ตอนที่1
ตอนที่ 1
รถโฟวิลคันสีดำสนิทกำลังขับเคลื่อนไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก บนถนนภายในไร่อินทรีย์ ไร่ที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ความสมบูรณ์ของดิน ส่งผลให้พืชพรรณนับสิบชนิดภายในไร่เติบโตได้เป็นอย่างดี
อินทรีย์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดยื่นมือออกไปนอกรถเพื่อรับแรงลมที่กระทบเข้าร่างกาย อีกมือของเขากำลังบังคับพวงมาลัยด้วยความชำนาญ ความสงบสุขแบบที่นี่ คงหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ดวงตาคมมองไปยังบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของไร่ บ้านที่เขาออกแบบและสร้างมันขึ้นมาเอง ไม่ใช่เพียงแค่บ้านเท่านั้น แต่ไร่ทั้งไร่นี้ เขาก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
“นายใหญ่ไปท้ายไร่มาหรอครับ” นพ ชายวัยสามสิบปี ลูกน้องคนสนิทของอินทรีย์เอ่ยถามขึ้น เมื่อเขาลงจากรถ รูปร่างของนพที่สูงเพียงร้อยห้าสิบห้าดูตัวเล็กไปทันทีเมื่อเทียบกับความสูงร้อยแปดสิบห้าของอินทรีย์
“อือ ในไร่เรียบร้อยดีใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ จะมีก็แค่พวกพ่อค้าหัวหมอจะต่อราคาผลไม้น่ะครับ”
“งั้นก็ไปบอกพวกมัน ว่าต่อไปใครต่อราคา ฉันจะไม่ส่งผลไม้ให้อีก”
“แบบนั้นจะดีหรอครับนายใหญ่”
“ผลไม้ที่ออกจากไร่อินทรีย์เป็นผลไม้ที่ได้คุณภาพ ฉันขายให้ราคาเท่ากันทุกเจ้า ถ้าหากว่าจะต่อราคาก็บอกพวกมันไปต่อที่อื่น” ร่างกำยำตอบเสียงเรียบก่อนจะยกข้าวของลงจากท้ายรถ
“ได้เลยครับ พวกมันจะได้รู้ซะบ้างว่าเล่นอยู่กับใคร” นพยิ้มร่าก่อนจะช่วยผู้เป็นนายยกข้าวของลงจากรถ
“เดี๋ยวก็เข้าฤดูฝนแล้ว บอกคนสวนทุกคนให้ระวังเรื่องน้ำขังโคนต้นไม้ด้วยนะ” อินทรีย์ว่าขึ้น แม้ทุกๆปีคนสวนของเขาจะระวังกันแค่ไหนก็ตาม แต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้แทบทุกเมื่อ
“ได้ครับ” เมื่อนพตอบรับ เขาก็จัดการถอดรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปยังบ้าน แต่รองเท้าที่หน้าบ้านทำให้เขาต้องประหลาดใจ ชายหนุ่มนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน เสียงพูดคุยที่โต๊ะอาหารดังเข้าโสตประสาท เขาจำเสียงนั้นได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
“อินทรีย์มาแล้วหรอลูก” ชายหนุ่มมองไปยังผู้เป็นแม่ และแขกที่เขารู้สึกคุ้นหน้าดีอีกสองคน
“สวัสดีครับอาธี สวัสดีครับอาจันทร์” มือหนายกไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างผู้เป็นแม่
“แม่จะมาทำไมไม่บอกผมก่อนล่ะครับ” ชายหนุ่มหันไปถามคนข้างกาย ธารรัตน์หรือแม่ของเขาอาศัยอยู่ใจกลางเมืองเพราะมีธุรกิจโรงแรมที่ต้องดูแลที่นั่น นานๆจะกลับมาเยี่ยมเขาที
“พอดีแม่มีธุระด่วนน่ะ ก็เลยมาเลย นี่กับข้าวบนโต๊ะฝีมือแม่ทั้งนั้นเลยนะ”
“ธุระด่วนอะไรกันครับ ถึงต้องมาปุบปับแบบนี้” ธารรัตน์วางช้อนส้อมในมือลงก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า ธีหรือธีรดลยิ้มแหยๆออกมา อีกทั้งจันทร์หรือจันทร์วาดผู้เป็นภรรยาต่างหลบตาอินทรีย์อย่างผิดปกติ
“อินทรีย์สบายดีนะ ไม่เจอกันตั้งนานแน่ะ” ธีรดลว่าขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อินทรีย์สนใจสักเท่าไหร่
“พูดธุระมาเลยดีกว่าครับ” ชายหนุ่มตัดบทก่อนจะจ้องมองคู่สามีภรรยาด้วยแววตานิ่งงัน
“คือว่าอากับอาจันทร์มีเรื่องอยากจะรบกวนอินทรีย์หน่อยน่ะ”
“...”
