ตายเสียได้ก็ดี
ในเมื่อทำดีเพียงนี้ สิ่งที่ได้รับกลับมา ย่ำแย่สิ้นหวัง ระหว่างนางกับคนผู้นั้น เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ตัวเขาเล่าเป็นแค่คนชั่วโฉดเขาไม่อาจรั้งม้าหน้าผา กลับตัวได้ทัน ในเมื่อทุกอย่างที่ผ่านมาคิดว่าดีที่สุดแล้วแต่ไยต้องเจ็บช้ำใจไม่เลิกรา ทะเลทุกข์ไม่สิ้นสุดกลับใจคือฟากฝั่ง
หลับตาไล่ความเจ็บปวดในใจ แม้ที่ผ่านมา ดำเนินชีวิตที่ผ่านมาทั้งมีความสุขทุกข์ปะปนถูกผิด ตอนนี้แก้ไข อะไรได้ ในเมื่อทุกอย่างล้วนผ่านมาแล้ว หากตอนนั้นบังเกิดความโลภติดครอบครองและเป็นใหญ่ในสำนักเพียงผู้เดียว ไม่รับฟังความคิดเห็นของศิษย์พี่ทั้งสองที่ระงับยับยั้งไม่ให้เขา ลงมือกวาดล้าง สำนักนอกรีตด้วยความโหดเหี้ยมไร้ปรานี ในไม่ช้าความขัดแย้งเริ่มรุนแรงเขาไม่ปล่อยโอกาสเคล็ดวิชาที่ท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง ถ่ายทอดยังศิษย์คนสุดท้ายอย่างเขาที่ลงทุนเฝ้าปรนนิบัติท่านปรมาจารย์ในวันที่สละร่างมุ่งสู่สรวงสวรรค์ จนสามารถใช้เคล็ดวิชานั้น เอาชนะศิษย์พี่ทั้งสองได้อย่างง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ
แล้วจากนั้นเล่า เขายังทำผิดซ้ำซากเมื่อแทนที่จะตัดรากถอนโคนเขากลับ
รับเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของศิษย์พี่ทั้งสองมาเลี้ยงดู ต้นเหตุของความทุกข์ทรมาน ความขมขื่นเกลียดชังที่ไร้ทางแก้ไข เรื่องต่อกรกับเขาไม่มีใครสามารถกระทำได้ แต่ทว่าเรื่องของหัวใจรักโลภโกรธหลง เขากลับพ่ายแพ้ย่อยยับ นางเพียงผู้เดียวที่ไม่เคยหลงรูปโฉมหล่อเหลา ราวเทพสวรรค์ของปู้ตานซิน (ไม่กังวล) ด้วยนางมีใจปฏิพัทธ์กับจี้โม่ เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ที่เติบใหญ่เคียงคู่ นางตัดพ้อต่อว่าเติบใหญ่มาพร้อมกับจี้โม่หวังเคียงคู่แต่เขากลับอาศัยความเป็นอาจารย์บังคับนางแต่งกับเขา แค้นฆ่าพ่อแล้วยังถูกบังคับให้ตัดรักจากจี้โม่ แผนสังหารปู้ตานซินจึงถูกวางไว้อย่างเสียไม่ได้ รับรู้เรื่องราวภายในใจผู้อื่นที่เคยคิดว่าเป็นเคล็ดวิชาสุดยอดแต่กับสร้างความขมขื่นให้เหมือนบาปเคราะห์ เขายอมตายหากนางจะสมหวัง แต่ความเจ็บช้ำใจ ไม่สลายหายไป ยังคงถูกสวมไว้เหมือนรัดเกล้าที่คอยบีบรัดจนตายไม่อาจตาย
ทำได้เพียง สลายร่างคงพลังทิพย์ หนึ่งในเคล็ดวิชาของปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง เพื่อย้อนกลับแก้ไขเรื่องราวแต่หนหลัง
ร่างกระตุกขึ้นลง เลือดสดไหลออกจากทวารทั้งเก้า สูญสิ้นความมีตัวตน
รอยยิ้มสาใจ ของนาง
“ตายเสียได้ก็ดีข้าจะได้ไม่ต้องลงมือให้มือของข้าต้องเปื้อนเลือดโฉดชั่วของท่าน” ที่ปู้ตานซินไม่อาจเห็นมัน
ปู้ตานซิน ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในหุบเขาที่เป็นดังประตูทางขึ้นสู่สำนักเกาซิ่ง ที่เขาก่อตั้งขึ้นมากับศิษย์พี่ทั้งสองที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานศิษย์รุ่นสุดท้ายของปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง ที่ขึ้นชื่อว่าแม้แต่ผู้ที่ขลาดเขลาที่สุดยังขัดเกลาให้เป็นปรมาจารย์
กลับมายังจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวทั้งมวล
“ตานซิน เจ้าตื่นแล้วท่องกาลเวลาสุขสมหรือทุกข์ตรมบอกเล่าให้ศิษย์พี่ทั้งสองได้ทัศนาบ้างได้หรือไม่ เคล็ดวิชานี้มีเพียงเจ้าที่ได้มา เราสองจึงอยากจะรู้ว่ามันน่าสนุกเพียงใด”
ปู้ตานซิน สะบัดหัวไล่ความมึนงง ความจริงเขากับศิษย์พี่ทั้งสองจะต้องช่วยกันก่อตั้งสำนักที่เขาลูกนี้ ใช้เวลาเจ็ดปีจึงรุ่งเรือง และเป็นที่รู้จักไปทั่วยุทธ์ภพ หากแต่วันนี้ ข้าจะบอกพวกเจ้าเช่นไร ว่า เป็นข้าที่เจ็บปวด หามีความรื่นรมย์ไม่ หากยังต้องร่วมทางเป็นข้าที่ปลิดชีพท่านทั้งสองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ข้าไม่อาจหาวิธีท่องกาลเวลาได้เพียงแต่หลับใหลไปก็เท่านั้น คาดว่าเคล็ดวิชานี้จะต้องอาศัยการฝึกปรือ ศิษย์พี่ทั้งสอง อีกสามปีค่อยพบกันใหม่ท่านลงเขาข้าขึ้นเขา หรือให้เลือกเอาว่าจะขึ้นเขาข้าจะเลือกที่จะลงเขา”
“ศิษย์น้องปู้ตานซินเจ้าเดินทางเพียงลำพัง ไม่เกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือไร อาจารย์ฝากฝังข้าทั้งสองให้ช่วยดูแลเจ้า”หากพวกเจ้าอยู่กับข้าข้าคิดว่าเป็นเจ้าสองคนที่จะพบกับอันตรายถึงตายจากน้ำมือเขา เช่นนั้นรีบไล่พวกเขาไปเสีย นี่เพียงอีกนิดเดียวข้าแทบจะต้องลงทุนคุกเข่าขอร้องให้พวกเจ้าไป
“ข้าอาศัยขึ้นเขา ฝึกเคล็ดวิชากักตัวอยู่ที่นั่นสักสามปี”
ป้อก้านเลิกคิ้วสูง
“เจ้าเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์เพียงคนเดียวที่สูงส่งบริสุทธิ์ กักตัวฝึกตนจึงคู่ควร ข้ากับป้อก้านไม่รบกวนเวลาฝึกตนของเจ้าเพียงแต่เราสองคนจะอาศัยติดตามปกป้อง”
ไล่ยากเสียจริง อยากตายด้วยน้ำมือของข้าหรือไร บริภาษ แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย
“ข้า มุ่งเน้นความสงบ ศิษย์พี่ทั้งสองฝีมือไม่ด้อยไปกว่าข้า ครั้งนี้ลงเขาไปอาจก่อตั้งสำนักจนกระทั่งยิ่งใหญ่ ถึงเวลานั้นปู้ตานซิน จึงได้เวลาลงจากเขาเยี่ยมชมความสำเร็จของท่านทั้งสอง ข้าเห็นว่าศิษย์พี่ทั้งสองใฝ่ฝันที่จะก่อตั้งสำนัก ข้าให้โอกาสท่านสามปี เราจึงมาพบกันเดิมพันขันแข่งว่าใครจะพบกับความสำเร็จได้ก่อนกัน ข้าต่อให้ท่านทั้งสองคนร่วมมือข้าขอแยกไปเพียงลำพัง”
ป้อก้านกับป้อคุนยิ้ม ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมและคำพูดหว่านล้อมของปู้ต้านซินคิดหวังสูงส่งในใจ
“ข้าลา หวังว่าศิษย์พี่ทั้งสองจะสามารถเอาชนะเดิมพันครั้งนี้ได้”
เพียงจับจุดว่าทั้งสองชอบการพนันขันต่อ อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นไม่น้อย
“โชคดี เช่นกันปู้ตานซิน”