บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

กันตพัฒน์นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาตัวหรู ภาพและเสียงในจอโทรทัศน์ไม่สามารถดึงความสนใจไปจากความคิดเขาของได้ เหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดอยู่ในความทรงจำ ทั้งทำให้ยิ้มได้และหงุดหงิดไปพร้อมๆกัน กลับมาถึงบ้านแล้วก็ทำเอานอนไม่หลับ อยากขับรถกลับไปหาใจจะขาดแต่ก็ไม่ได้ไป เช้ามาหวังจะได้ยินเสียงหวานๆสักหน่อยก็ยังดีแต่ยิหวาก็ไม่ยอมรับสาย จะเป็นบ้าตายเอาก็เพราะโดนพิษสงของความ โหยหาที่โจมตีอย่างหนัก ก่อนนั้นยังไม่ขนาดนี้ พอได้ใกล้ชิด ถึงเนื้อถึงตัวนุ่มๆหอมๆของยิหวาในอีกระดับหนึ่งเท่านั้นแหละหัวใจมันไม่อยู่กับร่างกายเลย มันคอยแต่จะร่ำร้องหาแม่นวลนาง อยากอิงแอบ แนบชิด อยากกอด อยากหอม อยากจูบ และอยากทำอะไรต่อมิอะไรเท่าที่หัวใจต้องการ ชักเกลียดวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ครั้งนี้แหละ แทนที่จะได้เจอกันเร็วขึ้นกลับยืดระยะเวลาออกไปอีก

“จะทำให้พี่คลั่งไคล้เธอไปถึงเมื่อไหร่กันนะยิหวา มันทรมานมากแค่ไหนจะรู้บ้างไหม” เสียงทุ้มรำพึงรำพันกับตนเองเบาๆ พลางทอดถอนหายใจยาว ถ้าเป็นวันทำงานเขาคงไม่รอเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่นี่มันวันหยุดจะทำอะไรมันก็ไม่สะดวกหากว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัว

“ตาพัฒน์”

“ครับคุณแม่” กันตพัฒน์หลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อมารดาหรือที่รู้จักกันก็คือคุณหญิงแขไขเดินยิ้มเข้ามานั่งที่โซฟาเดี่ยวตรงกันข้ามกับที่เขานอนเอกเขนกอยู่ คุณแม่ท่านอายุหกสิบสองปีแล้วแต่เค้าโครง ความสวยก็ยังคงอยู่

“เย็นนี้แกไม่มีธุระสำคัญหรือจะต้องออกไปพบลูกค้า ที่ไหนใช่ไหม แม่โทรถามเลขาคนเก่งของแกมาเรียบร้อยแล้ว  เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดโกหกฉันเชียว แต่ถึงจะมีก็เอาเป็นว่าทำ ตัวให้ ว่างเว้นจากงานหลวง งานราษฎร์เข้าไว้นะ วันนี้มันเป็นวันหยุดอะไร ไม่สำคัญแกก็เลื่อนออกไปก่อน มันคงไม่เสียหายมากนักหรอก หากไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับบริษัทของเราน่ะ”

ลองจั่วหัวเกริ่นนำเรื่องมาอย่างนี้พอจะเดาออกแล้วว่าคุณแม่ต้องการอะไร ปกติท่านจะไม่เช็คตารางการทำงานของลูกชาย นอกจากมีเหตุจำเป็นจริงๆ และเหตุจำเป็นในครั้งนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องที่ ท่านกำลังพยายามทำอยู่

“อย่าทำให้แม่ต้องผิดหวังในเรื่องเดิมๆซ้ำซาก ถือว่าแม่ขอร้องแกละกันนะตาพัฒน์ และที่สำคัญมากไปกว่านั้นแม่ไม่อยากผิดคำพูด กับฝ่ายนั้น พัฒน์เข้าใจใช่ไหมลูก คนแก่แล้วเรื่องคำพูดที่ออกจากปาก ถือว่าสำคัญ ชอบหรือไม่ชอบค่อยว่ากันหลังจากนี้แล้วกันนะ”  คุณหญิงแขไขสบตาคมกล้าของลูกชายเพียงคนเดียวอย่างคาดหวังเหมือนเช่นทุกครั้งที่ต้องเอ่ยเรื่องนี้เดือนละไม่ต่ำกว่าสองครั้ง ก็ตราบใดที่พ่อตัวดียังไม่มีวี่แววว่าจะแต่งเมียหรือมีใครที่คบหากันชัดเจนก็จะทำอย่างนี้ ไปเรื่อยๆ