“คืออินทรีย์จำกาอินได้ใช่ไหม”
“จำได้ครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” ธารรัตน์ยกมือตีไปที่แขนของอินทรีย์เบาๆ นิสัยพูดจาไม่เอาใครของลูกชาย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปสักที
“ลูกคงได้เห็นข่าวแล้วใช่ไหม” ธารรัตน์พยายามพูดแทรกเพื่อปรับบรรยากาศไม่ให้แย่ไปกว่าเดิม
“เห็นครับ ข่าวที่กาอินทำตัวแย่ๆใส่นักแสดงคนอื่นๆ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับผมตรงไหน” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนจะลงมือทานอาหารตรงหน้า โดยไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามเลยสักนิด
“อาอยากจะให้กาอินมาอยู่ที่นี่สักพัก จนกว่าข่าวจะเงียบหายไป” จันทร์ว่าด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา หากไม่สิ้นหนทางเธอคงจะไม่มาขอร้องชายหนุ่มแบบนี้เลย
“ทำไมผมถึงต้องให้กาอินมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะครับ ถ้าคุณอาบอกเหตุผลดีๆให้ผมฟังได้ ผมอาจจะลองคิดดู” ชายหนุ่มยังคงทานอาหารต่อโดยไม่รู้สึกรู้สาใดๆทั้งสิ้น
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ส่งผลกับกาอินมาก งานละคร หรือพรีเซนเตอร์ต่างยกเลิกทั้งหมด ไม่ว่ากาอินจะไปทางไหน ก็มีแต่คนรุมต่อว่า ข่าวต่างๆก็ประโคมกันออกทุกช่องทาง ทั้งพูดเกินจริง ทั้งเสริมข่าวเข้าไป ตอนนี้กาอินเองก็เครียดมาก”
“...”
“อาอยากจะฝากกาอินให้มาอยู่ที่นี่สักพัก อย่างน้อยก็จนกว่าข่าวจะเงียบลง” อินทรีย์ได้ฟังก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาวางช้อนส้อมลงก่อนจะดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ดวงตาคมจ้องมองคู่สามีภรรยาอีกครั้งก่อนจะว่าด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ข้อแรก กาอินเป็นคนทำทุกอย่างพังเอง คุณอาก็รู้ไม่ใช่หรอครับว่ากาอินเอาแต่ใจขนาดไหน แถมเวลาไม่พอใจอะไรก็ชอบโวยวายทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต กาอินเป็นผู้ชาย แถมทำแต่เรื่องที่ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียแบบนั้น ผลที่ออกมาก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรอครับ”
“อินทรีย์” ธารรัตน์ตีแขนลูกชายเต็มแรง แต่นั่นไม่ได้ช่วยหยุดอินทรีย์เลยสักนิด
“ข้อที่สอง ที่นี่คือไร่อินทรีย์ ไม่ใช่ที่สำหรับดัดนิสัยใคร ผมคงช่วยคุณอาทั้งสองไม่ได้หรอกครับ” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็ผลุบขึ้นยืน ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่
“ขอโทษด้วยนะครับแม่ แต่ที่นี่ไม่เหมาะกับกาอิน” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็เดินกลับขึ้นห้องพักของตัวเองทันที ให้เขามาดูแลกาอินอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มที่ชอบเอาแต่ใจคนนั้น ใครจะอยากอยู่ด้วย
“ตั้งแต่เด็กจนโต เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน” อินทรีย์บ่นเพียงลำพัง เอาทิ้งตัวนั่งลงยังเก้าอี้ในห้องพัก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ข่าวของกาอินเต็มไปหมดทุกช่องทาง แต่นั่นก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือไง เพราะกาอินทำตัวเองทั้งนั้น ได้รับผลแบบนี้มันก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยสักนิด
“น่าเบื่อจริง”
......................................................................
ชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบกำลังเดินเยื้องย่างด้วยท่าทางลับๆล่อ ใบหน้านวลถูกปิดด้วยหน้ากากอนามัย ดวงตากลมถูกปิดกั้นด้วยแว่นกันแดดสีดำ อีกทั้งผิวขาวนวลถูกปิดด้วยเสื้อกันหนาวสีขาว แต่กระนั้นผู้คนที่สัญจรไปมาก็ยังคงมองเขาไม่วางตา ร่างบางรีบเดินเข้าไปยังห้างขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ก่อนจะตรงไปยังร้านอาหารที่ถูกนัดหมายเอาไว้ เขาใช้เวลาเพียงห้านาทีก็พาตัวเองเข้าไปยังห้องอาหารที่จองเอาไว้ได้ ก่อนจะพบว่ามีใครบางคนนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“พี่จ๋า” ชายหนุ่มรีบเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างร้อนรน ก่อนจะเปิดเผยใบหน้าของตัวเองออก
“กาอิน” จ๋าเอ่ยเรียกชื่อก่อนจะหันไปมองยังด้านหลังว่ามีใครตามมาอีกหรือไม่
“เป็นยังไงบ้างครับ พวกผู้ใหญ่เขาว่ายังไงบ้าง” จ๋าทำท่าทางหนักใจก่อนจะยื่นซองเอกสารให้แก่ชายหนุ่ม
“ทางช่องยกเลิกสัญญาทั้งหมด ทั้งงานละครแล้วก็พรีเซนเตอร์ รวมไปถึงอีเวนท์ต่างๆด้วย” กาอินฟังพร้อมกับอ่านสัญญาไปด้วยความไม่พอใจ
“ทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะพี่จ๋า เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่ได้เป็นคนเริ่มสักหน่อย” กาอินว่าก่อนจะวางเอกสารลงด้วยความโมโห
“แต่คลิปที่ออกไปมันชี้มาที่แกทุกอย่างเลยไงล่ะกาอิน ข่าวก็เล่นกันโครมๆว่าแกทำร้ายมาซาร์ก่อน ทุกอย่างมันเห็นกันโต้งๆว่าแกทำผิด” จ๋าว่าก่อนจะมองไปรอบตัว เธอเป็นผู้จัดการประจำตัวกาอิน และเธอก็รู้จักกาอินดีกว่าใครๆ
“วันนั้นมาซาร์มันยั่วโมโหผมก่อน มันบอกว่ามันจะแย่งตำแหน่งนักแสดงนำซีรี่ย์เรื่องใหม่ไปจากผมให้ได้ แถมมันยังทำลายข้าวของที่แฟนคลับผมให้อีกด้วย ผมโมโหผมก็เลยต่อยมันไปแบบนั้น” กาอินพยายามอธิบายให้ผู้จัดการฟัง แต่ถึงอธิบายไปตอนนี้ ก็คงไม่มีผลอะไร
“ไปพักก่อนเถอะ ไว้เรื่องเงียบพี่จะติดต่อกลับไป” จ๋าเก็บเอกสารกลับเข้ากระเป๋าก่อนจะถอนหายใจออกมา เรื่องนี้ใช่ว่ากาอินจะแย่คนเดียว เธอเองก็โดนตำหนิถึงการทำงานมาหนักหนาสาหัสเช่นกัน
“พี่จ๋าเชื่อผมใช่ไหม..ว่าผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน” นอกจากจ๋าแล้ว เขาก็แทบจะไม่เหลือใครเลยในเวลานี้
“....”
