บทย่อ
คนอื่นข้ามภพสวยๆ มาเป็นนางเอกหรือไม่ก็นางมารร้าย แต่วิญญาณสาวอ้วนจอมฉ้อฉลต้องมาสิงร่างสตรีอัปลักษณ์ที่โง่งมงาย ซึ่งชีวิตนี้ หากไม่รุ่งก็คงวอดวาย เพราะผู้ชายกินเมีย ****************** “คุณโป๊...” หล่อนว่าพร้อมกับชี้มือสั่นจัดไปยังร่างสูงใหญ่ พยายามไม่มองสัดส่วนเร้นลับของเขา แต่สายตาก็ซุกซนเหลือเกิน! “โธ่...ตกใจอันใด เมื่อครู่เรายังอภิรมย์บนเตียง เหตุใดตอนนี้ถึงแสดงท่ารังเกียจข้าเพียงนั้น...ภรรยา” “อร๊าย บ้าบอ! แก้มอุ่นนี่นะ ชะ ช่วยคุณอุ่นเตียง ถะ แถมเรายังเป็น เอ่อ...สามีภรรยากันด้วย” หัวใจหญิงสาวเต้นโครมคราม ทั้งช็อกและขัดเขิน คนหล่ออะไร ขี้ตู่เสียจริง หนุ่มรูปงามถอนหายใจเสียงดังราวสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาต้องรับมืออยู่บ่อยครั้ง “ข้ารู้ ในหัวเจ้าเลอะเลือนอยู่หลายส่วน แต่เรื่องนี้ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และข้าสัญญากับฟ้าดินแล้วว่าจะเป็นสามีที่ซื่อสัตย์ตลอดไป ฉะนั้นโปรดรับรู้ไว้ หัวใจของข้าดวงนี้เป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ...หงเซ่อ” “หงเซ่อ!!” หญิงสาวทวนคำ หล่อนมีชื่อประหลาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน?
1
เปลวไฟเบื้องหน้าชายหนุ่มกำลังเผาไหม้ภาพวาดและหนังสือ
ชุนกง ศิลปะต้องห้ามในยุคสมัยโบราณเมื่อเกือบ 800 ปีก่อน ถึงฝีมือหนุ่มรูปงามล่มเมืองนามว่า ฉีหยางซิ่ว จะหาผู้ใดเทียบเท่าได้ในใต้หล้า กระนั้นมันก็มิถูกยอมรับ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นอาญาต่อแผ่นดิน หากผู้ใดครอบครองมีโทษให้ริบทรัพย์ หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นถูกตัดหัวเสียบประจานไว้หน้าประตูเมือง ส่วนผู้สร้างสรรค์ศิลปะอันต่ำช้าอัปมงคล ต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกแยกร่างออกเป็นห้าส่วน!!
ภาพวาดหญิงและชายคณิกาในอิริยาบถไร้อาภรณ์ ถูกมองอย่างเหยียดหยาม หากแต่ยังมีกลุ่มคนที่คลั่งไคล้จนเกิดการซื้อขายอย่างลับๆ ในราคาสูงลิบ โดยเฉพาะผลงานจากปลายพู่กันของฉีหยางซิ่ว ผู้ที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นบุรุษชั่วช้า
ทว่าเมื่อภาพเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดก็เกิดความโลภและผลประโยชน์ จากศิลปะงดงามกลายเป็นภาพอาถรรพ์ มีคนสร้างเรื่องหลอกลวงและอ้างว่าปีศาจกำลังพิโรธจนเกิดเรื่องสยองขวัญแพร่สะพัดไปทั่วเมืองจิ่นสือ
หลังจากเศรษฐีผู้หนึ่งที่ครอบครองรูปนางคณิกาจากหอเตี๋ยฮวา กลายเป็นศพถูกควักหัวใจ ส่วนนางผู้เป็นแบบให้ฉีหยางซิ่ววาดได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนมีคนพบตุ๊กตาหิมะที่ด้านบนมีศีรษะมนุษย์เสียบไว้ ซึ่งผู้เคราะห์ร้ายคือหญิงงามเริงเมืองคนนั้น
ทั้งที่เป็นเรื่องเขย่าขวัญสั่นประสาท แต่กลับสร้างชื่อเสียงแก่คุณชายไร้เกียรติอย่างฉีหยางซิ่วให้มีตัวตนในฐานะของ เฟิ่งหวงสีแดงเพลิง ศิลปินเทวดาผู้รังสรรค์ผลงานที่หาใครเทียบได้ในใต้หล้า
ฉีหยางซิ่วยืนมองการไหม้ของสิ่งอันเป็นที่รักแล้วใจหาย เขา
เก็บภาพเหล่านี้มาหลายปีนับแต่ล่วงรู้ว่าฉีเจียนหลิวคิดทำลายมัน เขานำภาพวาดอันสำคัญใส่กล่องไม้แล้วนำไปเก็บไว้ในพื้นที่ลับตาคน ทว่ายังมีภาพส่วนหนึ่งที่ถูกทำลายไปในตอนที่เรือนเล้าหมูถูกเผา จวบจนได้กลับมาเยือนหมู่ตึกเทพเซียนอักษรอีกครั้ง จึงระลึกถึงความหลังเลยนำสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นออกมาเชยชม
ทว่าบ่อยครั้งที่เขาตกเข้าไปอยู่ในภวังค์ ราวกับภาพวาดดูดเขาหลุดเข้าไปในโลกเร้นลับ และนั่นเป็นเหตุให้คู่ชีวิตบ่นน้อยใจ
“หรือผู้น้อยไม่งดงามพอให้สามีเรียกหา” น้ำเสียงเง้างอน พร้อมการแสดงออกของภรรยาทำให้เขาตัดสินใจเลือกคนที่มีเนื้อหนังแทนรูปวาดสุดรักและหวงแหน
“ข้าผู้เป็นสามีย่อมเห็นว่าเจ้าสำคัญกว่าผู้ใด เพียงแต่...บางครั้งอดคิดถึงอดีตมิได้” เพราะชีวิตเขาก้าวผ่านเรื่องราวมากมายที่น้อยคนจะพานพบ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากรูปวาด มันคือเหตุผลที่ทำให้เขาถวิลหาช่วงเวลาเหล่านั้น
“ทุกอย่างผ่านมาแล้ว จะดีหรือร้าย อย่าจดจำมันเลย ในเมื่อวันนี้ ท่านพี่มีข้า เพียงแค่นี้มิเพียงพอหรือ”
ด้วยถ้อยคำตัดพ้อของภรรยา เขาจึงบอกต่อนางผู้เป็นที่รักว่าจะจัดการรูปภาพเหล่านั้นให้สาบสูญ
ภาพวาดทั้งบนกระดาษและผืนผ้าไหมนับพัน ค่อยๆ ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ เมื่อเห็นดังนั้นก็ใจหาย ทั้งหมดคือช่วงเวลาที่ทำให้เขาได้ค้นพบความสามารถที่แท้จริงของตน มิใช่คุณชายไร้ค่าที่อาศัยอยู่ในเรือนเล้าหมู รอคอยเศษเงินจากตระกูลฉีที่ยามนั้นถูกพี่ชายต่างมารดาครอบครอง
ฉีหยางซิ่วสลัดความคิดในอดีตทิ้ง ก่อนร้องหาคู่ชีวิต
“ภรรยาที่รัก เจ้ามัวทำการใดถึงไม่ออกมาพบหน้าสามีรูปงาม”
“โปรดรอประเดี๋ยว ผู้น้อยกำลังยุ่ง” นางร้องตอบเสียบหอบเหนื่อย
“เอ ไหนเจ้าเร่งเร้าให้ข้าทำลายพวกมัน เหตุใดถึงเอาแต่หมกตัวอยู่ในครัว...” คนเป็นสามีถามเสียงติดจะเข้มงวดสักหน่อย ส่งผลให้หญิงสาวที่หมู่นี้เดินเหินลำบากต้องทิ้งงานในมือ ก่อนสั่งสาวใช้ทำหน้าที่แทนตน
นางเคลื่อนตัวออกจากครัวใหญ่อย่างระมัดระวัง มิได้คล่องแคล่วเหมือนก่อนหน้า สองขาตรงไปหาสามีกลัวเขาจะหาเหตุผลมาอ้าง และหยุดทำลายรูปวาดแสนน่าชิงชังเหล่านั้น
ณ ลานโล่งใกล้ๆ ด้านข้างเรือนครัว ร่างสูงสง่ายืนอย่างผ่าเผย แสงแดดอ่อนๆ ทาบทับผู้เป็นสามีนาง เขามิใช่นักรบผู้เกรียงไกร มิใช่ชายในราชสำนัก หรือจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจ เป็นเพียงชายธรรมดาผู้หนึ่งที่มีสิ่งพิเศษซ่อนอยู่ในรูปโฉมอันงดงามที่สะกดสายตาทุกคนในใต้หล้า
“...ข้าร้อนใจจะแย่ เหตุใดยังมัวชักช้า เดี๋ยวข้าเปลี่ยนใจมิทำลายพวกมัน จะเป็นเจ้าที่เสียใจ”
สตรีนางนั้นสูดลมหายใจลึก ก่อนส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา “มิได้เด็ดขาด ท่านให้สัญญาแล้ว เมื่อครู่ข้าติดงานในครัว” นางว่าพร้อมกับใช้หลังมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ยังจะต้องทำสิ่งใด ข้าบอกแล้ววางมือเสียบ้าง” กล่าวจบก็มองเนื้อตัวภรรยา ก่อนวางสีหน้าขึงขัง พร้อมส่งเสียงเข้มกว่าเดิม “เฮ้อ...หากเจ้ายังกินไม่หยุดเช่นนี้ ข้าจะมีอนุให้เจ้าสักสองสามคนเป็นอย่างไร”
ภรรยาทำหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะส่งเสียงแหลมๆ แสดงออกถึงความขัดใจ
“ท่านพี่กล่าวเช่นนั้น คิดดีแล้วหรือ หากท่านมีอนุเมื่อไร ผู้น้อยภรรยาก็จะ...” นางว่าแล้วก็แสร้งบีบน้ำตา และส่งเสียงสะอื้นไห้ กิริยาเช่นนั้นน่ารักน่าชังเป็นที่สุด
“การมีอนุของข้า เป็นสิ่งที่เจ้าเคยพร่ำบอกให้กระทำมิใช่หรือ ไยถึงต้องร้องห่มร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ”
เขาก้าวมาหา โอบกอดนางผู้เป็นที่รักอย่างถวิลหา พร้อมใช้จมูกโด่งสวยสูดกลิ่นกายหอมเคล้ากินเหงื่อจางๆ ก่อนกระทำการซุกซนหนักด้วยการใช้ริมฝีปากสีสดขบเบาๆ บนลำคอระหง จนร่างในอ้อมกอดสะดุ้งเฮือก ก่อนส่งเสียงอู้อี้ประท้วงอย่างขัดเขิน
“ผู้น้อยแค่ลองใจท่าน ถึงต้องตาย ผู้น้อยมิอาจใช้สามีร่วมกับสตรีนางใด แม้แต่คนในรูปวาด!”
นางว่าพร้อมมองผลงานชั้นเยี่ยมของเขาซึ่งอยู่ในเปลวเพลิง และน้ำเสียงแสดงความหึงหวงชัดแจ้ง
“ขี้หึง เอาแต่ใจ...และยังบ้าอำนาจ...” เขาเย้าแหย่ ก่อนบีบปลายจมูกเชิดรั้นของนางด้วยความมันเขี้ยว
นางหยุดแสดงอาการกระเง้ากระงอด แล้วเอ่ยถามสิ่งที่ชอบฟังจากเสียงทุ้มเข้ม
“ใช่ ผู้น้อยเป็นเช่นนี้ สามียังจะรักหรือไม่”
“ข้าขี้คร้านจะตอบเจ้าวันละร้อยหน รัก...สิ รักมาก รักเสียจนอยากต่อขา เติมแขนให้ลูกน้อย เสียเดี๋ยวนี้”
“อุ๊ย สามี...วาจาท่านสัปดนนัก ท้องข้าใหญ่โตถึงเพียงนี้จะทำ
เช่นนั้นได้อย่างไร”
แม้อยากเอาอกเอาใจเขา แต่ในเวลานี้นางไม่กล้าร่วมเตียงกับหนุ่มรูปงาม เกรงว่าตนเองจะเป็นฝ่ายอดใจไม่ไหว โผเข้าไปรุกเร้าเขาหนักจนส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์
“รู้สิ แต่ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงรสจูบและสองมือนี้ยามที่เราใกล้ชิดกันอย่างลึกซึ้ง...”
หนุ่มรูปงามกุมมือของภรรยาแน่น ยามอยู่ในที่ลับตานางทำให้เขาเพลิดเพลินใจจนลืมผู้หญิงทุกคน มือยาวเรียวนี้ แม้จะสากอยู่มาก หากสร้างความรัญจวนใจให้เขาสุขสม
“ในหัวท่านมีแต่เรื่องสัปดน ข้าคิดแล้วว่าสุดท้ายต้องแต่งงานกับคนไม่เอาไหน”
นางไม่อยากกล่าวโทษเขา ควรโทษตัวเองมากกว่า ที่ตอนแรกตั้งใจจับเขาเป็นตัวประกัน หากสุดท้ายกลับตกหลุมรักคุณชายตัวลามก แถมตอนนี้นางยังอุ้มท้องลูกของเขาด้วย
“เอาเช่นนี้ ข้าไม่รับอนุก็ได้ แต่คืนนี้เจ้าต้องให้ข้านอนร่วมเตียง”
ภรรยาสาวทำตาโต ก่อนอ้าปากกว้างด้วยตกใจ กระนั้น ในหัวก็คิดถึงเรื่องราววาบหวิวยามอยู่บนเตียงกับหนุ่มรูปงาม เขานับว่าเป็นผู้ชายที่รู้จักเอาอกเอาใจ และนางนั้นหลงใหลร่างกายนี้จนแทบไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใคร แม้กระทั่งชายตามองหญิงอื่น
“หากให้สามีเคียงคู่ร่วมเตียง ท่านต้องรับปากว่าจะไม่ทำบัดสีต่อหน้าลูกในท้อง” นางกล่าวจบใบหน้าพลันแดงซ่าน
“ฮ่าๆ ๆ...แต่มันคงดีกว่าให้ข้าทำบัดสีกับรูปภาพ หรืออนุมิใช่หรือ”
หญิงตั้งครรภ์ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่ ดูเหมือนนางไม่มีทางเลือกอื่น
“เฮ้อ...หากให้ท่านทำบัดสีกับรูปภาพหรือสตรีนางอื่น! ผู้น้อยภรรยาขอรับหน้าที่นั้นเองเสียดีกว่า”
รอยยิ้มกว้างเผยบนดวงหน้าขาวอมชมพูของผู้เป็นสามี ก่อนที่เขาจะดึงร่างนางผู้เป็นที่รักเข้ามาใกล้ เป็นตอนนั้นที่นางรู้สึกว่าใจเต้นระรัวเร็ว ด้วยความแข็งขันจากร่างกายสามีกำลังรุกเร้าร่างกายนาง
“ตอนนี้ยังไม่มืดค่ำ แต่ข้าอยากชวนเจ้านอนกลางวันจะได้หรือไม่ภรรยา”
เมื่อได้ยินถ้อยคำที่สามีร้องขออย่างอ่อนหวาน มีหรือฉีฮูหยินจะปฏิเสธ
ฉีหยางซิ่วสุขใจ หัวเราะร่า เขากระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม เป็นตอนนั้นที่จู่ๆ ฝนฟ้าก็เทลงมา ทั้งคู่จึงต้องรีบหลบเข้าไปในบ้าน
เสียงหัวเราะของสามีภรรยาที่หยอกเย้ากันดังพอให้เป็นที่อิจฉาของผู้ได้ยิน หนึ่งในนั้นคือผู้ซึ่งฉวยภาพวาดบนผืนผ้าไหมจากกองไฟซึ่งกำลังมอดลงเพราะห่าฝนซึ่งเทกระหน่ำ
มันเป็นรูปวาดของหญิงสาว ซึ่งใบหน้าเลอโฉมหาผู้ใดเทียบ
ร่างอวบอัดเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งสุดมหัศจรรย์ และใน 800 ปีต่อมา รูปวาดเดียวกันนี้เดินทางข้ามกาลเวลามาสู่ยุคปัจจุบัน!!