บทที่ 3
คำพูดของท่านแม่คล้ายจะสั่งเสีย หยางอี้หงจึงเริ่มสงสัยทั้งยังมองดูท่านแม่ที่แต่งกายด้วยชุดบุรุษ ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลพลันเกิดขึ้น
“ท่านแม่ ไยท่านต้องแต่งกายเช่นนี้เจ้าคะ แล้วคำพูดของท่านนั้นราวกับว่าเราสองคนจะไม่ได้พบกันอีก”
ครานี้บิดาของนางนั่งลงตรงหน้า ดึงร่างเล็กของบุตรสาวมากอดเอ่ยเสียงเบา
“หงเอ๋อร์สายเลือดของเจ้าคือราชนิกูลแคว้นเจี่ย ความแค้นระหว่างแคว้นไม่อาจลืมได้ ท่านปู่ของเจ้าเพื่อปกป้องเมืองของเราต้องใช้ร่างกายเข้าแลก เจ้ายิ่งไม่อาจลืม”
“ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
ยามนี้มารดาของนางเป็นฝ่ายดึงร่างของบุตรสาวมากอดเอาไว้ กอดนี้แนบแน่นนัก มารดาสูดหายใจเข้าลึกแล้วบอกหยางอี้หงเสียงเบา
“เจ้าจะต้องออกไปกับคนส่งผักคืนนี้ ประเดี๋ยวเขามาถึงเจ้าและคนอื่นให้ซ่อนอยู่ในรถม้าคันนั้น จะมีคนรอรับเจ้าอย่าได้กลัว พวกเขาคือขุนนางที่ซื่อสัตย์ของเรา คืนนี้แม่และพ่อต้องทำหน้าที่ของตนเองแล้ว สังหารจูอ๋องและซื่อจื่อของเขาเพื่อแก้แค้นให้กับคนของเราที่ล้มตายลงไป”
หยางหงอี้ตกตะลึง “ท่านแม่ ไหนบอกว่าเราจะสวามิภักดิ์แล้วเจ้าคะ พวกท่านไยทำเช่นนี้”
มารดาของนางกลับเอ่ยว่า
“ไม่มีเวลาแล้ว หงเอ๋อร์แม่เตรียมทางหนีไว้แล้วเจ้าต้องรีบไป คนของเราจะพาเจ้ากลับไปแคว้นเจี่ยเพื่อไปพบเสด็จตาของเจ้า”
“ท่านแม่เสด็จตาทอดทิ้งพวกเราแล้วนี่เจ้าคะ ไยต้องกลับไปอีก แล้วทำไมต้องฆ่าพวกเขาด้วยเจ้าคะ พวกเขาดีกับพวกเราเพียงนี้ อีกทั้งซื่อจื่อ ซื่อจื่อก็เป็นคนดียิ่ง”
“หงเอ๋อร์คนดีหรือไม่ดีเจ้าไม่อาจแยกแยะได้ เจ้าเองเป็นผู้ใดอย่าได้ลืมไป เพราะจูอ๋องจึงทำให้พวกเราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ประชาชนของเจ้า คนของเจ้าล้วนตายเพราะพวกเขา เจ้าในฐานะท่านหญิงแคว้นเจี่ยไม่อาจทอดทิ้งวิญญาณที่ล้มตายเหล่านั้นได้”
น้ำเสียงของมารดาแข็งกร้าวนัก ยังมองนางเขม็งคล้ายจะเสียใจที่หยางอี้หงพูดคำนั้นออกมา เด็กน้อยน้ำตาคลอแล้วร่ำไห้ออกมา
“แต่...ท่านแม่ ซื่อจื่อบอกว่าเรื่องในอดีตล้วนเป็นเรื่องที่คนกี่คนสร้างขึ้นมา หากเราต้องการหยุดเราแค่ไม่สานต่อ ท่านแม่เสด็จตาทอดทิ้งพวกเราแล้ว ไยท่านต้องให้ข้ากลับไปหาเขาอีกเจ้าคะ ข้าไม่อยากไปหาคนผู้นั้น ท่านแม่ ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ คนใจดำผู้นั้นไม่รับพวกเรากลับแคว้น ยังสั่งให้คนปิดประตูเมืองไม่รับผู้อพยพ ทำให้พวกเราต้องปลอมตัวมาเป็นคนแคว้นเหอ กระทั่งท่านอ๋องรับเข้ามาอยู่ที่นี่ ท่านแม่ท่านอ๋องและซื่อจื่อดีต่อพวกเรานะเจ้าคะ ในขณะที่เสด็จตาใจดำยิ่งนัก ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ ข้าไม่ไป”
เพี้ยะ!
