ตอนที่2 หนิงเหมย4
เดิมทีหญิงสาวคิดว่าเจิ้งเหวินหลางสมกับเป็นชายที่เปิดเผย เมื่อได้เปิดตัวกับบิดาของนางแล้วจึงชอบมาหากันที่บ้าน แต่เปล่าเลย เวลาที่เจิ้งเหวินหลางนั่งคุยอยู่กับเหนิงเหมยก็มักจะมีลี่จูร่วมนั่งคุยอยู่ด้วยเสมอ พวกเรานั่งคุยกันสามคนด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อกันการถูกครหาระหว่างหนิงเหมยกับเจิ้งเหวินหลางที่เป็นเพียงคนรักหาใช่คู่สามีภรรยาที่ผ่านพิธีแต่งงานร่วมผูกผม
แต่หนิงเหมยมิใช่คนโง่
สายตาที่ลี่จูมองเจิ้งเหวินหลางไยนางจักไม่เข้าใจ
สายตาที่เปลี่ยนไปของเจิ้งเหวินหลางไยนางจักไม่เห็น
บุรุษก็เท่านี้
ไม่ว่าจะเป็นบิดาของนางหรือกับเจิ้งเหวินหลาง
ทุกคนเหมือนกันหมด!
รักหรือ? หึ!
และแล้วหนิงเหมยจึงได้เข้าใจในเรื่องราวความรักของมารดากับบิดาของนาง
ที่บอกว่าต้นเหตุเกิดจากหนิงเหมยนั้นจริงๆ แล้วมิใช่เลย
เพราะมารดาของนางเปลี่ยนไปจากเดิมหรือ? นิสัยโหดร้ายมากหรือ? อารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผลของมารดาและความเป็นชายที่หยิ่งทระนงตนของบิดาจึงทำให้ทุกชีวาต้องมาอยู่ยังจุดนี้มีสภาพเยี่ยงนี้หรือ?
ไม่ว่ามารดาของนางจักรักบิดามากมายปานใดย่อมไม่สำคัญ ไม่ว่ามารดาจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ย่อมไม่สำคัญ ไม่ว่ามารดาของนางจะตั้งครรภ์นางหรือไม่มันไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือบิดาของนางต่างหากที่เปลี่ยนไป
ทุกอย่างล้วนเกิดจากใจชายทั้งสิ้น!
บิดาของนางรักมารดาของนางหรือ? หากรักแล้วเหตุใดยังยอมให้เจียวลู่แทรกเข้ามา การช่วยเหลือกันย่อมมิใช่ต้องตอบแทนบุญคุณด้วยการรับเป็นเมียเพื่อย่ำยีสตรีอีกคน
เจิ้งเหวินหลางบอกว่ารักนางจะแต่งงานกับนางหรือ? หากรักนางจริงแล้วที่นั่งคุยกันสามคนในศาลาคืออันใด?
“พี่ใหญ่จะต้องไปถือศีลที่วัดในวันรุ่งแล้ว ข้าเป็นห่วงพี่ใหญ่เหลือเกินเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานใสของลี่จูเอ่ยขึ้นไปทางเจิ้งเหวินหลางที่นั่งอยู่ทางอีกฝากหนึ่งของโต๊ะกลมในศาลา ทั้งๆ รูปประโยคของลี่จูคุยเรื่องของหนิงเหมยแต่ลี่จูกลับมองแต่เจิ้งเหวินหลาง!
