บทที่ 2
"คุณอาทิตย์ครับ โครงการใหม่ของเรามันดำเนินต่อไปไม่ได้นะ ถ้าหมอผีคนนั้นไม่ย้ายสำนักออกไป" นักรบมือขวาคนสนิทของอาทิตย์ และเป็นคนที่คอยดูงานจุดนี้ให้เขา
"บอกมันดีๆ แล้วมันไม่ไป ส่งคนของเราไปไล่เอาที่คืนมา" ถ้าถึงขั้นต้องไล่ที่ ก็ต้องมีการเผา ..ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เพราะพวกที่มาปลูกบ้านเพื่อจับจองเอาที่ดินของนายทุน ก็เคยถูกสั่งเผาไล่ที่มาแล้ว
ใช่แล้วคนที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ก็คือนายอาทิตย์ ลูกชายของนางอรชร ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 รับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อ ที่เสียชีวิตไปเกือบจะ 2 ปีแล้ว
ตั้งแต่อาทิตย์ชายหนุ่มรูปหล่อ เข้ามารับตำแหน่งนี้ กิจการของครอบครัวเริ่มทำรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น..ยกเว้นแม่ผู้ให้กำเนิด
"แม่ว่าอะไรนะครับ" ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองฟังผิด
"ลูกเชื่อแม่สักครั้งนะ แม่มีแค่ลูกคนเดียว แม่ไม่อยากจะ.."
"ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกครับแม่ ผมคิดว่าไอ้หมอผีนั่นมากกว่าที่มันจะตายก่อนผม"
แค่แม่ของเขาเกริ่นเรื่องผู้หญิงขึ้นมา อาทิตย์ก็ดูออกแล้วว่า แม่คงถูกหมอผีเป่าหูมาแน่ เขารู้ดีว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของหมอผีนั้นก็คือแม่ ชายหนุ่มถึงไม่อยากจะข้ามหน้าข้ามตามากนัก
แต่พอใช้ไม้อ่อนแล้วหมอผีไม่ยอมไป เขาก็เลยต้องได้งัดไม้แข็งออกมาใช้
"ยังไงลูกก็ยังไม่มีใคร เชื่อแม่สักครั้งนะลูก"
"ผมอายุป่านนี้แล้ว แม่รู้ได้ยังไงว่าผมยังไม่มีผู้หญิงที่ไหน"
น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลรินลงมา เพราะกลัวว่าลูกจะมีอันเป็นไปอย่างที่พ่อหมอได้ดูดวงไว้
ที่อรชรเชื่อร่างทรงคนนี้มาก เพราะก่อนที่สามีของนางจะเสีย ร่างทรงก็ได้ทักท้วงไว้ ทีแรกนางก็ไม่เชื่อ พอเจอเหตุการณ์ตามที่ร่างทรงพูดมา นางก็เลยเชื่อทุกอย่างที่บุคคลคนนั้นพูด
ตั้งแต่พ่อเสียเขาไม่เคยเห็นน้ำตาของแม่อีกเลย แต่ทำไมแม่ต้องมาเสียน้ำตาเพราะคำพูดของพวกลวงโลกแบบนั้น
"ก็ได้นัดผู้หญิงคนนั้นมาหาผม..ผมจะพิจารณาเอง"
"จริงนะลูก" ที่จริงนางก็ยังไม่เคยเจอหน้าเด็กสาวคนนั้นเลย ได้ยินแค่พ่อหมอพูดมาว่าดวงของผู้หญิงคนนั้นจะช่วยชีวิตของลูกชายนางได้
อรชรโทรติดต่อตามเบอร์โทรที่พ่อหมอโชติ ให้เบอร์มาแล้วก็นัดเจอ
"สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อวาดเดือน"
"วาดเดือน ชื่อหนูน่ารักไม่แพ้หน้าตาเลยนะจ๊ะ" ทีแรกนางก็หวาดหวั่นเรื่องหน้าตาของเด็กผู้หญิงคนนี้อยู่บ้าง เพราะกลัวว่าลูกชายจะไม่สนใจ
"ขอบคุณค่ะ คุณป้ามาคนเดียวหรอคะ" ที่วาดเดือนถาม เพราะเธอคิดว่าลูกชายของป้าคนนี้จะมาด้วย
"มาคนเดียวจ้า"
"คุณป้ารู้เรื่องที่พ่อหมอ..เอ่อ" ถ้าจะให้พูดต่อมันก็กระดากปากมาก เพราะดูเหมือนว่าเธอมาเสนอตัวให้
"ป้ารู้หมดทุกอย่างแล้ว ขอบใจหนูนะที่ยอมช่วย"
"คะ?" ที่เธอรับรู้มามันไม่ใช่แบบนี้ พวกเขาต่างหากที่ยอมช่วย หรือพ่อหมออาจจะพูดไปอีกแบบเพื่อให้พวกเขายอมช่วยเรา.. "เอ่อ..ค่ะ" วาดเดือนก็เลยไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น กลัวว่าจะขัดกับคำพูดที่หมอโชติ ได้พูดไปกับแม่ของเขา
"หนูพร้อมที่จะทำตามป้าไหม"
"ค่ะ"
"ถ้างั้นก่อนอื่นเราต้องใช้สรรพนามกันใหม่ หนูต้องเรียกป้าว่าแม่"
"ค่ะ"
"ป้าจะแปลงโฉมหนูใหม่ทั้งหมด" เพราะดูการแต่งตัวของเธอแล้ว คงจะไม่เข้าตาลูกชายแน่
"คะ?"
"หนูไม่ต้องกลัวว่าจะมีค่าใช้จ่ายหรอกลูก ทั้งหมดแม่ออกเอง"
"ค่ะ" ถ้าแปลงโฉมตามกำลังทรัพย์ของเธอ คงจะได้แค่ตัวละ 199 บาทตามตลาดนัด
"งั้นเราไปกันเลย"
"ปะ.. ไปตอนนี้เลยเหรอคะ" หญิงสาวทำตาปริบๆ ..คิดว่าตัวเองรีบแล้วนะ แต่ป้าคนนี้รีบกว่าอีก
"ขึ้นรถเลยจ้า"
วาดเดือนตามออกมาที่ลานจอดรถ ..แม่เจ้า รถคันนี้ราคากี่ล้านเนี่ย แถมมีคนขับรถให้ด้วย พ่อหมอหาใครมาให้เรา
[ห้องเสื้อหรู]
"ดะ.. เดี๋ยวก่อนนะคะคุณป้า..เอ่อคุณแม่ ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าห้างนี้มีแต่ของราคาแพง ซึ่งหญิงสาวก็เคยมาเดิน แต่ก็ทำได้แค่มาเดินตากแอร์เล่น
"หนูไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้า เพราะสิ่งที่หนูช่วยแม่ มันเทียบไม่ได้กับสิ่งของพวกนี้เลย"
"....." ยิ่งป้าคนนี้พูดมันก็ยิ่งทำให้เธองงไปกันใหญ่ ตกลงใครช่วยใครกันแน่
"ช่วยจัดหาชุดที่เหมาะสมกับหนูคนนี้ให้ด้วยนะ เครื่องประดับทุกชิ้นให้เข้าชุดกัน" เงินของนางที่มีอยู่ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ..ไม่ใช่ใช้แค่ชาตินี้สิ ใช้ไปถึงชาติหน้าก็ยังไม่หมดเลย
พอได้ชุดเครื่องประดับทุกอย่างที่ต้องการแล้ว อรชรก็พาวาดเดือนมาที่ร้านเสริมสวย ซึ่งอยู่ในห้างเดียวกัน
นางสั่งให้ทางร้านทำให้ครบวงจร รวมทั้งอาบน้ำแร่แช่น้ำนมชุบตัวเธอใหม่หมด
ส่วนอรชรก็ไม่ได้นั่งรออยู่เฉยๆ นางก็ทำเหมือนกัน เพราะร้านนี้เป็นร้านเจ้าประจำ
"หนูสวยมากเลยรู้ไหม" มองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เหมือนกับคนละคนกับตอนที่พาขึ้นรถมาเลย
[คฤหาสน์หรู]
พอได้ทุกอย่างครบ อรชรก็พาวาดเดือนกลับมาที่บ้านของนาง
"นะ..นี่บ้านคุณเหรอคะ" โอ้แม่เจ้า พ่อหมอไปหามาจากไหนเนี่ย หญิงสาวอุทานหาหมอดูไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
