บทที่ 6
ชบาฟื้นคืนจากฤทธิ์ยาก็เกือบเที่ยง พอตื่นมาเธอก็เจอกับพ่อเลี้ยงภูดิศและลูกสาวของเขาที่ยังคงนั่งเฝ้าเธอ เธอใช้โซฟาเบธตัวนั้นแหละเป็นที่นอนจนตื่น
“หิวไหม”
เขาถาม เธอไม่ทันได้ตอบ ท้องของเธอก็ร้องโครกขึ้นมา ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มหัวเราะเบาๆ ส่วนเธอนั้นหน้าแดงเพราะเขิน
“ไม่ต้องตอบก็ได้ ท้องของเธอตอบแทนแล้ว ไป...ไปกินข้าวกินปลาเสียก่อน แล้วค่อยคุยกัน อาการของเธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ ดีแล้วไม่เวียนหัวแล้ว”
ชบาอ้อมแอ้มตอบ ภูรดาตรงเข้ามาจูงมือพี่คนสวยของเธอ แล้วเอ่ยเสียงหวาน
“ไปกินข้าวกันค่ะ ป้าพิมทำข้าวผัดกุ้งอร่อยมากๆ พี่อยากกินไข่ดาวด้วยไหม หนูทำเป็นนะ เดี๋ยวทำให้”
ภูดิศมองตามหลังสองสาวต่างวัย แล้วเดินตามพวกเธอไป ลูกสาวของเขาดูจะถูกชะตากับเด็กสาวคนนี้เอาเสียมากๆ
เธอคงจะเดือดร้อนจริงๆ ข่าวสารมีให้ดูให้เห็นมากมาย ครอบครัวที่ไม่ปลอดภัย ลูกสาวเขาเอง ถ้าเกิดว่าเขาไม่ไปพามาเสียจากภรรยาเก่า ภูรดาก็อาจจะอยู่ในสภาพเหมือนที่เด็กสาวคนนี้ต้องหนีออกมาแบบนั้น
ภูรดาอาสาจัดแจงตักอาหารรวมไปถึงทอดไข่ดาวมาให้กับชบาได้รับประทาน ชบาหิวมาก ไม่นานนักอาหารในจานก็หมดเกลี้ยง
“หนูทำไข่ดาวอร่อยใช่ไหมคะ”
ภูรดาว่า ชบายิ้มแล้วเอ่ยชมออกมาอย่างจะเอาใจเด็กหญิง ที่อุตส่าห์ดูแลเธอ
“ค่ะอร่อยมากๆ พี่ขอบใจมากนะ”
“ยัยหนูออกไปก่อนลูกพ่อจะคุยกับพี่เขานิดหน่อย”
“พ่ออย่าไล่พี่เขาไปนะคะ” ภูรดาว่า
“ป้าพิมบอกว่าพี่เค้าไม่น่าไว้ใจ จะจับพี่เค้าส่งตำรวจ พ่อจ๋าอย่าทำแบบนั้นนะ หนูว่าพี่เค้าน่าสงสาร”
ชบามองสบตาภูดิศแล้วน้ำตาก็พลันคลอขึ้นมาอย่างนึกกลัว ภูดิศบอกย้ำอีกรอบให้ลูกสาวออกไปจากห้องย้ำว่าจะไม่ไล่ ไม่จับพี่คนสวยของลูกสาวส่งตำรวจแน่นอน นั่นแหละภูรดาถึงออกไปได้
“ไหนลองเล่าเรื่องของหนูให้ฉันฟังสิ”
“หนูชื่อชบาค่ะ บ้านอยู่ตรงตลาด...”
เธอตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เป็นความจริง แม้จะเสี่ยงกับการที่เขาอาจจะเอาเธอไปส่งคืนแม่เลี้ยงก็เถอะ
“พ่อของหนูไปทำงานที่กรุงเทพฯ หนูอยู่กับแม่เลี้ยง เอ่อ เขาไม่ชอบหนู เขาให้หนูไปทำงานกับนายโป้งที่คาราโอเกะ หนูไปได้ยินจากคนในนั้นว่าจริงๆ แล้วเขาจะให้หนูขายตัว หนูกลัวมากหนูเลยหนีออกมาขึ้นหลบที่รถคุณ ตอนแรกกะจะแอบอยู่เฉยๆ แต่หนูก็หลับไปเสียก่อน หนูไม่ได้คิดที่จะทำอย่างที่ป้าเค้าพูดเลยค่ะ”
อธิบายอย่างช้าๆ ชัดๆ และเน้นคำพูดอย่างฉะฉาน เธอมองหน้าเขาก่อนจะบีบมือเข้าหากัน มันเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอแล้วนะชบา สาวน้อยตัดสินใจพูดเพราะเห็นว่าเขาคือคนเดียวที่จะช่วยเธอได้
“คุณคะ ที่นี่คือบ้านของคุณใช่ไหมคะ”
“อืม...ใช่”
“คุณมีงานอะไรให้หนูทำหรือเปล่าคะ”
“หืม? ถ้าฉันรับเธอไว้ทำงาน ฉันจะไม่เดือดร้อนใช่ไหม”
เขาถาม ชบาเม้มปากแล้วพยักหน้า
“ค่ะไม่เดือดร้อนค่ะ หนูอายุสิบเก้าปีเต็มแล้ว คุณไม่ติดคุกแน่นอนค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง น้าลีคงไม่ตามหาหนูหรอกค่ะ หนูหายออกมาแล้วแบบนี้ หนูคิดว่าแบบนั้น”
“แน่ใจนะ”
ภูดิศถามย้ำ เด็กสาวคนนี้เลือกที่จะไม่กลับบ้าน ที่บ้านคงไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับเธอจริง นั่นแหละ
“แน่ใจค่ะ”
“แล้วเธอทำอะไรได้บ้างล่ะ” เขาลองถามดู
“เรียนจบอะไรมา”
“หนูเรียนจบ เอ่อ...ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าจบได้ไหม หนูเรียนแค่ ม.5 ค่ะ เรียนที่โรงเรียน...”
เธอเอ่ยชื่อโรงเรียนออกมา ภูดิศขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วยิ้มออกมา แบบนี้เขาก็พอจะสืบประวัติของชบาคร่าวๆ ได้ เขานั้นจะรับใครเข้ามาในบ้านก็จะต้องดูให้ดีสักนิด เขามีภูมิหลังมาหนหนึ่งแล้วกับเรื่องแบบนี้ ตอนที่ใช้ความสงสาร ความหลงเป็นเครื่องนำพาสิ่งไม่ดีเข้ามาสู่ชีวิตจนถึงกับเป๋ไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
รดาคือสิ่งนั้น
และเขาจะไม่ยอมซ้ำรอยอีกแล้ว ภูดิศกำหนดให้คนแวดล้อมของเขาทุกคนต่อไปนี้ เขาจะต้องสืบมาแล้วเป็นอย่างดีถึงจะยอมให้เข้ามา
เด็กนี่แม้จะน่าสงสาร เขาอยากจะรับหล่อนไว้เพราะเห็นใจ แต่ก็ควรจะต้องสำรวจตรวจตรากันสักนิดหนึ่ง
“หนูทำได้หลายอย่างค่ะ คอมพิวเตอร์พอได้โปรแกรมพื้นฐาน word excel พวกอินเตอร์เน็ตก็พอจะใช้ได้ค่ะ ทำงานบ้านได้ทุกอย่าง งานไร่ งานสวน ถ้าคุณสอนหนูคิดว่าหนูทำได้”
พูดออกไปอย่างฉะฉานมั่นใจ และเธอก็มั่นใจว่าเธอทำได้แน่ๆ
ทำอะไรได้ก็งานหนักก็ไม่เกี่ยง ขอให้เธอแค่ได้อยู่ที่นี่หรือที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่บ้านของเธอ บ้านที่ตอนนี้ไม่มีพ่อ มีเพียงลีลา มันเสี่ยงกับชีวิตและความปลอดภัยของเธอ
“รอฉันแป๊บหนึ่งนะ จริงสิ เธอมีอะไรติดตัวมาบ้างไหมสาวน้อย ที่จะยืนยันได้ว่าเธอชื่อนี้ นามสกุลนี้จริงๆ”
“เอ่อ...” ชบาเม้มปาก เธอมีทีท่าลังเลอย่างครุ่นคิด เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรง มีกระเป๋าสตางค์ใบเล็กในนั้น นึกโล่งอกที่มันไม่หาย เธอเก็บบัตรหลักฐานประจำตัวไว้ติดตัวตลอด มือเรียวหยิบเอาบัตรประชาชนของเธอออกมายื่นส่งให้กับเขา
“หนูมีบัตรประชาชนค่ะ นี่ค่ะ...คุณเอาไปตรวจสอบได้หนูไม่เคยโดนคดีความ แล้ว...ก็เอาไปตรวจสอบได้ว่าหนูเรียนที่โรงเรียนนั้นจริงๆ ไหม มีที่อยู่ตามที่แจ้งไว้ในบัตรไหมค่ะ”
เขารับไปและเอาไปดูครู่หนึ่ง เด็กนี่ดูบริสุทธิ์ใจดีอยู่หรอก เขาถามเธอเสียงนุ่ม
“เอาแบบนี้...เธอรู้จักคุณครูวิภาไหม? เคยสอนเธอหรือเปล่า”
“เคยค่ะ ครูวิภาเป็นครูประจำชั้นของหนู คุณรู้จักครูด้วยหรือคะ ถ้ารู้จักก็สอบถามท่านได้เลยค่ะว่าหนูเป็นยังไงบ้าง”
ชบาตอบอย่างมั่นใจและจำได้ในทันที ครูวิภาเป็นครูประจำชั้นของเธอ ท่านรักและเอ็นดูชบามาก ชบาเป็นเด็กหัวดีและเป็นเด็กกิจกรรมในชมรมภาษาไทยที่มีครูวิภาเป็นที่ปรึกษา แน่นอนว่าท่านจะช่วยยืนยันความประพฤติของเธอให้กับเขาได้อีกทางหนึ่ง ความหวังของเธอเริ่มเรืองรองขึ้นมาในทันที ว่าเธอจะไม่ต้องกลับบ้าน
“งั้นรอแป๊บหนึ่ง”
เขาต่อสายหาคุณครูวิภา ที่เขามีเบอร์โทรศัพท์ของท่าน เนื่องจากลูกของคนงานในไร่ของเขาเรียนที่โรงเรียนนี้ รวมถึงเขาเองก็เป็นศิษย์เก่า เขาค่อนข้างจะสนิทสนมกับท่านมาก ชบาอ้างชื่อท่านมาแบบนี้ เขาก็เลยจะให้ท่านยืนยันให้แน่ใจ ว่าเขาควรจะรับเธอไว้ หรือควรจะส่งต่อเธอไปที่อื่น
“สวัสดีครับครู”
“อ้าว...ภูดิศมีเรื่องอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
ท่านทักเขาอย่างจำได้ในทันที ครูวิภาจำนักเรียนของเธอได้ทั้งหมด แบบนี้แหละ เขาถึงอยากจะให้ท่านช่วยยืนยัน
“ครูว่าไหมครับ ผมมีอะไรอยากจะให้ช่วยหน่อยครับ เอ่อ...รบกวนครูเปิดกล้องหน่อยได้ไหมครับ สะดวกหรือเปล่า”
“อ้อแป๊บๆ นะ เอ...ปุ่มมันอยู่ตรงไหนนะ สายตาคนแก่ก็จะแย่หน่อยนะพ่อนะ”
ท่านว่า ภูดิศยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ครูวิภานั้นเป็นครูที่เขาจะต้องไปกราบไหว้ทุกปีเพราะถือว่าท่านเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เขาเคารพนับถือ ทุกหนที่ไปลูกศิษย์ของท่านในไร่ของเขาก็จะยกขบวนไปด้วยกัน เหมือนกับเป็นประเพณีประจำไร่ไปแล้ว
“เจอล่ะ มีอะไรรึ”
ท่านเปิดกล้องแล้วยิ้มให้เขา ภูดิศขออนุญาตท่านแล้วเรียกชบาให้มายืนใกล้ๆ ชบาลุกจากเก้าอี้ของตนเองแล้วไปอยู่ใกล้กับชายหนุ่ม เพียงแค่เห็นหน้าของชบา ท่านก็ขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างจะทบทวน แล้วก็อุทานออกมาอย่างตกใจ
“เอ...นั่นชบาใช่ไหม ชบา นุษาใช่ไหมลูก”
“ใช่ค่ะ”
เธอพนมมือไหว้ครูวิภา น้ำตาถึงกับไหล เธอไม่เคยดีใจมากขนาดนี้มาก่อนที่ท่านจำเธอได้ “ไปยังไงมายังไงไปอยู่กับภูดิศได้ยังไงล่ะลูก แล้วไม่เรียนต่อ ม.6 แล้วหรือลูก”
“หนู คือว่า เอ่อ หนูไม่พร้อมเรื่องเงินน่ะค่ะครู
“ครูเคยบอกว่าจะขอทุนให้ได้ เฮ้อ...กลับมาเรียนได้นะลูกถ้าพร้อม เสียดาย ออกกลางครันไปแบบนั้น หรือจะเรียน กศน. ก็ได้ให้ทางวิชาการโอนเกรดให้ นะลูกนะกลับมาเรียน เราน่ะหัวดีอนาคตไปได้อีกไกล ครูเสียดายถ้าเกิดเราไม่เรียนให้จบมัธยมปลาย”
ภูดิศที่นิ่งฟังครูที่เขานับถือคุยกับหล่อนก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าชบานั้นพูดความจริงแน่นอนล่ะ เขาขอซักถามเรื่องเกี่ยวกับเธออีกสองสามคำ และวางสายไปจากท่าน พร้อมกับรับปากยืนยันกับครูของเขาว่า ชบาจะได้ไปเรียนต่อจนได้วุฒิ
“คุณพูดจริงหรือคะ” เธอมองเขาด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“คุณ พะ พูดจริงๆ น่ะหรือคะ ที่จะให้หนูเรียน”
“อืม จริงสิ...แล้วฉันก็จะให้งานเธอทำด้วย ครูบอกว่าเธอเรียนอีกแค่ปีเดียวก็จะได้วุฒิแล้ว อาจจะต้องไปเรียนเสริมก่อนเข้าเรียนต่อ เพราะเธอไม่ได้เรียนแล้วหลายปี”
“แล้ว เอ่อ นะ หนู”
ชบาถึงกับปากสั่นเพราะไม่คิดว่าเขาจะอุปาการะเด็กพลัดหลงอย่างเธอขนาดนี้ ภูดิศยิ้มส่งให้เธอ แล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวล
“เธออยู่ที่นี่ได้ ในฐานะลูกจ้างของฉันนะสาวน้อย ฉันจะให้งานเธอทำ ให้ที่อยู่เธอ และให้เธอเรียนจนจบ”
“ขอบคุณเหลือเกินค่ะ”
เธอก้มลงกราบเขา ก่อนที่ภูดิศจะทันห้าม สาวน้อยทำให้เขาทั้งประทับใจและสงสารเหลือเกิน
คำอธิษฐานขอพรของเธอ ประสบผลสำเร็จแล้วสินะ แม่...แม่คงจะกรุณาปราณีและช่วยเธอ ถึงได้ส่งให้เธอไปขึ้นรถของคนใจดีอย่างภูดิศ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะทำงานที่นี่ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการตอบแทนเขาที่ให้โอกาสกับเธอ