ฝ่ามือของมารดาตบเข้าที่แก้มของหยางอี้หงอย่างแรง หวังให้นางได้รู้สำนึก
“หยางอี้หง เจ้ากล้าต่อว่าเสด็จตาได้อย่างไร เจ้าลืมกระทั่งว่าเจ้าเป็นผู้ใด คำก็ซื่อจื่อสองคำก็ซื่อจื่อ หลงลืมกระทั่งตัวตนของตนเอง เจ้ายังเป็นบุตรสาวของข้าอยู่หรือไม่”
หยางอี้หงตกใจเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกิดมานางเพิ่งเคยถูกมารดาตีก็ครานี้
“ท่านแม่ ฮือ ฮือ ท่านแม่”
หยางอี้หงคิดอ้อนวอนทว่าเมื่อมารดาเห็นว่านางทำท่างอแง จึงสกัดจุดนางกระทั่งนางสลบแล้วจึงส่งต่อให้คนผู้หนึ่งพานางออกจากจวน
เมื่อหยางอี้หงฟื้นขึ้นมานางก็อยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่งแล้ว สถานที่นี้มีคนหลายคนที่หยางอี้หงไม่คุ้นเคย จากที่ฟังพวกเขาสนทนานางจึงรู้ว่าพวกเขาต่างกระจายกันปะปนอยู่ในเมืองหลวงแคว้นเหอในยามที่เมืองของนางแตกพ่าย
เดิมทีล้วนบาดเจ็บจึงต้องหลบซ่อนตัวและเมื่อรักษาตัวหายแล้วจึงคิดหาทางกลับแคว้นเจี่ย กระทั่งบิดามารดาของนางเป็นคนติดต่อคนของแคว้นเจี่ยให้มารับตัววางแผนให้พวกเขาลอบออกจากเมืองโดยปะปนกับพ่อค้ากลุ่มใหญ่
หยางอี้หงย้อนคิดถึงคำสั่งของท่านแม่ ในยามนั้นท่านแม่กล่าวน้ำตาคลอหน่วย เหมือนจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว หมายความว่าท่านแม่กับท่านพ่อของนางต้องยอมพลีชีพเพื่อการสังหารจูอ๋องเป็นแน่
หัวใจของหยางอี้หงร้อนรนประดุจไฟเผา ทว่านางไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย
เฒ่าชราคนที่ดูแลบอกกับนางว่า พรุ่งนี้เช้าตอนประตูเมืองเปิด ทุกคนจะกระจายตัวกันไปรวมกลุ่มกับพวกพ่อค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใดสงสัย และลอบออกจากเมืองไปอย่างเงียบเชียบ
หยางอี้หงร้องไห้จนดวงตาบวมเป่ง ไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดได้ หัวใจปวดร้าวทรมานยิ่งนัก
นางคิดจริง ๆ ว่าการที่บิดาพานางมาที่แคว้นเหอและปกปิดฐานะนี้ ก็เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ นั่นเป็นเพราะถูกถูกราชสำนักเจี่ยทอดทิ้ง ท่านพ่อจึงต้องพาครอบครัวเอาตัวรอดแฝงกายมากับชาวบ้าน กระทั่งถูกจูอ๋องช่วยเหลือเอาไว้
หยางอ๋องผู้เป็นบิดาได้บอกนางว่าเขาเพราะหากไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่อาจรอดพ้นการถูกสังหารจากศัตรูไปได้ เรื่องฐานะเดิมของนางเป็นเช่นใดห้ามให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาดมิเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หยางอี้หงเป็นเพียงเด็กผู้หนึ่งบิดาเอ่ยคำใดย่อมเชื่อฟังยังคิดว่าโชคดียิ่งนักที่สามารถแฝงกายมาอยู่ในจวนจูอ๋องได้
และเมื่ออยู่ในจวนนี้นางได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจากทุกคน นั่นเป็นเพราะว่านางเป็นสตรีของซื่อจื่อจึงคิดว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่เลวเลยสักนิด ท่านพ่อท่านแม่คอยเคียงข้างและอยู่เป็นเพื่อนนางได้ทั้งวัน ถึงไม่มีบ่าวรับใช้ทว่าทุกคนล้วนยำเกรงไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินครอบครัวของนางแม้แต่คนเดียว