“เจ้าจะเดินทางไปพรุ่งนี้แล้วหรือเหมยเอ๋อร์ ไยถึงรวดเร็วนักเล่า” เจิ้งเหวินหลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มคล้ายไม่ยินดีที่หนิงเหมยจะต้องเดินทางไกล
“สามเดือนเชียวนะเจ้าค่ะ พี่เหวินหลาง” ลี่จูยังคงเอ่ยไปทางเจิ้งเหวินหลางทั้งๆ ที่หัวข้อเกี่ยวกับเหนิงเหมย
“สามเดือนเชียวรึ?” เจิ้งเหวินหลางมีสีหน้าตกใจสายตาจับจ้องอยู่ที่วงหน้าเรียวสวยของลี่จู
“เจ้าค่ะ สามเดือน” ลี่จูพยักหน้ากะพริบตาอย่างน่ารัก “นานทีเดียวเชียว พี่เหวินหลางคงเหงาแย่”
เจิ้งเหวินหลางคลี่ยิ้มอบอุ่นพูดจาอ่อนโยน “แน่นอนว่าข้าย่อมเหงา ข้าคงคิดถึงเหมยเอ๋อร์ทุกวัน” เขาปรายสายตาลึกล้ำมองมาทางหนิงเหมยเพื่อสื่อความนัยตามที่พูดก่อนจะหันไปยิ้มกับลี่จูแล้วเอ่ย “ข้าคงมิได้มาเจอกับเหมยเอ๋อร์ถึงสามเดือนเชียว”
ลี่จูกะพริบตาปริบๆ ทำตากลมโตยิ่งน่ามองยามสบตอบ
หนิงเหมยเพียงแต่นั่งเงียบรับฟังหัวข้อสนทนาของตนเองผ่านริมฝีปากของคนรักกับน้องสาวต่างมารดาด้วยกริยาสงบไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ สายตาเย็นชาบนใบหน้าเรียบเฉยมองไปยังงิ้วตรงหน้าที่แสดงโดยชายหญิงทั้งสอง
นี่มิใช่ครั้งแรกที่ชายหญิงตรงหน้าร่วมกันเล่นงิ้วกับนาง
ลับหลังนางพวกเขาเคยนัดเจอกันไยนางจะไม่รู้ ความหมายที่พวกเขาพูดออกมาไยนางจะไม่เข้าใจ
เหตุการณ์ขโมยปิ่นทองคำและไข่มุกเม็ดงามไปขายทอดตลาดจนแม่นมซือเสียนถูกโบยจนตายและนางต้องโทษทัณฑ์ให้ไปถือศีลยังวัดวัดฉือหนิงอันห่างไกลไยนางจะไม่ประจักษ์
การที่นางหายไปสามเดือนเป็นการเปิดโอกาสในหญิงโฉดชายชั่วตรงหน้าได้อยู่ด้วยกันโดยไม่มีนางคอยเป็นก้างขวางคอ!
ลี่จูต้องการให้เจิ้งเหวินหลางอยู่ห่างจากนางจึงเอาปิ่นทองคำและไข่มุกของเจียวลู่ที่รักหนักหนามาซ่อนในเรือนของนางและเนื่องจากเจียวลู่ได้รับของขวัญชิ้นนี้จากบิดาของนางในวันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมาเมื่อไม่นานจึงยังชมชอบอยู่มากแรงโทสะจึงมีมากตามไปด้วย
แม่นมซือเสียนที่อายุมากแล้วทั้งยังมีโรคประจำตัวจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่แน่จึงอาสาออกตัวรับโทษทัณฑ์เพื่อหมายปลิดชีพตนให้พ้นความทรมานจากโรครุมเร้าโดยการบอกกล่าวว่าตนเป็นคนขโมยเพื่อนำเงินมาซื้อหายา
หากแต่การตายของแม่นมยังนับว่าสูญเปล่าเพราะหนิงเหมย กลับถูกข้อกล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจกับบ่าวประจำตัว
หนิงเหมยหลับตาลงซ่อนแววตาร้าวลึกกักเก็บเอาไว้ใต้เปลือกตาร้อนผ่าวมิให้ใครได้เห็นซึ่งความเจ็บปวดรวดร้าวใดๆ
นางไม่คิดจะแก้ตัวเรื่องขโมยปิ่นและไข่มุก นางไม่คิดจะปฏิเสธการเดินทางไปวัดอันห่างไกล นางไม่คิดจะอยู่กับใครที่ไม่รักนางจริง
สามเดือนหรือยังน้อยไปด้วยซ้ำ!
หนิงเหมยลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะมองไปยังลี่จูและเจิ้งเหวินหลางด้วยสายตาว่างเปล่า นางคลี่ยิ้มบางเบาออกมาให้ได้เห็นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ยากแก่การคาดเดาถึงแก่นแท้แห่งห้วงความคิดที่คล้ายมีหลุมดำสนิทในดวงตา
สตรีบอบบางและอ่อนแอเช่นนางทำได้เท่านี้ แค่นี้เท่านั้น!
หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกนอกศาลาไปอย่างเงียบงันปล่อยทิ้งเอาไว้ให้สองชายหญิงได้นั่งเล่นงิ้วกันต่อไปไร้ใครนั่งดู นางเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องนั่งชมภาพสะเทือนอารมณ์ตรงหน้า
พอกันที!