“พี่จ๋า” ความเงียบของจ๋าคือคำตอบที่เขาพึงรับรู้ได้
“กลับไปพักก่อนเถอะ ไว้พี่จะติดต่อกลับไป” สิ้นเสียงจ๋าก็ลุกออกจากเก้าอี้ไปทันที ปล่อยให้กาอินนั่งต่อไปเพียงลำพัง ตอนนี้เหมือนทุกอย่างที่เขาได้สร้างมามันพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา สิบปีในวงการบันเทิง สิบปีที่เขาพยายามพิสูจน์ตัวเอง มันกลับจบง่ายๆเพียงเพราะคลิปเดียว คลิปที่เขาทำร้ายเพื่อนนักแสดงที่ชื่อมาซาร์ แต่นั่นก็เพราะมาซาร์ทำร้ายข้าวของของเขา ซ้ำยังพูดจากวนประสาทเขาอีก แต่ตอนนั้นกลับไม่มีกล้องที่ไหนถ่ายเอาไว้ได้เลย มีเพียงแค่ตอนที่เขาลงมือต่อยมาซาร์เท่านั้นที่ถูกกล้องบันทึกเอาไว้ แม้เขาจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่เขาก็ใช่คนนิสัยแย่สักหน่อย
กาอินเดินไปตามทางอย่างล่องลอย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่ป้ายรถเมล์ ป้ายต่างๆที่มีรูปเขาเป็นพรีเซนเตอร์กำลังถูกปลดออก ก่อนจะขึ้นรูปพรีเซนเตอร์คนใหม่มาแทนที่
“สงสัยกาอินจะอิจฉามาซาร์จริง ดูจากคลิปละฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากาอินกล้าต่อยมาซาร์จริงๆ” เสียงของกลุ่มวัยรุ่นดังเข้าโสตประสาท ชายหนุ่มหันไปมองกลุ่มนักเรียนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ห่างจากเขา ก่อนจะตั้งใจฟัง
“วงในบอกมาว่ากาอินเอาแต่ใจจะตาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงด้วย”
“สงสัยจะกลัวกระแสตก ก็เลยสร้างกระแสสักหน่อย”
“ดูแต่ละข่าวสิ นายเอกซีรี่ย์วายลงหมัดใส่พระเอกหน้าใหม่เพราะกลัวถูกแย่งตำแหน่งลูกรัก นี่ฉันเคยปลื้มไปได้ยังไง” คำพูดของหญิงสาวส่งผลให้ความโกรธของกาอินเพิ่มขึ้นจนมันขาดผึงในที่สุด ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเริ่มต่อปากต่อคำกับกลุ่มนักเรียนเมื่อครู่
“ถ้าหากว่าไม่รู้จริง พี่ว่าอย่าพูดดีกว่านะ” กลุ่มนักเรียนหันมามองกาอินพลางทำหน้าฉงน
“แล้วพี่เป็นใคร มายุ่งอะไรกับพวกเรา”
“กาอินต่างหากที่โดนมาซาร์ใส่ร้าย ข่าวที่ออกไปไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด” ชายหนุ่มอธิบาย ตั้งแต่ข่าวออกไปเขาก็ไม่เคยได้แก้ตัวเลยสักครั้ง
“พี่รู้ได้ยังไง กาอินอาจจะนิสัยไม่ดีจริงๆก็ได้ คนแบบนั้นน่ะ ในจอแสดงละครเก่งแล้ว นอกจออาจจะเก่งกว่าในจอก็ได้”
“ถ้าน้องไม่รู้ความจริง ก็ควรเงียบๆไปนะ พูดแบบนี้ระวังจะโดนฟ้องเอาได้”
“นี่พี่เป็นนางแบกของกาอินรึไง ถึงได้ปกป้องขนาดนี้”
“ก็พวกน้องพูดพล่อยๆแบบนี้ก่อนไง ระวังเถอะ ระวังจะโดนฟ้องไม่รู้ตัว” กาอินยังคงไม่ลดละ การที่เขามาต่อล้อต่อเถียงกับคนแปลกหน้าแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
“จะว่าไปพี่ก็หน้าคุ้นๆนะ ขอดูหน้าหน่อยเถอะ” กลุ่มนักเรียนสามสี่คนตรงเข้ามาหาเขาก่อนจะกระชากหน้ากากอนามัยพร้อมกับแว่นตาของเขาออก
“หยุดนะ”
“ขอดูหน้าหน่อยเถอะน่า” มือบางปัดป้องเป็นพัลวัน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายแพ้ เมื่อหน้ากากอนามัยและแว่นตาหลุดออกจากใบหน้า แก้มนวลพร้อมดวงตากลมโตถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณะชน ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาต่างหยุดดูเขาพร้อมกับยกกล้องขึ้นมาถ่ายเขากันยกใหญ่
“อย่าถ่ายนะ” มือบางปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ พร้อมกับก้มหน้าต่ำ สภาพเขาตอนนี้ อีกไม่นานต้องถูกประโคมข่าวเสียๆหายๆอีกแน่
“ถึงว่าล่ะ ทำไมถึงได้ออกตัวแรงนัก เจ้าตัวมาเองเลยนี่นา”
“มาซาร์ต่างหากที่โกหกทุกคน!!” กาอินยังคงพยายามปกป้องตัวเองอย่างถึงที่สุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะสายไปเสียแล้ว
“ถ่ายเลย ถ่ายเอาไว้เยอะๆ” เสียงตะโกนของผู้คนดังขึ้นทุกสารทิศ ชายหนุ่มปิดหูตัวเองเอาไว้ราวกับคนเสียสติ
“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ทำ!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่นก่อนจะวิ่งฝ่าวงล้อมของผู้คนออกไป ร่างเล็กวิ่งเข้าไปยังซอยแคบที่ใกล้ที่สุด เขารีบวิ่งกลับไปที่คอนโดที่อยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตา เวลาผ่านไปราวสิบนาทีเขาก็พาตัวเองมาถึงห้องพัก ร่างบางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างเจ็บปวด อีกไม่กี่นาที ข่าวของเขาคงกระหึ่มโซเชียวอีกครั้งแน่ มือบางเอื้อมไปหยิบรีโมทก่อนจะกดเปิดโทรทัศน์ และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เขาคิด
“ข่าวด่วนข่าวเด็ดค่ะคุณผู้ชมขา ขอบอกเลยว่าข่าวนี้ร้อนกว่าพระอาทิตย์เมืองไทยซะอีก เพราะว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเองค่ะ เมื่อสักครู่นะคะมีคนพบเห็นหนุ่มสุดฮอตในตอนนี้นะคะนั่นก็คือคุณกาอิน นักแสดงซี่รี่ย์วายเรื่องฮิตที่เพิ่งจบไปหมาดๆ แล้วก็เพิ่งมีข่าวว่าทำร้ายนักแสดงร่วมค่ายอย่างคุณมาซาร์ ตอนนี้เขาอีกแล้วค่ะคุณผู้ชมขา เรียกได้ว่าไม่แผ่วเลยนะคะ เพราะว่าคุณกาอินเพิ่งก่อเรื่องที่ป้ายรถเมล์ จะเป็นยังไงไปชมค่ะ” มือบางกดปิดโทรทัศน์ในทันทีก่อนจะขว้างรีโมทลงพื้นด้วยความโมโห มือบางกำแน่นด้วยความโกรธ ก่อนตะปัดข้าวของบนโต๊ะลงอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนอนาคตของเขาในวงการบันเทิงตอนนี้ จะถูกปิดตายเสียแล้วสิ
“แม่งเอ้ย!!”
.....................................................................................