ชีวิตของนางคิดว่าเมื่อมีซื่อจื่อคอยคุ้มกัน นางจะสุขสบายและมีความสุขไปเช่นนี้ตลอดชีวิต คาดไม่ถึงว่าที่แท้ท่านพ่อท่านแม่ก็มีแผนเช่นนี้นี่เอง แฝงตัวเข้ามาเพื่อสังหารจูอ๋องและซื่อจื่อทั้งยังใช้นางเป็นเหยื่อล่อเพื่อทำให้ซื่อจื่อได้รับอันตราย
หรือว่าในชามรังนกตุ๋นนั่นจะมียาพิษ
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้หยางอี้หงล้วนไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ ยังภาวนาว่าขอเป็นเพียงฝันร้ายของตนเองเท่านั้น
หยางอี้หงนั่งอยู่ในมุมหนึ่งนางมองไปรอบ ๆ มีเด็กชาวเจี่ยรวมตัวกันอยู่นับสิบคน และมีผู้ใหญ่คอยดูแลเพื่อส่งต่อไปยังแคว้นเดิม
ไม่ว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่ คาดว่าคนที่ร่วมลงมือสังหารอาจจะหนีไม่รอด ทุกอย่างจึงถูกวางเอาไว้แล้วเพื่อให้เด็ก ๆ ปลอดภัยที่สุด
บิดาและมารดาของหยางอี้หงได้รวมกลุ่มกับคนที่ต้องต่อสู้ พวกเขาเป็นถึงท่านเจ้าเมืองและพระชายาเรื่องพวกนี้ต้องเป็นพวกเขาที่เป็นผู้นำ
“ท่านตา ท่านอ๋องกับซื่อจื่อดีกับพวกเรายิ่งนัก ไยท่านพ่อท่านแม่ต้องสังหารพวกเขาอีก”
คำตอบของชายชราจึงทำให้นางกระจ่าง
“ท่านหญิง ท่านไม่รู้หรือว่าคนที่สังหารท่านปู่ของท่านก็คือจูอ๋อง ในยามนั้นที่ท่านปู่ของท่านออกศึก ปะทะกับจูอ๋องเข้าจึงถูกคนผู้นั้นสังหารในดาบเดียว เพราะเหตุนี้ท่านเจ้าเมืองจึงไม่อาจปล่อยจูอ๋องเอาไว้ได้ คงมีเพียงวิธีนี้ที่จะแฝงกายเข้าไปในจวน วางยาคนแล้วลอบสังหารจูอ๋องและซื่อจื่อได้”
หยางอี้หงมือสั่นระริก ได้ฟังความจริงถึงกับตกใจจนใบหน้าซีดเผือด
“ท่านว่าอย่างไรนะ คนที่ฆ่าท่านปู่ของข้าคือจูอ๋องเช่นนั้นหรือ”
ชายชราพยักหน้า “ใช่ขอรับ คนที่สังหารท่านปู่ของท่านคือจูอ๋อง”
หยางอี้หงแทบสิ้นสติ นางยกมือปิดหน้าร้องไห้ คิดถึงใบหน้าของซื่อจื่อผู้แสนดี
ก่อนที่ท่านพ่อของนางจะขึ้นครองเมืองนั้น ตำแหน่งเจ้าเมืองหน้าด่านยังเป็นของท่านปู่ ในยามนั้นท่านปู่ของนางจึงต้องออกรบ หยางอี้หงไม่เคยรู้เลยว่าผู้ที่สังหารท่านปู่จะคือจูอ๋องผู้นั้น
มือเล็กของนางกำแน่นบัดนี้สับสนยิ่งนัก ตัวนางเองก็ไม่ได้สนิทกับท่านปู่เท่าใดสิ่งที่รู้คือท่านปู่ของนางเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความเมตตา ทว่าบัดนี้กลับถูกจูอ๋องสังหารเสียแล้ว
เดิมทีหยางอี้หงเคียดแค้นและรู้สึกชิงชังจูอ๋องเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้นางต้องระเหเร่ร่อนเพราะบุรุษผู้นั้น ทว่าเมื่อมาอยู่กับซื่อจื่อนางยังได้เห็นความทุกข์ของราษฎรแคว้นเหอ ความทุกข์ยากนี้ที่ซื่อจื่อบอกว่าเป็นเพราะแคว้นเจี่ยของนางเริ่มต้นรุกรานก่อน
สงครามทำให้คนยากจนแร้นแค้น สิ่งนี้ทำให้นางเห็นกับตาว่าราษฎรแคว้นเหอก็ลำบากยากเข็ญไม่แตกต่างกัน
หยางอี้หงหวนคิดถึงคำพูดของจูชางหลางในวันนั้น