“ครั้งนี้ลูกสาวบ้านไหนอีกล่ะครับคุณแม่” น้ำเสียงเนือยๆของ ผู้เป็นลูกพูดกับมารดาที่เที่ยวแนะนำและนัดแนะลูกสาวบ้านนั้นบ้านนี้ มาให้ได้ทำความรู้จัก และยิ่งหนักมากขึ้นในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา เพราะกลัวว่าจะไม่มีหลานตัวน้อยๆมาให้อุ้มชูเหมือนเพื่อนๆของท่านที่ต่างก็มีเลี้ยงมีเล่นเกือบจะหมดแล้ว เขาก็มีตามใจท่าน ออกไปพบสาวงามคุณสมบัติดีเยี่ยมที่คุณหญิงท่านเลือกสรรบ้างเป็นครั้งคราว กินข้าว พูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลังจากทำหน้าที่ตรงนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แยกย้าย  ต่างคนต่างไป ไม่ได้สานสัมพันธ์ต่ออย่างที่ผู้ใหญ่ต้องการ สร้างความผิดหวังให้ทั้งสองฝ่ายเรื่อยมา

ผู้หญิงทุกคนที่คุณแม่ท่านทำการนัดแนะให้ได้ทำความรู้จัก เพื่อสานสัมพันธ์ หวังให้ก้าวไปสู่งานวิวาห์ล้วนแล้วแต่น่าเบื่อหน่ายเหมือนกันทั้งหมด กิริยาท่าทางที่เสแสร้งแกล้งทำก็ไม่อาจตบตาเขาได้เลยสักราย พวกหล่อนคงคิดว่าความสวยที่มีอยู่จะทำให้เขาไม่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เพราะแค่หน้าตาบวกบุคลิกท่าทางก็ชนะขาด  ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดถนัดเชียวแหละ แต่ก็นับเป็นข้อดีที่ต้องขอขอบคุณ  มันเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้เขาสามารถจบการสนทนาได้เร็วขึ้นโดยไม่ รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่เป็นตัวของตัวเอง  คนไม่ได้เรียบร้อยโดยธรรมชาติ ยังไงแล้วสักวันตัวตนที่แท้จริงก็ย่อมต้องโผล่ออกมาไม่ช้าก็เร็ว

“ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเรานักหรอก แล้วมีเรื่องน่ายินดีอะไร งั้นเหรอ แกถึงได้ยิ้มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คงไม่ใช่ว่าแกเห็นว่าแม่เป็นตัวตลกที่คอยเพียรพยายามทาบทามแม่หนูคนนั้นคนนี้มาให้แกได้รู้จัก แล้วไม่เคยประสบความสำเร็จหรอกใช่ไหม” อดที่จะประชดประชันไม่ได้ นางก็ไม่ได้ต้องการจะทำอย่างนี้หรอก แต่ขืนรอพ่อตัวดีที่ลอยชายไม่สนใจเรื่องคู่ครองอย่างนี้ก็กลัวว่านานวันเข้าจะไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใคร เพราะชอบชีวิตอิสระไร้สิ่งผูกมัดเช่นทุกวันนี้ หากเป็นอย่างนั้นคงนอนตายตาไม่หลับเป็นแน่ ลูกก็มีแค่คนเดียว จึงอยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาตอนพ่อแม่ยังอยู่ด้วยกันครบ เพราะหัวอกคนเป็นพ่อแม่ถ้าเป็นไปได้ย่อมอยากเห็นในทุกช่วงวัยของลูกไม่ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ พร่ำบอกเสมอมาว่าใน บั้นปลายชีวิตที่เหลืออยู่นี้ไม่ขออะไรมากมาย นอกจากอยากเห็นลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ได้เห็นหน้าลูกสะใภ้ที่จะฝากฝังให้ช่วยดูแล อยากเห็นหน้าหลานๆ เหมือนจะมีความอยากมากไปแต่เชื่อว่าทุกคนเมื่ออยู่ใน วัยนี้แล้วย่อมคิดไม่ต่างจากนาง

“ผมไม่เคยมองว่าคุณแม่เป็นตัวตลก แต่ผมก็ไม่เคยชอบวิธีการ ของคุณแม่อย่างที่บอกมาตลอดอีกเช่นกันครับ เพราะผมอยากจะเลือกเมีย อยากเลือกแม่ของลูก ของหลานคุณแม่ด้วยตัวผมเอง” มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่คุณแม่ท่านอยากให้เขาได้คนดีๆมาเป็นคู่คิด และคู่ชีวิตที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน แต่เมื่อคนแล้วคนเล่าที่ท่านทาบทามไม่สามารถทำให้เขารู้สึกดีด้วยได้ก็ต้องปล่อยผ่านไป ชีวิตที่ผ่านมาก็พบพานผู้หญิงมาพอสมควร ทุกคนที่เคยมีความสัมพันธ์บนเตียงด้วยล้วนแล้วแต่เหมาะแก่การมีความสุขร่วมกันแค่เพียงฉาบฉวยเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอ ที่จะเป็นเมียหรือเป็นแม่ของลูกได้

“หึ! ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย แล้วแกเจอคนๆนั้นรึยังล่ะ  ว่าที่เมีย ว่าที่คุณแม่ของหลานๆฉันในอนาคตที่แกอยากจะเลือกเฟ้นเองน่ะถ้ายังไม่เจอก็อย่ามาต่อรองใดๆกับฉันเลย และย้ำอีกครั้งว่าอย่าได้เที่ยวหลับตาคว้าเอาผู้หญิงที่ไหนโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีมาเป็นลูกสะใภ้ฉันนะตาพัฒน์ ถึงฉันจะไม่ยึดติดเรื่องฐานะ ชาติตระกูลว่าต้องเท่าเทียมกับบ้านของเราเท่านั้น แต่ข้อแม้ของฉันคือคนๆนั้นต้องเป็นคนดีโดยเนื้อแท้  ที่แล้วมาฉันยอมรับว่าตัวเองก็มองพลาดไปหลายคนอยู่เหมือนกัน”  คนที่คิดว่าดีกลับไม่เป็นอย่างที่คิดและเห็น จอมสร้างภาพในสังคม สมัยนี้น่ะมันมีเยอะ

คุณค่าของมนุษย์จะวัดกันด้วยเรื่องฐานะ ชาติตระกูลไม่ได้เลย เพราะคนมีเงินก็ใช่ว่าจะหมด คนบางคนที่คิดว่าตัวเองเลิศเลอไม่มีข้อบกพร่องมันก็แค่การคิดไปเองของเจ้าตัวหรือไม่ก็เป็นการอวยกันเอง มองย้อนกลับไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากคิดว่าลูกชายนางนั้นช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่ตกลงไปในบ่วงของพวกหล่อนเหล่านั้น ไม่งั้นชีวิตคงได้ มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวันแน่

“ผมทราบดีครับว่าคุณแม่อยากได้ลูกสะใภ้น่ารักๆมาเป็นลูกสาว อีกคน ตัวผมเองก็อยากได้เมียแบบนั้นไม่ต่างจากที่คุณแม่ต้องการเหมือนกันครับ” ตอนนี้ผมอยากได้จนตัวสั่นเชียวล่ะครับคุณแม่ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะต้องการผมเหมือนอย่างที่ผมต้องการเขาไหม และถึงคำตอบจะคือไม่ ผมก็จะดึงดันเพื่อที่จะเอามาเป็นของตัวเองจนได้นั่นแหละครับ

“รู้ก็ดี จะได้ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

“ครับ ผมจะไม่ทำให้คุณแม่ต้องผิดหวังในเรื่องนี้เด็ดขาด” ยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “และถ้าในตอนนี้ผมจะบอกว่าผมเจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว คุณแม่จะหยุดหาคู่ครองให้ผมได้แล้วหรือยังครับ” กันตพัฒน์กล่าวกับมารดายิ้มๆ คุณแม่ท่านดูอึ้งๆ แต่ก็ยังคงสงวนท่าทีเอาไว้ คงไม่ค่อยเชื่อใจลูกชายคนนี้เท่าใดนัก ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว และถ้าท่านยังยืนยันที่จะไม่หยุดเขาจะเอาหลานหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู มาให้อุ้มเล่นสักสองสามคน ดูสิว่ายังจะอยากยัดเยียดผู้หญิงคนอื่นให้ เขาอีกไหม แต่เรื่องของเรื่องก่อนจะทำลูกต้องถามว่าที่แม่ของลูกก่อนด้วยว่าพร้อมไหม แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ลูกๆที่หน้าตาเหมือนเขากับยิหวา เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องลูกเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่แม่มักจะพูดกรอกหูอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไม่ชอบเด็กตัวเล็กๆ เขาชอบ แค่คิดว่ามันดู ข้ามสเต็ปไปสักหน่อย แม่ของลูกยังหาไม่ได้เลยแล้วจะคิดไปถึงลูกได้ยังไง แต่ตอนนี้กลับกัน เขาเริ่มวาดฝันบ้างแล้ว มันดูบ้าที่คิดเองเออเอง คนเดียวโดยที่อีกคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ออกจะเกลียดขี้หน้าเขา ด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สน

และถ้าถามว่าเอาอะไรมามั่นใจว่าใช่คนนี้แล้วแน่ๆ ต้องบอกว่าความรู้สึกและใจ เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนไม่ว่ากับใครคนไหน  ผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้มกว่ายิหวาเขาก็เคยได้เจอมาแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึก หัวใจเต้นแรงหรืออยากได้มาครอบครองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ความรู้สึกมันเหมือนตอนเจอของสวยงามชิ้นหนึ่งที่ได้ก็ดี  ไม่ได้ก็ไม่เสียดาย

“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงกัน แกเจอแล้วอย่างนั้นเหรอ  ว่าที่เมียตัวจริงของแกน่ะ ไม่ใช่ว่าอำฉันเล่นหรือคิดจะเอาใครก็ได้มาตบตาหลอกฉันนะตาพัฒน์ เพราะขืนเป็นอย่างนั้นฉันจะเล่นงานให้หนักเลย ถ้าจับได้ขึ้นมาน่ะ” คุณหญิงแขไขหรี่ตาแคบลงอย่างจับผิด ไม่อยากเชื่อใจและไว้ใจง่ายๆ เพราะเจ้าลูกชายหัวรั้นของนางคนนี้เจ้าแผนการสมกับเป็น นักธุรกิจ  ถ้าไม่จับให้มั่นคั้นให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับอะไรง่ายๆหรอก พ่อปลาไหลตัวเนี้ยะ

“ตบตายังไงคุณแม่ก็ย่อมต้องทราบความจริงอยู่ดี และนั่นก็ไม่อาจทำให้ผมหลุดพ้นจากการถูกคุณแม่สั่งให้ไปทานข้าวกับลูกสาว บ้านนั้นบ้านนี้ได้ถาวรเท่ากับการที่ผมมีว่าที่เมียที่ผมเลือกด้วยตัวเอง เป็นตัวเป็นตนจริงไหมครับ” ที่ผ่านมาไม่มีครั้งไหนที่เขาจะคุยเรื่องว่าที่เมียในอนาคตได้ผ่อนคลายเท่าครั้งนี้มาก่อน ถ้าเป็นปกติเขาต้องขอตัวและชิ่งไปที่อื่นแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยตาพัฒน์ อย่ามามัวอมพะนำ” คุณหญิงแขไขใช้สายตากดดันลูกชายที่เอาแต่ยิ้มและยิ้ม เห็นแล้วน่าหงุดหงิดหัวใจ เล่นพูดมาขนาดนี้ถ้าไม่ยอมเปิดเผยออกมาให้หมดจะจัดการให้หนักเลย

......

หลังจากตื่นขึ้นมาในช่วงสายโด่งของวันก็พาตัวเองที่ยังคงงัวเงียเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ให้สายน้ำช่วยให้ร่างกายได้ตื่นตัว บำรุงผิวพรรณ แต่งเนื้อแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยก็ยังไม่ได้ย่างกายออกจากห้องนอนไปไหน กระทั่งตอนนี้บ่ายกว่าแล้วก็ยังคงนอนอยู่ โดยที่ลำตัวพาดขวางอยู่บนเตียง คางจมหายลงไปกับหมอนใบโตฟูๆ นุ่มๆ อย่างเกียจคร้าน ผมยาวดกหนาแผ่สยายเต็มกลางหลัง  โดยด้านหน้าใช้หนังยางสีชมพูหวานแหววติดรูปสตรอว์เบอร์รีสีแดงมัดเป็นจุกไว้ลวกๆเพื่อไม่ให้มันเกะกะหน้าตาจนเกินไป ในขณะที่ดวงตากำลังจดจ้องอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค นิ้วก็รัวบนแป้นคีย์บอร์ดไปด้วยอย่างคล่องแคล่วว่องไวสลับกับใช้ปากกาจดขยุกขยิกลงบนสมุดเล่มช็อตโน้ตเล่มหนาที่กางเปิดเอาไว้

มหาวิทยาลัยให้นักศึกษาฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องทำรายงานส่งให้อาจารย์ตรวจหลังจากฝึกงานเสร็จ ตามกำหนดด้วยอีก มันเซ็งตรงนี้นี่แหละ จันทร์ถึงศุกร์ไม่ค่อยมีเวลา วันหยุดเสาร์ อาทิตย์จึงเป็นโอกาสดีที่จะลงมือทำเพราะมีเวลาว่างเยอะ จึงต้องใช้สอยให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แต่สมาธิเนี่ยสิไม่ค่อยจะมี สักเท่าไหร่

สาเหตุหลักก็เพราะว่า...

“ไม่เอาๆ เลิกคิดเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะยิหวา เหตุการณ์เมื่อคืน มันแค่ฝันไปเท่านั้นเอง เธอไม่ได้ถูกจูบจ้ะ ไม่ได้โดนคนหื่นนิสัยเสียลวนลามด้วย เรื่องไร้สาระแบบนั้นไม่ควรเก็บมาใส่ใจ เอาเวลามาทำรายงานดีกว่า” สูดเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่และเรียกเอาความมุ่งมั่นตั้งใจกลับคืนมา ทำให้นอนไม่ค่อยหลับแล้วยังจะตามมาราวีในความคิดไม่หยุดหย่อน นิสัยไม่ดีเอาซะเลย

แต่แล้วก็...

“โอ๊ย! แล้วทำไมฉันจะต้องมานั่งหลอกตัวเองด้วยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันแค่ฝันไป” ใบหน้าสวยหงิกงอ ใช้ฟันบนกัดปากล่างอย่างหงุดหงิดทั้งตัวเองและตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องว้าวุ่นใจ เป็นไปได้อยากจะให้วันหยุดสุดสัปดาห์มันยาวนานมากกว่าสองวัน เพราะจะได้ยืดเวลาในการเผชิญหน้าออกไปอีก

และจู่ๆ ประโยคหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว...เมื่อขบปากจนรู้สึกเจ็บ

“อย่ากัดปากตัวเองแบบนี้สิยิหวา พี่ไม่ชอบ อย่าทำอีก”

“แล้วฉันก็เชื่อเขาด้วย ให้ตายเถอะยิหวา” ร้องเหอะในลำคอ เสียงดัง พลางฝังทั้งใบน้าลงกับหมอนอย่างเจ็บใจ ส่งเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ และกระแทกแขน ขาปึงปังกับที่นอนเพื่อระบายความอัดอั้นที่มันสุมอยู่ในอกตั้งแต่เมื่อคืน จนพอใจจึงเงยหน้าขึ้นมาสูดเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ สู้รบ ปรบมือกับสมาชิกในบ้านอย่างเมียใหม่พ่อและลูกเลี้ยงพ่อในแต่ ละวันก็ปวดหัวจะแย่ นี่ยังมีเพิ่มมาอีกหนึ่งราย ขืนเป็นอย่างนี้บ่อยๆกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคไบโพล่าเข้าสักวัน

นอนกลิ้งไปกลิ้งมาได้ไม่นานบานประตูห้องนอนก็ถูกเคาะ เพราะมีคนมาตามให้ลงไปพบพ่อ ความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกระหว่างเธอกับพ่อก็ดีในระดับหนึ่ง ไม่ได้แย่เกินเยียวยา แต่ก็ไม่ได้สนิทมากเหมือนก่อนที่จะมีบุคคลอื่นเข้ามาแทรกแซง เกินครึ่งวันแล้วเธอยังไม่เจอใครเลย  ข้าวสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง มีแต่น้ำเปล่าที่มีเตรียมเอาไว้ในห้องเผื่อดึกๆกระหายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลงมาดื่มถึงในครัว สองขาก้าวเอื่อยๆจนมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ได้ยินเสียงพูดคุย หนึ่งในนั้นมีเมียพ่อและสิริภรณ์ ลูกติดแม่เลี้ยงเธอที่มีอายุมากกว่าสองปี ไม่กินเส้น ไม่กินอะไรทั้งนั้น กับสองคนนี้

“คุณพัฒน์ลองทานดูนะคะ ภรณ์รับรองได้ค่ะว่าอร่อย”

“เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวกับเพศตรงข้ามเนี่ย ผู้หญิงด้วยกันนี่เวลาคุยทีแทบจะกินหัวเขาอยู่แล้ว” หญิงสาวเบ้ปากแรง เพราะหมั่นไส้พี่สาวนอกสายเลือดล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสมปนอยู่ด้วยเลย ทุกวันนี้ยัยนี่ทำตัวเป็นลูกสาวแท้ๆของพ่อมากกว่าตัวเธอที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเสียอีก  ใครไม่รู้คงคิดว่าเธอคงเป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวแน่ๆ

จะว่าไปชื่อที่ยายนั่นเรียกช่างเหมือนกับชื่อเล่นของอีตา ท่านประธานหื่นเลย อะไรจะตามหลอกหลอนขนาดนั้น ทำหน้าเซ็ง ปากบ่นขมุบขมิบแล้วก้มลงมองการแต่งกายของตัวเองที่ดูไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ พลางกลอกตามองบน หากเป็นแขกผู้ใหญ่ แต่มันก็เหมือน ชุดเดรสสั้นนั่นแหละ กางเกงขาสั้นกุดกับเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งที่มี ความยาวเท่าหน้าขา ลงมาแล้วขี้เกียจกลับขึ้นไปเปลี่ยน ก็ไม่มีใครบอกนี่ว่ามีแขกมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน แม่บ้านบอกแต่ว่าพ่อให้ลงมาพบท่าน เพราะฉะนั้นไม่รู้คือไม่ผิด

“มาแล้วเหรอยิหวา”

“ค่ะ”

พ่อทักพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในห้องรับแขกเป็นคนสุดท้าย คิดว่าอย่างนั้น เพราะคงไม่มีใครมาเพิ่มเติมอีก เสียงพูดคุยที่ได้ยินก่อนหน้าหยุดลง สายตาของสองแม่ลูกมองอย่างไม่เป็นมิตรแต่เธอก็ทำเมิน และสิ่งที่ต้องทำให้เธออ้าปากค้างเติ่งก็คือรอยยิ้ม บาดตาบาดใจของแขกที่เรียกได้ว่าไม่ได้ถูกรับเชิญมาแน่ๆ ในตอนแรกเขานั่งหันหลังให้เลยไม่รู้ว่าคือใคร แต่ในตอนนี้เขาหันหน้ามาทางเธอที่กำลังยืนแช่แข็งอยู่ที่เดิม

สายตาที่มองมาก็แพรวพราว เปล่งประกายระยิบระยับเสียจนอยากจะเอานิ้วไปจิ้ม แต่มันก็ได้แค่คิดเธอจึงพยายามข่มความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นภายในใจให้จมลึกลงไปให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ แต่ก็ช่างทำได้ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในสมองเป็นฉากๆ เริ่มตั้งแต่ถูกบังคับจูบ ซึ่งมันเป็นจูบแรกของเธอ  จับหน้าอก ไอ้คนหื่นจับของเธอเล่นเต็มสองมือ ระหว่างที่จมอยู่กับความคิดที่ตีกันยุ่ง ฟันบนก็เผลอขบกัดปากล่างอย่างลืมตัว พอเริ่มรู้สึกตัวจากการถูกจ้อง คนที่จ้องเอาๆก็ส่งสายตาดุเชิงห้ามปราม ส่งผลให้ผิวแก้มร้อนซู่ซ่า เผลอกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น และบอก กับตัวเองว่าต้องรวบรวมสติ

“พ่อคงไม่ต้องแนะนำอะไรแล้วนะยิหวา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel