
“พวกหัวขโมย” อินทรีย์สบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะเริ่มสำรวจพื้นที่อื่นๆ ต้นไม้ทุกต้นในพื้นที่ของเขายังอยู่ครบ ดูท่าหัวขโมยพวกนั้นคงมาสำรวจเพื่อหาลู่ทางตัดต้นไม้ของเขาแน่ๆ ร่างสูงเดินสำรวจไปรอบๆก่อนจะพบกับพวงกุญแจคุ้นตา พวงกุญแจรูปพระจันทร์ เหมือนเขาจะเคยเห็นมันจากที่ไหนมาก่อน แม้ตอนนี้จะยังเดาแน่ชัดไม่ได้ว่าเห็นมันจากที่ไหนก็ตาม พื้นที่ตรงนี้นอกจากเขาแล้ว คนในไร่เขาก็ไม่เคยมีใครมาเลยสักคน และตรงนี้ก็เป็นทางเข้าออกเดียวที่เชื่อมระหว่างพื้นที่อีกฝั่งกับพื้นที่ของเขา
“เร็วๆสิวะ เดี๋ยวอินทรีย์ก็มาเจอหรอก” เสียงพูดคุยดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบหาที่หลบ ดวงตาคมโผล่ออกมาเพื่อดูสถานการณ์ที่อยู่ไม่ห่าง ร่างชายฉกรรจ์สองคนกำลังรีบเดินไปยังทางออกพร้อมกับไฟฉายในมือ เขาจำได้ดีว่าคนพวกนั้นคือใคร
“ก็แค่มาสำรวจพื้นที่ อินทรีย์จับไม่ได้หรอกน่า”
“ถ้ามันจับได้ขึ้นมา เจ้านายเอาเราตายแน่”
“กูเช็คข่าวมาแล้ว อินทรีย์ต้องดูไอ้ดาราดังที่มาอยู่ในไร่ ไม่มีเวลามาดูที่นี่หรอก”
“ดาราหรอวะ แล้วนี่มึงรู้ได้ไง”
“ก็กูมีสายอยู่ในไร่นั้นไง ไม่อย่างนั้นกูจะกล้าพามึงเข้ามาหรอ”
“แต่ตอนนี้มืดแล้ว รีบไปกันดีกว่า” อินทรีย์หลบเข้าหลังต้นไม้อีกครั้ง คำพูดของพวกมันชักจะทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาเสียแล้วสิ ใครกันที่กล้าเป็นสายให้พวกหัวขโมยชั้นต่ำอย่างพวกมัน ใครกันที่กล้าทรยศหักหลังไร่อินทรีย์ของเขา!!!