ตอนที่ : 11 เสียหายแล้วต้องแต่งงาน 2
“ทีคุณดาวไปอยู่กับไอ้ชยิน ไม่เห็นคุณน้าอยากให้รับผิดชอบเลยนี่ครับ นั่นก็ฉาวโฉ่พอ ๆ กันนี่ครับ” ทัพพ์ยอกย้อนเพราะโกรธที่ถูกบังคับให้แต่งงานแบบไม่ได้ทำอะไรผิด เขาอุตส่าห์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วนะ แต่ทำไมข่าวเรื่องเขาติดเกาะถึงได้กระจายออกไปภายในสองวันได้
“มันต่างกันนี่คะ นั่นคุณชยินเขาก็รับผิดชอบ”
“รับผิดชอบยังไงครับ งานแต่งก็ไม่เห็นมี” ทัพพ์เริ่มโมโหขึ้นมาบ้าง อย่าให้รู้นะว่าใครปล่อยข่าวเรื่องนี้ พ่อจะเล่นให้หนักเลยคอยดู
“มีค่ะ แค่ยังรอฤกษ์อยู่” นางสมรเถียงข้าง ๆ คู ๆ
“เหรอครับ” ทัพพ์ทำท่าเหมือนไม่เชื่อ
“จริงค่ะ”
จารวีได้ยินแล้วแทบจะกุมขมับกับคำตอบของมารดา หญิงสาวรู้สึกกระดากอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่ามารดาของตนต้องการอะไรกันแน่ หลังกลับจากเกาะก็อธิบายให้เข้าใจแล้วว่าไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ แต่พอข่าวแพร่กระจายออกไป ท่านก็เกิดหน้าบางขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“คุณสมรคะ เอาตรง ๆ นะคะ ต้องการอะไรจากเราสองแม่ลูกคะ” นางนวพรยิ้มแค่ปากแต่ตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลย
“ต้องการให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานค่ะ”
“แม่ !” จารวีเรียกชื่อมารดาเสียงดังจนทุกคนตกใจ
“อะไรกันยัยวี เรื่องนี้เราเสียหายนะ”
“วีไม่แต่งค่ะ !”
สองแม่ลูกเจ้าของบ้านถึงกับหันไปมองหน้ากันอย่างตกใจ เพราะจารวีแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการแต่งงานกับทัพพ์
“ไม่ได้นะยัยวี ยังไงก็ต้องแต่ง !”
“ก็วีไม่อยากแต่งนี่คะ แม่จะมาบังคับทำไมนี่”
“ยังไงก็ต้องแต่ง”
“แม่” จารวีมองมารดาอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะหันไปหาทัพพ์ใช้สายตาบอกเขาให้ปฏิเสธเรื่องนี้แบบจริงจัง แต่เขากลับยิ้มตรงมุมปากนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
“ก็ได้ครับคุณน้า ผมยอมแต่งงานก็ได้”
“คุณทัพพ์ !” จารวีตะคอกใส่เขาจนทุกคนตกใจ
“ทำไมครับคุณจารวี ผมรับผิดชอบตามที่แม่ของคุณต้องการแล้ว จะมาเสียงดังใส่ผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ” ทัพพ์นึกสนุกเรื่องการแต่งงานขึ้นได้ เขาเป็นผู้ชายจะเสียหายตรงไหน มีแต่ลูกสาวของนางสมรนั่นแหละที่จะเสียหาย คราวนี้เขาก็ได้แก้แค้นบ้านนี้ให้สาสมกับที่หักหน้าเขาอย่างเจ็บแสบ
“ทัพพ์ เอาจริงเหรอลูก” นางนวพรหันไปถามลูกชายของตนเองบ้าง เพราะก่อนหน้าทัพพ์ปฏิเสธเสียงแข็งมาโดยตลอด เกิดอะไรขึ้นถึงได้ตกปากรับคำเรื่องแต่งงานแบบนี้
“จริงสิครับแม่ ไหน ๆ แม่ก็อยากได้ลูกสะใภ้ไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้คนพี่เอาคนน้องก็ได้นี่ครับ ถึงจะสวยน้อยกว่าก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” ทัพพ์ขยิบตาให้ผู้เป็นแม่
‘สวยน้อยกว่า’
จารวีมองค้อนเขาอย่างโกรธ ๆ รู้ดีว่าเขาไม่ได้ประสงค์ดีเรื่องแต่งงานแน่ คงอยากจะเอาคืนเธอกับครอบครัวที่ทำเขาเสียหายเรื่องยกเลิกงานแต่ง ทำไมทุกอย่างมันต้องมาลงที่เธอคนเดียวด้วย แล้วมารดาของเธอก็ทำเป็นไม่รับรู้ในเรื่องนี้
“แม่คะ วีว่า” ยังไม่ทันจะได้พูดต่อ มารดาของเธอก็หันไปคุยกับสองแม่ลูกตรงหน้าแทน
“สรุปว่าตกลงรับปากเรื่องแต่งงานกันแล้วนะคะคุณทัพพ์คุณพร” นางสมรพูดเหมือนมัดมือชกทั้งคู่
“ครับตามนั้นเลยครับคุณน้า” ทัพพ์ตอบรับพร้อมกับมองหน้าจารวีด้วยรอยยิ้มร้าย ๆ
“แม่วีว่า”
“พอเลยยัยวี คุณทัพพ์เขารับปากจะรับผิดชอบเราแล้ว อย่าทำให้แม่ปวดหัวมากไปกว่านี้จะได้ไหม” นางสมรเอ็ดลูกสาวอย่างรำคาญใจ หญิงสูงวัยคิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับจารวีแล้ว
“แต่งงานก็แต่งนะครับ แต่ว่า...” ทัพพ์เอ่ยต่อทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นสายตาเดียวกัน
“อะไรคะ” นางสมรแสดงสีหน้าคลางแคลงใจออกมา
“ผมต้องเป็นคนจัดงานแต่งเอง”
“นึกว่าเรื่องอะไร มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วแหละค่ะ” คนพูดนึกโล่งใจ ที่คำตอบของทัพพ์นั้นออกมาโดนใจตัวเองไปอีก
“ส่วนเรื่องสินสอดก็เอาเท่าเดิมที่เคยไปขอคุณดาว อ้อ ไอ้ที่เอามาคืนผมเท่าไหร่ก็คืนไปเท่านั้นแหละครับ ส่วนที่มันหายไปก็ลืม ๆ กันไปก็แล้วกัน” เรื่องนี้ทำให้นางสมรหน้าเจื่อนลง เพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกด่ากระทบเรื่องเงินสินสอดไม่ครบตอนคืน
“แล้วแต่ทางคุณทัพพ์จะจัดการเลยค่ะ ได้ฤกษ์แต่งวันไหนก็แจ้งเรามาก็แล้วกันค่ะ” นางสมรรีบตัดจบกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจขึ้นมา
“แม่”
“พอน่ายัยวีไปคุยกันต่อที่บ้าน” นางสมรหันมาเอ็ดลูกสาวซึ่งสะกิดสีข้างอย่างน่ารำคาญ
จารวีโกรธจนต้องหันไปทำตาดุ ๆ ใส่ทัพพ์ ระหว่างที่มารดาของเธอกลังร่ำลาพวกเขากลับบ้าน
“ยัยวี สวัสดีคุณป้าพรกับคุณทัพพ์เขาสิลูก”
“ไม่ต้องเรียกคุณทัพพ์หรอกครับคุณน้า อีกหน่อยก็จะเป็นผัวเมียกันแล้ว ผมอยากให้เรียกพี่ทัพพ์มากกว่าครับ”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะจะได้สนิทกันเร็ว ๆ ไหว้ลาพี่ทัพพ์เขาสิลูก” นางสมรเห็นดีเห็นงามไปด้วย จารวีจำต้องยกมือขึ้นไหว้สองแม่ลูกอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เรียกพี่ทัพพ์สิ” ทัพพ์ได้ทีก็เอ่ยกับหญิงสาวต่อหน้าทุกคน
“ค่าพี่ทัพพ์” คำพูดแบบขอไปทีของจารวี ทำให้นางสมรหันไปตีเผียะเข้าที่ท่อนแขนเบา ๆ