NO.8 จุดเปลี่ยนของแสง
NO.8
จุดเปลี่ยนของแสง
“วันนี้กิจกรรมของห้องเชียร์ทั้งหมดจะจบลงเพียงเท่านี้”
แปลก
“แต่!! พวกผมจะยังไม่รับคุณเป็นน้อง”
โคตรแปลก
“เพราะคณะของเรามีธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่รุ่นแรก ว่าเราจะต้องไปจบการรับน้องบนดอยทุกปี”
แปลกฉิบหาย
“เพราะฉะนั้นเราจะไปรับน้องใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ดอยในวันเสาร์นี้”
...
“ผมอยากให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม แล้วเราจะมาเจอกันอีกทีวันเสาร์ รถออกตอนตีห้า ใครมาสายผมไม่รอ!!”
อื้มมม
“และตอนนี้ผมขอจบกิจกรรมห้องเชียร์เพียงเท่านี้ เชิญกลับได้ครับ”
แปลกเกินไปแล้วโว้ยยย
ทุกคนงงกันใช่ไหมครับว่าอะไรแปลก ผมจะอธิบายให้ฟังความแปลกแรกของวันนี้คือตอนเข้าห้องเชียร์มาเจอพี่ดาวเหนือบุคคลที่หาตัวยากอันดับหนึ่งแต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ตรงนี้ แปลกที่สองคือตั้งแต่ที่ผมกับปีแสงนั่งลงในแถวเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์พี่ดาวเหนือก็มองมาไม่ยอมหยุด กลายเป็นปีแสงที่นั่งหลบหน้าหลบตาไม่ยอมเงยหน้าไปสบตาใคร แปลกที่สามคือไม่ว่าผมจะพูดอะไรไปปีแสงไม่มีการตอบสนองใด ๆ
กลับมา เหมือนตอนนี้ผมกลายเป็นอากาศธาตุที่สมบูรณ์ไปแล้ว
“ปีแสง ฮัลโหลได้ยินกูไหม”
ผมสะกิดคนข้าง ๆ ที่ถึงตอนนี้จะเลิกเชียร์แล้วแต่ก็ยังคงนั่งไร้สติไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนสักที
“วะ...ว่าไง” เหมือนสติของมันจะค่อย ๆ กลับมาแล้ว นี่นึกว่าจะต้องอุ้มมึงกลับหอแล้วนะปีแสง
“กว่าจะตอบกูเนาะ”
“มีอะไร” ยังจะถามอีก
“มึงจะนั่งตรงนี้ยันพรุ่งนี้เลยไหม เขาเลิกกันสักพักแล้วนะ”
“อะ...อ่าวเหรอ” สรุปเมื่อกี้สติมึงหลุดไปจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย
“มึงเป็นอะไร ดูแปลก ๆ ตั้งแต่เข้าห้องเชียร์แล้วนะ”
“คือ...”
“ว่า?”
“...รู้สึกเขิน”
ฮ่วยอยากจะตบกบาลสักทีถ้านี่ไม่ใช่ปีแสงโดนตบไปแล้ว แต่ติดตรงที่เป็นมันไง จับนิดจับหน่อยก็เป็นรอยแดงแล้ว ถ้าผมตบหัวมันคอหักไปจะเอาลูกที่ไหนไปคืนแม่มันวะและอะไรคือสีหน้านิ่ง ๆ ไร้ความรู้สึกที่ส่งมาแต่บอกว่าเขินเนี่ยนะ กูไม่เข้าใจความย้อนแย้งนี้เลย
“ลำไย”
“อยากกินลำไย?”
“โอ๊ย กูจะบ้าตาย ลำไยก็คือรำคาญรู้จักไหมที่คนอื่นเขาชอบพูดกัน”
“ไม่พูดว่ารำคาญไปเลย”
“โว๊ะไม่คุยกับมึงแล้ว นู้นใครเดินมาหาน่ะ”
อย่างที่บอกปีแสงไปเลย ตอนนี้พี่ดาวเหนือเดินตรงมาทางพวกเรา ดูยังไงก็ต้องมาทางเราและแน่นอนเขาไม่ได้มาหาผมหรอก มาหาไอ้แคระนี่ล่ะมั้ง ผมแค่หยุดเรียนวันเดียวรู้สึกเหมือนตัวเองพลาดอะไรไปเลย พอถามปีแสงก็บอกว่าไม่มีอะไร แต่นี่มันมีอะไรชัด ๆ
“น้องปีแสงงง กลับยังไงครับ” สดใสกว่านี้มีอีกไหมเนี่ย
“...เดินครับ” หม่นกว่านี้ก็ไม่มีอีกแล้วเช่นกัน
“ดีเลยเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ครับ?”
“พี่หิวข้าวด้วย” พี่ดาวเหนือเอามือลูบท้องวนไปวนมาพร้อมกับทำหน้าออดอ้อนใส่ปีแสง ขนาดนี้ถ้าผมเป็นปีแสงคงเขินมุดดินไปแล้ว
“เอ่อ...”
“ไปนะครับ”
นี่ผมมาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ได้ไงวะ มันดูชมพูแปลก ๆ หรือสองคนนี้จะมีซัมติงอะไรกันโดยที่มายเนมคนนี้ไม่รู้หรือเปล่า กูพลาดจริง ๆ สินะ แต่ช่างเถอะเพราะตอนนี้ผมเห็นคนที่คุ้นเคยดี คนที่เคยมีประเด็นกันเมื่อวานก่อน คนที่ตอนนี้พยายามหลบหน้าผมโดยการหลบอยู่หลังพี่ดาวเหนือ
“พี่สายลมครับ” ใช่พี่สายลมเพื่อนพี่ดาวเหนืออะแหละผมคิดว่าตอนนี้เรามีบางอย่างต้องเคลียร์กันสักหน่อย
“...”
“พี่สายลม” ไม่คิดจะออกมามองหน้าผมหน่อยเหรอ
“สายลมน้องเรียก” พี่ดาวเหนือที่มองดูเหตุการณ์อยู่เห็นถึงความผิดปกติเลยช่วยเรียกพี่สายลมให้อีกแรง และตอนนี้ก็ดันพี่สายลมให้มาอยู่ตรงหน้าผม
“พี่...”
“คุณมีอะไร” ยอมพูดกับผมสักทีสินะ
“ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่”
“แต่ผมไม่มีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ก็ผมมีไง”
“แต่...” คิดว่าผมจะฟังคำปฏิเสธของพี่เหรอ
หมับ
ผมเอื้อมมือไปจับข้อมือคนตรงหน้าไว้แล้วรีบหันไปบอกลาพี่ดาวเหนือกับปีแสงทันที
“พี่ดาวเหนือผมขอเอาตัวพี่สายลมไปก่อนนะครับ ไปก่อนนะปีแสงบาย”
ไม่รอการบอกลากลับมาผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นอยากรวดเร็วและไม่ลืมที่จะดึงอีกคนให้ตามมาด้วย ถึงตอนแรกจะมีขัดขืนอยู่บ้างแต่พอสักพักก็หยุดขัดขืนแล้วยอมเดินตามผมมาเงียบ ๆ
“คุณจะพาผมไปไหน”
“ตามผมมาเถอะครับ”
“แต่ผม...”
“นะครับผมต้องคุยกับพี่ให้รู้เรื่อง”
“...อืม”
ทุกคนอาจจะงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาผมจะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดแต่ตอนนี้ผมขอเคลียร์กับคนคนนี้ให้รู้เรื่องก่อนเถอะ
----
มายเนมเดินออกไปกับพี่คนนั้นแล้ว ผมกับพี่ดาวเหนือได้แต่มองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ก่อนจะหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย
“สองคนนั้นเขามีอะไรกันหรือเปล่า”
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าสองคนนั้นรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหนด้วยซ้ำ
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เราไปกินข้าวกันเถอะ”
“คือ...” ผมไปกับพี่ไม่ได้
“ครับ?”
“ผมมีนัดแล้ว” วันนี้ผมไม่ว่างจริง ๆ ผมมีนัดแล้ว ถ้าเบี้ยวครั้งนี้มีหวังโดยบ่นหูชาแน่ ๆ
“นัดกับใคร” รอยยิ้มของพี่ดาวเหนือหายไปโดยฉับพลันหลังจากที่ผมบอกว่ามีนัด ก่อนจะถามกลับมาด้วยโทนเสียงที่แปลกไป ราวกับว่าอยู่ ๆ พี่ดาวเหนือก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
“นัดกับ...”
“พี่ไม่อยากให้น้องไป”
“ครับ?” ทำไม? ผมแค่จะไปเปลี่ยนยางจัดฟัน
“พี่ไม่รู้ว่าน้องจะไปกับใคร แต่พี่ไม่อยากให้ไป”
“คือผม...” ผมจะเปลี่ยนยาง อยากจะพูดออกไปแต่พี่ดาวเหนือก็ไม่เว้นช่องว่างให้ผมพูดเลย
“ไม่ไปได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ครับ” ขืนไม่ไปโดนหมอบ่นชุดใหญ่แน่ ๆ ผมไม่อยากเบี้ยวแล้ว
“...โอเคครับพี่เข้าใจแล้ว” ทำไมน้ำเสียงและท่าทางของคนตรงหน้าดูหงอย ๆ ลงล่ะ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ผม...แค่จะไปเปลี่ยนยาง”
“เปลี่ยนยาง?”
“ครับ...ยางจัดฟัน”
ผมยืนมองท่าทางที่คล้ายกับคนทำอะไรไม่ถูกของคนตรงหน้านิ่ง ๆ พี่ดาวเหนือชะงักค้างอยู่ท่าเดิม ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรออกมาราวกับคนหาเสียงตัวเองไม่เจอ รอจนเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งพี่ดาวเหนือถึงจะรวบรวมเสียงตัวเองแล้วพูดออกมา
ตลกดี...
“โธ่...ทำไมไม่บอกพี่ว่าจะไปเปลี่ยนยาง เล่นเอาพี่เข้าใจผิดไปไกลเลย”
“เข้าใจผิดอะไรครับ”
“ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่ไปเปลี่ยนที่ไหนเดี๋ยวพี่พาไป”
“ไปเองก็ได้ครับ”
“ให้พี่พาไปนะครับ” ท่าทางอ้อน ๆ นี้อีกแล้ว เจอแบบนี้ผมจะปฏิเสธได้ยังไง
ผมได้แต่พยักหน้าตอบกลับไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วกดโทรไปหาลุงคนขับรถที่บ้านเพื่อยกเลิกที่เคยนัดให้มารับว่าไม่ต้องมาแล้ว เหลือบตามองคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้กลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเก่า พอเห็นพี่ยิ้มอย่างนี้ค่อยดีหน่อย แต่พี่เปลี่ยนอารมณ์เร็วเกินไปแล้วนะ เมื่อกี้พี่เป็นอะไรผมก็ยังไม่รู้เลย บางทีผมก็ตามไม่ทันจริง ๆ
แปลกคน...
----
โชคดีที่คลินิกอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากพี่ดาวเหนือเลยเลือกขับมอไซค์พามา วันนี้ที่คลินิกคนไม่เยอะเท่าไรรออีกสองคิวก็จะถึงคิวผม ผมมองดูคนข้าง ๆ ที่ขมวดคิ้วให้กับโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกับคนที่เครียดอะไรสักอย่างโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเครียดอะไร
“เป็นอะไรครับ” ผมถามได้ไหมนะ
“ครับ?”
“ดูเครียด” แต่ผมไม่ชอบให้พี่ทำหน้าเครียดแบบนี้เลย
“คือ...พอดีพรุ่งนี้พี่ต้องไปเตรียมงานรับน้องบนดอยก่อนและอีกสองวันพวกน้องถึงจะตามไป”
“แล้วเครียดอะไรครับ”
“มันก็แปลว่าสองวันนี้พี่ก็จะไม่ได้เจอ...” พี่ดาวเหนือเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ไม่ได้เจอ?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับว่าแต่ปีแสงจะเปลี่ยนยางเป็นสีอะไร” พี่ดาวเหนือคนที่เครียดเมื่อกี้หายไปแล้วตอนนี้กลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีบทสนทนาที่ค้างไว้ เปลี่ยนเรื่องไปอย่างง่ายดาย
“ดำครับ”
“แต่ตอนนี้ก็สีดำไม่ใช่เหรอครับ ทำไมยังจะเปลี่ยนเป็นสีดำอีกล่ะหรือว่าน้องชอบ”
“เปล่าครับ…แค่ไม่รู้จะเปลี่ยนสีอะไร”
“อย่าบอกนะว่าใส่สีดำแบบนี้ตลอด”
“ครับ”
“พูดจริง”
ผมพยักหน้าเพื่อยืนยันว่านั้นคือเรื่องจริง ผมจัดฟันมาได้ปีหนึ่งแล้วแต่ละครั้งที่มาเปลี่ยนยางก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำตลอด อาจจะเพราะไม่รู้จะเปลี่ยน เป็นสีอะไร และอีกเหตุผลก็คงเพราะคิดว่าสีอื่นมันไม่เหมาะกับผม
“พี่ชอบสีอะไร”
“หืมพี่เหรอ...ชอบสีฟ้าครับแล้วปีแสงล่ะ”
“ผม...” ไม่มีสีที่ชอบหรอก ตั้งใจจะตอบกลับไปแบบนั้นแต่ดันโดนขัดซะก่อน
“น้องปีแสงเชิญห้องตรวจหนึ่งค่ะ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรพนักงานก็เรียกซะก่อน ผมมองหน้าพี่ดาวเหนือที่พยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินไปที่ห้องตรวจ
“สวัสดีค่ะน้องปีแสง วันนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“งั้นไปรอบนเตียงเลยค่ะ”
‘หืมพี่เหรอ…ชอบสีฟ้าครับแล้วปีแสงล่ะ’
“เอ่อ...” น่าแปลกราวกับได้ยินประโยคเมื่อกี้ของพี่ดาวเหนือวิ่งวนอยู่ในหัว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือผม...เปลี่ยนเป็นสีฟ้าได้ไหมครับ” ไม่รู้อะไรดลใจแต่พอคิดถึงบทสนทนาเมื่อกี้แล้ว ก็อยากลองเปลี่ยนดู
“ได้เลยค่ะ”
ลองดูสักทีคงไม่เป็นไร...
----
“เสร็จแล้วเหรอครับ ไหนยิ้มให้พี่ดูหน่อย”
“ยิ้ม?” ยิ้มทำไม
“ครับ ยิ้มกว้าง ๆ เลยพี่ขอดูยางหน่อย”
“ดูทำไมครับ”
“พี่ว่ามันไม่ใช่สีดำ พี่ขอดูหน่อย”
“ผม...” ยิ้มไม่เป็นต้องทำยังไง
“ยิ้มเร็วครับ ยิ้มแบบนี้” ไม่พูดเปล่าพี่ดาวเหนือยังยิ้มให้ดูเป็นตัวอย่างยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นตาแถมยังทำหน้าตลกใส่อีก จากที่ไม่รู้ว่าจะยิ้มยังไงพอเห็นพี่ทำหน้าแบบนี้วิธีการยิ้มที่พยายามคิดอยู่ก็หายไป กลายเป็นความรู้สึกเข้ามาแทน
รู้สึกอยากจะยิ้ม…
“น้อง...” ไม่รู้ว่าเพราะยิ้มแล้วมันดูไม่ดีหรือเปล่าพี่ถึงมองผมตาไม่กะพริบขนาดนั้น รอยยิ้มที่มีค่อย ๆ หุบลงแต่ก่อนจะหุบสนิทพี่ดาวเหนือก็เอื้อมมือมาบีบแก้มทั้งสองข้างพร้อมทั้งหัวเราะร่า…เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
“น่ารัก”
“ครับ?” เมื่อกี้เหมือนพี่ดาวเหนือพูดอะไรสักอย่าง
“ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าล่ะครับ ปีแสงก็ชอบเหรอ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปแต่ก็พยักหน้าตอบกลับ พอพี่ดาวเหนือเห็นผมพยักหน้าตอบรับคนพี่ก็พูดใหญ่ว่าสงสัยใจตรงกัน เดินยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีนำไปที่รถ ผมได้แต่มองตามอีกฝ่ายอย่างสงสัย สงสัยว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจอะไรผิดไป
ที่บอกว่าชอบหมายถึงชอบพี่ต่างหาก...
(คลินิกทันตกรรม)
วันนี้เหนื่อยชะมัดมองดูนาฬิกาอีกไม่นานใกล้จะปิดร้านแล้ว ออกไปหาน้ำกินดีกว่า จะเหลืออีกกี่คิวนะ
“วันนี้เหลืออีกกี่คิวเอ่ย”
“เหลืออีกสามคิวค่ะคุณหมอ” โอเคอีกสามคิวก็จะได้กลับไปพักแล้ว
“โอเคค่ะ เดี๋ยวคิวต่อไปเข้าห้องตรวจได้เลยนะ”
กริ๊ง กริ๊ง
หลังจากที่พี่พนักงานรับทราบก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้น ได้แต่ภาวนาว่าสายที่เข้ามาจะไม่ใช่ว่ามีงานเข้ามาอีกนะ กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ สายตาก็ดันไปสะดุดที่คนสองคนหน้าร้าน มันคงไม่น่าสนใจหรอกถ้าหนึ่งในนั้นไม่ใช่เด็กคนนั้น…ปีแสง
ปีแสงเป็นลูกค้าที่เข้ามาจัดฟันกับเขาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอ ทั้ง ๆ ที่เด็กคนนี้ดูเหมือนดาวที่กำลังจะหมดแสง ดูริบหรี่และสิ้นหวัง สายตาว่างเปล่าตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยน แต่วันนี้เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไปจนทำให้แปลกใจ สายตาที่เคยว่างเปล่าวันนั้นวันนี้กลับดูเหมือนมีอะไรบางอย่าง บรรยากาศหม่น ๆ รอบตัวเด็กคนนี้เริ่มมีสีสันเข้ามาแทรกจนสังเกตเห็นได้ และยิ่งเรื่องสียางที่เขาพยายามพูดโน้มน้าวให้เด็กคนนี้เปลี่ยนเป็นสีอื่นยังไง เด็กคนนี้ก็ไม่เคยสนใจ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีอื่นอาจจะเหมาะกับเด็กคนนี้มากกว่าแท้ ๆ แต่มาวันนี้กลับเลือกเปลี่ยนสีอย่างง่ายดาย…โตขึ้นแล้วสินะ
“คุณหมอคะ มีคิวเพิ่มอีกสามคิวนะคะ”
สงสัยคำภาวนาจะไม่ได้ช่วยอะไร วันนี้คงอีกยาวนาน ก่อนที่ร่างของคุณหมอจะหมุนตัวเข้าห้องตรวจเขาหันกลับไปมองที่หน้าร้านอีกครั้งก่อนจะต้องพบกับความแปลกใจ
ยิ้มเหรอ…
รอยยิ้มนั้นอาจจะไม่ได้สดใสที่สุดแต่ก็ถือว่าทำให้หมอสาวคนนี้มีแรงทำงานต่อได้ล่ะนะ ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงยิ้มแต่ก็พอเดาออก เพราะรอยยิ้มนั้นส่งตรงไปที่อีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพียงคนเดียว
คนนี้สินะเหตุผลของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น…