"ใช่จ้าลงมาเลย แม่ให้คนเตรียมห้องไว้ให้เราแล้วนะ"
"ตะ..เตรียมห้อง?" ออกมายังไม่บอกใครที่บ้านเลย และบ้านของเธอก็ไม่ได้อยู่ใกล้แถวนี้ด้วย
หญิงสาวรีบเดินตามเข้ามาในบ้าน ..จะเรียกว่าบ้านยังอายปาก เพราะมันหลังใหญ่มาก ใหญ่จริงๆ บ้านของเธอทั้งหลังคงเท่าห้องน้ำบ้านหลังนี้มั้ง
"เอาของคุณผู้หญิงขึ้นไปไว้บนห้องที่เตรียมไว้เลยนะ"
"ขะ..คุณผู้หญิง?!" คำนี้ไม่ได้อุทานแค่แม่บ้าน วาดเดือนก็พูดออกมาพร้อมกัน
ที่อรชรต้องรีบทำอะไรรวดเร็ว เพราะเคยผ่านการสูญเสียมาแล้ว กลัวว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นกับลูกชาย ถ้าเป็นแบบนั้นนางคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้
"อือ..ฮือ" เห็นห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่อุทานในลำคอ "ห้องนี้จริงเหรอคะ" วาดเดือนหันกลับไปถามแม่บ้านที่กำลังเอาของ พวกที่ซื้อมาใหม่ขึ้นมาเก็บบนห้อง
"ค่ะ" พอทำทุกอย่างเสร็จแม่บ้านก็ออกไปจากห้อง
"โอ้ย" นิ้วเรียวหยิกแขนตัวเองลองดูว่ามันคือความฝันหรือความจริง "เรื่องจริงเหรอเนี่ย?" ..หรือว่าลูกชายป้าจะไม่ปกติ ถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้.. อีกความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว..ขออย่างเดียวอย่าเป็นพวกโรคจิตก็พอ
เย็นวันเดียวกันนั้น
"วาดขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ" หญิงสาวกล่าวยืมโทรศัพท์บ้าน จากแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องโถง
"เชิญได้เลยค่ะ"
พอรับสายของป้าคนนี้เสร็จเธอก็รีบออกมาจนลืมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาด้วย แต่ก็ดีแล้วที่ลืมเอามา เพราะแม่และน้องก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้จะได้โทรเข้าเครื่องนั้น
"ทำไมไม่มีใครรับสาย เราก็เปิดเสียงไว้อยู่นี่" กดไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีใครรับสาย ในใจก็เริ่มเป็นห่วง ว่าจะมีใครเป็นอะไรอีกไหม
"หึ!! มึงจะเผาไล่ที่กูเลยเหรอ" ตอนนี้หมอโชติรู้แล้วว่าตัวเองจะถูกเผาไล่ที่ เพราะเขาไม่ใช่หมอผีกระจอกงอกง่อย พอมีวิชาอาคมติดตัวอยู่บ้าง
ทันใดนั้นหมอโชติ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา..
"ข้านั่งดูทางในแล้ว แค่ทำให้สองคนนั้นได้เสียกันลูกชายของเจ้าก็ยังไม่พ้นความตาย ให้พวกเขาแต่งงานกันไป มีลูกด้วยกันได้ยิ่งดี" ถ้าถึงขั้นแต่งงานผูกดวงกันแล้ว ความฉิบหายวายวอดได้เกิดแก่ตระกูลนี้แน่
อรชรวางโทรศัพท์ไปด้วยใจที่ห่อเหี่ยว นางจะทำยังไงดี ฝ่ายหญิงไม่เท่าไร..แต่ลูกชายของนางน่ะสิ