ความแค้นนี้ไม่สมควรเป็นความแค้น ข้าอยากให้มันยุติเพียงนี้เพื่อที่จะหยุดความทุกข์ของคนรุ่นหลังต่อไป ทว่าหากบิดาของข้าถูกสังหาร ข้าเองก็คงจะแค้นและตามล้างแค้นคนที่สังหารบิดาข้าเช่นกัน ตัวข้ายังทำไม่ได้แล้วจะเอาสิ่งใดไปตำหนิคนพวกนั้นกัน
หยางอี้หงเข้าใจคำพูดของเขาในยามนี้แล้ว ระหว่างนางกับซื่อจื่อ มิตรภาพนี้ย่อมไม่มีวันได้บรรจบ
หยางอี้หงนั่งนิ่งอยู่นานน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย ห่วงทั้งบิดามารดาทั้งยังห่วงซื่อจื่อว่าจะถูกลอบสังหารหรือไม่ นางไม่อาจทำสิ่งใดได้เลยในตอนนี้จึงได้แต่นั่งอย่างหมดหนทางอยู่ที่นี่
ในที่สุดนางก็อดทนต่อความง่วงงุนไม่ไหวด้วยยังคงเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งจึงเผลอหลับไป
กระทั่งตื่นขึ้นมาในตอนรุ่งสาง มีคนมาส่งข่าวบิดามารดา พบว่าพวกเขาถูกจับได้ทั้งหมดเพราะจูอ๋องรู้แผนการของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะลงมือสังหาร และบัดนี้ทุกคนต่างถูกจับอยู่ที่ลานในจวน
หยางอี้หงตกใจแทบสิ้นสติ นางไม่อาจทนอยู่ที่นี่ได้ในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังอพยพเด็ก ๆ ตามเส้นทางหลบหนีที่ได้วางแผนล่วงหน้ากันไว้แล้ว
หยางอี้หงลอบออกมาจากที่หลบซ่อน วิ่งสุดชีวิตกลับไปที่จวนจูอ๋อง นางยังใช้ความงามของตนเอง แอบอ้างชื่อเสียงซื่อจื่อขอให้ชาวบ้านคนหนึ่งขี่ม้ามาส่งหน้าจวน
โชคดีที่ซื่อจื่อมอบเครื่องประดับให้นางมาพอสมควร หยางอี้หงจึงถอดกำไลหยกที่ซื่อจื่อมอบให้ชาวบ้านคนนั้นเป็นการตอบแทน
เพียงไม่นานนางก็มาถึงหน้าจวน ทหารยามปล่อยให้นางเข้าไปโดยไม่ได้รั้งเอาไว้ ด้วยรู้ดีว่านางกำลังวิ่งเข้าไปหาความตาย บิดามารดาของหยางอี้หงเป็นไส้ศึกและคิดสังหารจูอ๋อง มีหรือจะรอดไปได้
หยางอี้หงพบคนของแคว้นตนเองรวมทั้งบิดามารดาถูกจับมัดมือและนั่งยอง ๆ กองรวมกันอยู่ที่ลานกว้างภายในจวน
นางตกใจยิ่งนักที่เห็นจูอ๋องถือคันธนูอยู่ในมือ น้ำตาของนางไหลพรากออกมาเมื่อคิดถึงสิ่งที่จูอ๋องโปรดปราน นั่นคือการใช้คนเป็นเป้าธนู
หยางอี้หงคิดในใจว่าแย่แล้ว นางวิ่งตรงไปยังเรือนของซื่อจื่อ คิดขอความช่วยเหลือ ในยามนี้ไม่มีผู้ใดช่วยบิดามารดาของนางได้แล้วนอกจากซื่อจื่อเพียงคนเดียว
เมื่อไปถึงเดิมนางถูกทหารจับเอาไว้ได้ กระทั่งจั่วเจี้ยนเดินออกมาพบนาง สายตาของจั่วเจี้ยนที่มองนางเปลี่ยนไปแล้วไม่มิตรภาพดั่งวันวานอีกต่อไป หัวใจของหยางอี้หงเองก็คล้ายจะขาดรอนเมื่อรับรู้ถึงความห่างเหินนี้
“พี่เจี้ยน ข้าอยากพบซื่อจื่อ”
จั่วเจี้ยนมองนางระคนไม่ไว้ใจก่อนจะบอกกับทหาร
“ปล่อยนาง”
เมื่อประตูเรือนของซื่อจื่อเปิดออก หยางอี้หงวิ่งเข้าไปด้านในนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าจูชางหลางแล้วโขกศีรษะอย่างแรงทั้งน้ำตา
“ซื่อจื่อได้โปรดช่วยท่านพ่อท่านแม่ของอี้หงด้วยเจ้าค่ะ”
ไร้เสียงหลุดรอดออกมาจากปากของซื่อจื่อ เขามองนางอย่างเย็นชา สายตาคู่นั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หยางอี้หงเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก
เป็นจั่วเจี้ยนที่เอ่ยอย่างแค้นเคือง
“ขอให้ช่วยหรือ เจ้ามันสตรีสารพัดพิษคิดใช้ความเป็นเด็กใสซื่อของตนเองหลอกลวงผู้อื่น ยังวางยาซื่อจื่อจนไม่อาจช่วยเหลือตัวเอง เจ้าเห็นแขนข้างนั้นที่บาดเจ็บหรือไม่เป็นมารดาของเจ้าที่คิดสังหาร จนซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องมาช่วยทัน เจ้าคิดว่าบัดนี้จะเป็นผู้ใดกันแน่ที่ตาย”
หยางอี้หงบัดนี้จึงมองเห็นแล้ว นางพบว่าแขนของจูชางหลางข้างหนึ่งถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลยังมีเลือดซึมออกมา ใบหน้าของจูชางหลางก็ขาวซีดราวกับกระดาษเหมือนคนที่เพิ่งเดินผ่านความตายมาไม่นาน
หัวใจของนางเจ็บปวดที่เกิดเรื่องเช่นนี้กับเขา และเป็นนางที่นำยาพิษมาให้เขาด้วยตนเอง
และยิ่งรู้ว่าจูชางหลางเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด นางยิ่งร้องไห้ทั้งสะอื้นกล่าวขอโทษแทนทั้งน้ำตา
“ซื่อจื่อ เป็นอี้หงที่ผิดเอง เป็นข้าเองที่ทำร้ายซื่อจื่อ ฮือ ฮือ ฮือ”
เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้น้ำตาเต็มหน้าทั้งสะอื้น ผู้ใดมาเห็นย่อมรู้สึกเวทนานักนางยังโขกศีรษะลงมาอย่างแรงอีกหลายครั้ง กระทั่งหน้าผากนั้นแตกยับเลือดสีแดงข้นไหลออกมา
“ซื่อจื่อ อี้หงสำนึกผิดแล้วขอซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิตท่านพ่อท่านแม่ของอี้หง บุญคุณครานี้อี้หงจะจดจำไปจนวันตาย”
จูชางหลางมองภาพเด็กสาวเลือดอาบหน้าผากด้วยสายตาเย็นเยียบ นางกล้าหลอกลวงเขา ครอบครัวของนางวางแผนสังหารเขา นางไม่รู้เลยหรือ
ที่ผ่านมาเขาปกป้องนางโดยตลอด แม้ฐานะยังยกให้อยู่เหนือบ่าวทั้งปวง มารดาของนางเจ็บป่วยเป็นเขาที่ยื่นมาเข้าไปช่วย กระทั่งตัวนางเองจะถูกท่านพ่อของเขาใช้เป็นเครื่องมือก็เป็นเขาที่ขอร้อง
ทว่านางเล่าไม่เคยคิดถึงเขาแม้แต่น้อย ความปรารถนาดีที่เขาแทบไม่เคยมีให้ผู้ใดเลยนอกจากนางที่ได้รับ บัดนี้เขารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังถูกทรยศ ช่างน่าขันสิ้นดี
จูชางหลางเดินเข้ามาหานาง เด็กสาวยังคงโขกศีรษะร้องขอความช่วยเหลือ เขายืนมองนางครู่หนึ่งบัดนี้รู้สึกรังเกียจนางยิ่งนัก ทว่าคนที่เขาแค้นกลับคือตัวเขามากกว่าที่ดูนางไม่ออก ดวงตาใสซื่อนี้เกือบจะพรากชีวิตเขาไปแล้ว
ยาพิษถ้วยนั้นที่เขาดื่ม ก็เป็นนางที่ถือมาให้เขาด้วยตนเอง เพราะเป็นนางเขาจึงไว้ใจ ไม่คิดสงสัย และสุดท้ายก็เกือบจะตายเพราะนางไปแล้ว หากท่านพ่อไม่เข้ามาช่วยชีวิตได้ทัน บัดนี้เขาคงอยู่ในยมโลกไปแล้ว
กระทั่งความลับของตนเองยังแบ่งปันให้นางได้รับรู้ เขาไม่อาจปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ได้และที่น่าเจ็บใจมากยิ่งกว่าคือเขากลับไม่อาจตัดใจที่จะลงมือสังหารนาง
เสียงเล็ก ๆ นั้นยังคงอ้อนวอนไม่หยุด ร้องไห้ราวกับน้ำตาจะเป็นสายเลือดแล้ว
“ซื่อจื่อ ได้โปรดช่วยบิดามารดาของข้าด้วยเจ้าค่ะ”