ตอนที่ 3 [ มาถึงกรุงเทพฯ ]
สืบศพสยบวิญญาณ
ตอนที่ 3
[มาถึงกรุงเทพฯ]
ทางด้านไอ้ขุนหลังจากร่ำลาพ่อกับแม่เรียบร้อยก็เดินมานั่งรอเพลิงที่ศาลาริมทาง
ทิดชุ่มขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดที่ศาลาก็เห็นไอ้ขุนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"อ้าว!ไอ้ขุนเอ็งมารอนานแล้วเหรอ?" ทิดชุ่มเอ่ยถามไอ้ขุน
"มารอได้พักหนึ่งแล้วครับพ่อ" ขุนพลเอ่ยกับทิดชุ่มพ่อของเพลิง
"แหม…วันนี้ไปกรุงเทพฯ แต่งตัวหล่อเลยนะมึงไอ้ขุน"ชายหนุ่มเอ่ยกับขุนพลแล้วยิ้ม ๆ ก่อนจะหัวเราะอย่างชอบใจ
"หล่ออะไรวะ กูก็แต่งตัวธรรมดา ๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบแบบนี้ตลอด" ขุนพลเอ่ยกับเพลิงแล้วมองสำรวจดูการแต่งตัวของเพื่อนบ้าง วันนี้เพลิงสวมเสื้อยืดสีขาวสวมเชิ้ตแขนยาวลายทางสีน้ำเงินกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบนันยางสีขาวเป็นสไตล์ที่เขาชอบเหมือนกัน
"เฮ้ย! ไม่ต้องมองกูหรอกนี่มันสไตล์เดิม ๆ ของกูเหมือนกันแหละ เรามันคนบ้านนอกจะไปแต่งอะไรดีนักหนา เอาแบบสบาย ๆ ก็พอ" เพลิงเอ่ยกับขุนพลก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้เป็นพ่อที่ยืนยิ้มอยู่
"พ่อกลับเลยก็ได้ ไม่ต้องรอส่งผมขึ้นรถหรอก พ่อกลับไปดูวัวดูควายเถอะป่านนี้มันหิวกันแล้วมั้ง"
"เออ…พ่อกลับก่อนนะ พากันไปอยู่กรุงเทพฯ ก็ดูแลตัวเองกันดี ๆ นะลูก ที่นั่นมันไม่สบายเหมือนอยู่บ้านเราหรอก มีอะไรก็ช่วยเหลือกันอย่าทอดทิ้งกันนะลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชาย
"ครับพ่อ…พ่อไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ พ่อไปเถอะ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อแล้วยกมือไหว้ลา ขุนพลเห็นอย่างนั้นก็รีบยกมือไหว้ลาเหมือนกัน
"โชคดีลูก เดินทางปลอดภัยคุณพระคุ้มครอง" ทิดชุ่มอวยพรให้พวกเขาสองคนก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านไป
พวกเขาสองคนนั่งรอรถสองแถวประจำทางที่จะเข้าไปตัวอำเภออยู่ได้ครู่หนึ่งรถก็มา ทั้งสองคนลุกขึ้นวิ่งออกไปคนขับรถมองเห็นก็จอดรถให้ขึ้น ทั้งสองคนพากันขึ้นไปนั่งบนรถสองแถว รถแล่นออกไปแล้ว จุดหมายปลายทางแรกของพวกเขาคืออำเภอกันทรลักษ์ รถสองแถวแล่นไปก็จอดรับคนไปเรื่อย ๆ กว่าจะไปถึงตัวอำเภอก็ใช้เวลานานเกือบสองชั่วโมง
"อ้าว! ถึงแล้วไอ้ขุนรีบลงเลย" ชายหนุ่มเอ่ยกับขุนพล ทั้งสองคนพากันลงจากรถสองแถว แล้วรีบเดินไปซื้อตั๋วรถบัสประจำทางที่จะไปกรุงเทพฯ หลังจากที่ซื้อตั๋วรถเรียบร้อยทั้งสองก็พากันขึ้นไปนั่งรอบนรถ เพราะยังไม่ถึงเวลารถออก
"กูไม่เคยเดินทางไกลแบบนี้มาก่อน
เลยว่ะ มันรู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้" ขุนพลเอ่ยกับเพลิงด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
"เออ…กูก็เหมือนกัน นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกที่ไกลที่สุดของพวกเรามันก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา" ชายหนุ่มเอ่ยกับขุนพลก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
ทั้งสองคนนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลารถออก รถบัสประจำทางแล่นออกจากสถานีขนส่งอำเภอกันทรลักษ์ไปแล้ว จุดหมายปลายทางคือสถานีขนส่งหมอชิต
กรุงเทพมหานครฯ ทั้งสองคนนั่งรถไปเป็นเวลาเกือบแปดชั่วโมง ทำให้ทั้งสองคนถึงกับมีอาการเมื่อยล้าไปตาม ๆ กัน
"รถมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว เราจะไปทางไหนต่อละ กูนี่มันบ้านนอกเข้ากรุงจริง ๆ มันมืดแปดด้านเลยว่ะ" ขุนพลเอ่ยกับเพลิงด้วยสีหน้าท่าทางงง ๆ และตื่นตะลึงกับบรรยากาศของเมืองกรุง
"ตอนนี้มันเย็นมากแล้ว เราคงหางานไม่ได้หรอก ทางที่ดีเราต้องหาที่พักก่อน" เพลิงเอ่ยกับขุนพลแล้วดินไปนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวที่สำหรับให้ผู้โดยสารนั่งรอรถ
"จะไปหาที่ไหนวะ กูไม่รู้หรอก" ขุนพลเอ่ยกับเพลิงก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ด้วยสีหน้าและอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
"ตอนนี้เราจะไปหาห้องเช่าหรือโรงแรมไม่ได้หรอก เพราะเราไม่รู้ว่าจะหางานได้ตอนไหน ทางที่ดีเราต้องประหยัดเงินไว้ก่อน กูว่าแถวนี้น่าจะมีวัดเดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้เขาไปส่งที่วัด แล้วไปขออาศัยหลวงพ่อนอนสักคืนก่อนดีกว่า" ชายหนุ่มเอ่ยกับขุนพลอย่างมีเหตุผล
"ก็ดีเหมือนกันว่ะ ไปอาศัยวัดนอนก่อน
สักคืน พรุ่งนี้ค่อยไปหางานทำ" ขุนพลเอ่ยกับเพลิงก่อนจะหยิบเป้ขึ้นมาสะพายบ่า
"ปะ…ไปเรียกแท็กซี่กันดีกว่าเย็นมากแล้ว" เพลิงเอ่ยกับขุนพลก่อนจะลุกขึ้นเดินนำหน้าไปโบกรถแท็กซี่ ที่กำลังแล่นมาพอดี
"แท็กซี่!"
คนขับรถแท็กซี่วัยกลางคนจอดรถ
แล้วลดกระจกลงก่อนจะเอ่ยถามเพลิง
"จะไปไหนกันละไอ้หนุ่ม?"
"คือผมสองคนจะไปวัดที่อยู่ใกล้ ๆ
กับมหาวิทยาลัยมีมั้ยครับ แล้วอยู่ไกลไหมลุง" เพลิงเอ่ยถามลุงคนขับรถแท็กซี่ด้วยความอยากรู้
"อ๋อ…มี แต่ก็ไกลเหมือนกันแหละ จะไปไหมละ?"
"ไป ๆ ครับลุง" เพลิงเอ่ยกับลุงคนขับรถแท็กซี่ก่อนจะหันไปเอ่ยกับขุนพล
"ปะ ไอ้ขุนขึ้นรถสิ ยืนงงอะไรวะ"
ทั้งสองคนพากันขึ้นรถ คนขับแท็กซี่ขับรถออกไปทันที จากขนส่งหมอชิตไปวัดก็ไกลพอสมควร ทั้งสองคนนั่งนิ่งเงียบ เพราะตื่นเต้นที่ได้นั่งรถแท็กซี่เป็นครั้งแรก และกำลังตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของเมืองกรุง ที่เต็มไปด้วยตึกที่สูงระฟ้าและแสงสีสันตระการตา
"มาจากไหนกันละพ่อหนุ่ม" ลุงคนขับรถแท็กซี่เอ่ยถามพวกเขาสองคน
"อ๋อ…ผมมาจากศรีสะเกษครับลุง" เพลิงตอบเสียงเรียบ
"อ้าว! คนอิสานเหมือนกันกับลุงเลย" ลุงคนขับรถแท็กซี่เอ่ยกับเพลิงด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจ
"ลุงคนอิสานเหมือนกันเหรอครับ ลุงอยู่จังหวัดอะไรครับ" เพลิงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจ
"อ๋อ…ลุงอยู่จังหวัดศรีสะเกษ ลุงมาอยู่กรุงเทพฯ ได้สามสี่ปีแล้ว" ลุงคนขับแท็กซี่เอ่ยกับเพลิงด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
"ผมดีใจมากเลยครับที่ได้มาเจอคนอิสานเหมือนกัน" ชายหนุ่มเอ่ยกับลุงคนขับแท็กซี่แล้วยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
"แล้วพากันมาทำอะไรที่นี่ละ?"
ลุงคนขับแท็กซี่เอ่ยถามชายหนุ่ม
"ผมพากันมาเรียนต่อครับลุง เพิ่งมาครั้งแรก เลยไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหน เลยคิดว่าจะไปขอหลวงพ่อนอนที่วัดก่อนสักคืน ว่าจะไปเช่าโรงแรมก็ไม่ค่อยมีเงิน ต้องประหยัดกันก่อนครับ"
"อืม…ดี ๆ คนเราต้องรู้จักประหยัด มาอยู่ในกรุงเทพฯ มันไม่เหมือนบ้านเรา ค่าครองชีพมันสูง ถ้าไม่รู้จักประหยัดแป๊บเดียวเงินก็หมดแล้ว" ลุงคนขับแท็กซี่เอ่ยกับเพลิงแล้วยิ้ม ๆ
"จะมาเรียนที่ต่อกันเหรอ?"
"ใช่ครับลุง"
"ลูกสาวลุงก็จะเรียนที่นี่เหมือนกัน ลูกสาวลุงน่าจะรุ่นเดียวกันกับพ่อหนุ่มนี่แหละ ตอนนี้กำลังจะไปสมัครเรียนภาคค่ำ เขาไม่อยากเรียนภาคปกติ เพราะเขาจะได้มีเวลาช่วยแม่เขาขายของด้วย"
"อ๋อ…ลุงขายของด้วยเหรอครับ นี่แสดงว่าลุงมากันทั้งครอบครัวเลยใช่ไหม"
ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
"อือ…ใช่ ลุงมากันสี่คน ลูกชายลุงเพิ่งเรียนจบทำงานแล้ว ส่วนลูกสาวกำลังจะสมัครเรียน"
"อ้าว! คุยกันเพลิน ถึงวัดแล้ว" ลุงคนขับรถแท็กซี่เอ่ยกับเพลิงก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าวัด
"ค่ารถเท่าไหร่ครับลุง" ชายหนุ่มเอ่ยถามก่อนจะล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมา
"ร้อยห้าสิบพอ ปกติลุงเก็บสองร้อย นี่คนอิสานเหมือนกันเอาแค่นี้พอ"
"ขอบคุณมากครับลุง" ชายหนุ่มเอ่ยกับลุงก่อนจะหยิบเงินส่งให้แล้วยิ้ม ๆ
"ขอโทษนะครับ ลุงชื่ออะไรครับ"
"อ๋อ….ลุงชื่อสมพงษ์ เอาเบอร์โทรลุงไปก็ได้ มีอะไรเดือดร้อนก็โทรหาลุงได้เราคนบ้านเดียวกัน" ลุงสมพงษ์ เอ่ยกับเพลิงพร้อมกับส่งนามบัตรให้
"ขอบคุณมากครับลุง" ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะหยิบนามบัตรมาใส่กระเป๋าเสื้อ
"ขอบคุณมากครับลุง" ขุนพลยกมือไหว้ลุงสมพงษ์แล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจ
"งั้น…ลุงไปก่อนนะ" ลุงสมพงษ์เอ่ยกับพวกเขาสองคนก่อนจะขับรถออกไป
เพลิงกับขุนพลเดินเข้าไปในวัดก็เห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่งกำลังเดินมาหาพอดี
"นมัสการครับหลวงพ่อ" ทั้งสองพากันยกมือไหว้พระภิกษุชรารูปนั้น
"เจริญพรโยม มาจากไหนกันละ มาหาใครหรือเปล่า?" พระภิกษุชราเอ่ยถามพวกเขาสองคน
"อ๋อ.,,ผมมาจากต่างจังหวัดครับหลวงพ่อ ว่าจะมาขอนอนพักที่วัดสักคืน พรุ่งนี้ถึงจะไปหางานทำครับ" เพลิงเอ่ยกับพระภิกษุชรา
"อ๋อ…มาจากต่างจังหวัดเหรอ งั้นเดี๋ยวอาตมาจะพาไปหาท่านเจ้าอาวาสก่อน ว่าท่านจะให้พักหรือเปล่า มา…ตามอาตมา มาทางนี้" พระภิกษุชราเอ่ยกับพวกเขาสองคนก่อนจะเดินนำหน้าขี้นไปบนศาลาการเปรียญ เมื่อเดินไปถึงก็เห็นพระภิกษุชราที่น่าจะเป็นเจ้าอาวาสกำลังนั่งอยู่บนอาสนะหน้าพระประธาน
"อ้าว! ท่านพาใครมารึ?" พระภิกษุชราที่เป็นท่านเจ้าอาวาสเอ่ยถามพระภิกษุชราที่พาพวกเขามาหา
"โยมสองคนนี้เดินทางมาจากต่างจังหวัดครับหลวงปู่ เขาจะมาขอพักค้างคืนที่วัดสักคืนแล้วพรุ่งนี้จะไปหางานทำครับ หลวงปู่จะว่ายังไงครับ" พระภิกษุชราเอ่ยกับหลวงปู่ที่เป็นเจ้าอาวาส เพลิงกับขุนพลเข้าไปนั่งลงแล้วก้มกราบท่านเจ้าอาวาสพร้อม ๆ กัน
"อืม…เจริญพรโยม ชื่ออะไรกันละ แล้วพากันมาทำอะไรที่กรุงเทพฯ"
ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยถามพวกเขาสองคน
"ผมชื่อเพลิงครับ คือผมจะมาเรียนต่อกันครับ แต่เนื่องจากที่บ้านฐานะยากจน พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน เลยต้องมาหางานทำหาเงินเรียนเองครับ" เพลิงเอ่ยกับท่านเจ้าอาวาส
"อืม…นับว่าเป็นคนดี และมีความมุ่งมั่นเป็นคนรักการเรียนจริง ๆ แบบนี้หายาก เอาละอาตมาให้พักนอนที่วัดได้" ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยกับพวกเขาสองคน