บท
ตั้งค่า

ตอนที่3 สหายใหม่(ผู้น่ากลัว)4

“หยุด!” ซูเจินตวาดหนี่ม่านที่กำลังร่ำไห้เสียงดัง

สาวใช้ตัวน้อยหุบปากฉับไว

ซูเจินกวาดสายตากลมใสมองไปทางบ่าวชายที่นอนสลบอยู่ไม่ไกลก่อนจะเดินเข้าไปที่บ่าวชายคนนั้นอย่างใจเย็น เมื่อเดินมาถึงตัวบ่าวชายนางเพียงยกเท้าเตะก้นบ่าวชายไปหนึ่งที

ผลที่ได้ทำให้บ่าวชายตื่นลืมตาขึ้นมาในบัดดล

สิ่งแรกที่บ่าวชายมองเห็นเมื่อลืมตาเขาถึงกับผวาทำท่าจะลุกขึ้นวิ่งหนี แต่ทว่ากลับถูกซูเจินกระทืบแผ่นหลังเสียงดังอั่ก

บ่าวชายถึงกับล้มลงหน้าไถพื้นดิน

“ป่ะ...ปล่อยข้าไปเถิด” บ่าวชายละล่ำละลักเอ่ยออกมา “ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรด”

“อันใดกัน?” ซูเจินทำหน้าใสซื่อพลางเอ่ย “ข้ายังมิได้ถามอะไรเลย เจ้าจะรีบร้อนสารภาพไปไย”

ประโยคนั้นทำเอาหนิงเหมยและหนี่ม่านตัวชาวาบ

“หมายความว่าอย่างไร?” หนิงเหมยถามเสียงเบาไปทางบ่าวชายที่กำลังคุกเข่าขอชีวิต

บ่าวชายรีบคลานเข่ามาทางหนิงเหมยแล้วเอ่ยอย่างร้อนรน “คุณหนูขอรับ หากบ่าวสารภาพจะปล่อยบ่าวไปได้หรือไม่ขอรับ”

หนิงเหมยกะพริบตาปริบๆ จ้องมองหน้าบ่าวชายนิ่งงัน เพียงครู่จึงถอนสายตาออกจากบ่าวชายมองไปยังสตรีน่ากลัวทางด้านหลังของบ่าวชาย

“ย่อมได้” ซูเจินตอบรับอย่างอารมณ์ดี นางอมยิ้มน้อยๆ มองดูแล้วคล้ายสาวน้อยไร้เดียงสา

หนิงเหมยจึงพยักหน้าให้บ่าวชายหนึ่งทีเป็นเชิงตกลงว่าจะไว้ชีวิตและให้อภัยหากสารภาพออกมา

บ่าวชายรีบโขกหัวกับพื้นดินพลางเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “เป็นคำสั่งฮูหยินรองขอรับ นางต้องการให้คุณหนูใหญ่ถูกย่ำยีไม่มีหน้ากลับเข้าบ้านขอรับ”

แน่นอนว่าหนิงเหมยเข้าใจได้ไม่ยาก นางเองก็สงสัยตั้งแต่ชายทั้งห้าคนโผล่หน้ามาแล้ว

หญิงสาวจึงทำได้เพียงหลับตากลืนความอัปยศลงคอ อึดใจนางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเพื่อหมายจะทำตามคำที่บอกกล่าวแก่บ่าวชายว่าจะไว้ชีวิต แต่ยังมิทันได้เอื้อนเอ่ยอันใด เสียงดังกร๊อบคล้ายกระดูกหักพลันดัง ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนคล้ายสุนัขหอน

หนิงเหมยผงะไปอีกครา หนี่ม่านก็เช่นกัน

บ่าวชายตรงหน้าของสตรีทั้งสองถูกหักแขนหักขาและหักคอภายในเวลาชั่วอึดใจ

“เจ้า” หนิงเหมยเอ่ยเรียกสตรีผู้หักทุกส่วนของบ่าวชาย

ซูเจินยังคงทำตาใสซื่อ “สัจจะย่อมไม่มีในหมู่โจร” นางเอ่ยแค่นั้นพร้อมกะพริบตาปริบๆ แลดูน่ารักเหลือเกิน

หนิงเหมยกับหนี่ม่านกะพริบตาปริบๆ ตอบรับนิ่งอึ้ง

ซูเจินยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปในรถม้าคล้ายกับมิได้ทำอันใดทั้งนั้น

สองสตรีที่ยังยืนตะลึงได้แต่มองตามสตรีที่เคยบาดเจ็บนิ่งงันทำอันใดไม่ถูกทั้งสิ้น

“จะยืนรอทำศพเจ้าพวกนั้นรึ?” เสียงใสๆ ดังออกมาจากในรถม้า

หนิงเหมยและหนี่ม่านมองหน้ากันไปมาก่อนจะเบนสายตาไปมองศพชายตัวใหญ่ที่นอนตายอเนจอนาถเกลื่อนกลาดน่าเกลียดน่ากลัว กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียด ทั้งสองพยายามฝืนตัวเองมิให้อาเจียนออกมา ก่อนจะพากันรีบประคองกันและกันปีนขึ้นรถม้าอย่างเร็วเมื่อเริ่มตระหนักได้

ภายในรถม้าที่หนึ่งเจ้านายหนึ่งสาวใช้และหนึ่งสตรีบาดเจ็บนั่งอยู่ ทั้งสามนั่งมองหน้ากันไปมาอย่างไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใด

เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป

รถม้ายังคงจอดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อหนี่ม่านเปิดผ้าม่านรถม้าออกดูก็ยังคงเห็นศพชายฉกรรจ์นอนตายอยู่

“เหตุใดรถม้าไม่ขยับ?” สาวใช้หนึ่งเดียวถามออกไป

“แล้วใครบังคับรถม้า?” ซูเจินถามออกมาอีกคน

“เขาตายแล้วมิใช่หรือ?” หนิงเหมยตอบให้ทุกคน

สตรีทั้งสามเงียบงันอีกครา

อึดใจต่อมาเสียงถอนหายใจจึงบังเกิดอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งสามมองหน้ากันอีกครั้ง

หนี่ม่านเริ่มหัวเราะพรืดออกมาก่อน หนิงเหมยเห็นอย่างนั้นจึงเริ่มยิ้มตาม ซูเจินเริ่มหัวเราะออกมาบ้าง

“เจ้าคงไม่ฆ่าเราใช่หรือไม่?” เสียงนี้เป็นเสียงของหนี่ม่าน นางแน่ใจว่าอย่างนั้นจึงถามออกไป เพราะสตรีน่ากลัวนางนี้ช่วยตนเอาไว้จากการถูกย่ำยี

“ข้าไม่ชอบฆ่าใครหรอก” ซูเจินกล่าวคำด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

หนิงเหมยกับหนี่ม่านมองหน้ากันก่อนจะส่งสายตามาทางซูเจินด้วยความหมายว่า ไม่เชื่อเด็ดขาด!

ซูเจินหัวเราะพรืด

ครานี้สตรีทั้งสามหัวเราะออกมาเสียงดัง

เสียงหัวเราะสดใสของเหล่าสตรีเกิดขึ้นอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้จนพาให้บรรยากาศวังเวงท่ามกลางซากศพพลันเปลี่ยนไป

“ขอบใจนะ” หนิงเหมยเอ่ยออกมาก่อน

“ข้าด้วยนะ ข้าต้องขอบใจเจ้า” หนี่ม่านเอ่ยตาม

“ย่อมเป็นข้าที่ต้องขอบใจพวกเจ้าที่ช่วยข้าจากข้างถนนนั่น” ซูเจินเอ่ยออกมาบ้างพลางชี้นิ้วไปมาตามเนื้อตัวของตนแล้วไหวไหล่น้อยๆ

และอีกครั้งที่เสียงหัวเราะใสกังวานของสตรีทั้งสามพลันดัง

“เอาล่ะ” ซูเจินเริ่มเอ่ยคำขึ้นมาหลังจากหัวเราะจนพอใจ “เจ้าไปบังคับม้า” นางหันมาสั่งหนี่ม่าน

สาวใช้พยักหน้ารับคำแล้วรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปนั่งยังตำแหน่งบังคับม้า

การเดินทางจึงเกิดขึ้นในอีกครา แต่ทว่าหนี่ม่านเป็นเพียงสาวใช้จิปาถะถนัดแต่ซักผ้าแบกฟืนและปัดกวาดเช็ดถู ไหนเลยจะเคยขี่ม้า

สตรีทั้งสามจึงพากันเดินทางต่ออย่างทุลักทุเลโดยหนี่ม่านบังคับม้าอย่างยากลำบากเนื่องจากนางขี่ม้าไม่เป็นไหนเลยจักบังคับม้าได้ เพราะเหตุนี้ม้าจึงพาคันรถเดินทางไปอย่างไร้ทิศทาง

หนิงเหมยดูแลป้อนยาและทายาให้ซูเจินอยู่ในรถม้าโดยมีหนี่ม่านบังคับม้าให้เดินทางไปตามถนนโดยมิรู้เสียแล้วว่าควรไปทางใด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel