4.ความเจ็บแสบของความรู้สึก Ep1
รักษ์สิยานั่งอยู่ในห้องหอด้วยหัวใจที่สั่นระรัว เธอไม่ยอมดับไฟนอนแม้จะผ่านครึ่งคืนมานานแล้ว และไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาลง เพราะเธอยังหวาดกลัวและกริ่งเกรง เกรงว่า ค่ำคืนที่ส่งตัวเข้าหอจะเป็นเหมือนนรกขุมที่ลึกสุดเหมือนการแต่งงานที่ผ่านมา
เหตุการณ์ในคืนนั้นยังตามหลอกหลอนเธอ ให้หวาดกลัวผู้ชายจนไม่กล้าออกจากบ้านหรือพบหน้าใคร และไม่คิดว่า ค่ำคืนนี้เธอจะต้องมาเข้าหออีกครั้ง มันทำให้ความหลังที่เธอพยายามจะลืมเลือนกลับชัดเจนขึ้นมา
เมื่อเสียงบานประตูถูกไขเหมือนมีคนกำลังจะเข้ามา หัวใจของเธอยิ่งร้อนรุ่มกระวนกระวาย ใบหน้าหวานเผือดซีดราวแผ่นกระดาษ มือไม้สั่นเทาหัวใจเต้นแรง
“ยังไม่นอนอีกหรือ..”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกังวานดังขึ้นเบา ๆ เมื่อพฤกษ์ก้าวผ่านประตูเข้ามาแล้วหยุดมองทางด้านหลังเธอ จนกระทั่งเขาเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้าของเธอ ด้วยสายตาที่เฉียบคมทำให้เขามองเห็นมือบางที่สั่นจนเธอต้องกำกระโปรงที่นุ่งเอาไว้ อีกทั้งใบหน้าหวานยังเผือดซีด
“ไม่สบายหรือเปล่า..”
เขายื่นมือหมายจะแตะที่หน้าผาก แต่ทันใดนั้น รักษ์สิยาก็กรีดร้องออกมาแล้วกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปซุกกายที่สั่นเทาอยู่ที่ข้างประตู อาการของเธอทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก
“ทำไมต้องกลัวฉันถึงขนาดนั้น..”
เขาเอ่ยถามพลางพิศมองเครื่องหน้าที่หวานหมดจดของสาวน้อยที่งดงาม
“ฉันเพียงแค่เข้ามาดูว่าทำไมเธอยังไม่นอนอีกก็เท่านั้น..”
เขาพยายามมองใบหน้าของเธอผู้หญิงที่เป็นฆาตกร ฆ่าพ่อของเขาและหวังจะยึดครองมรดกมหาศาล เพียงแค่รอวันเปิดพินัยกรรมเท่านั้น แต่เขาผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่ไม่เคยเปิดเผยตัวตน เพราะเขาอยู่กับแม่ที่แยกทางจากพ่อ และได้ใช้นามสกุลของแม่
จึงไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว เขาคือลูกชายคนเดียวของนาย..ธีรยุทธ เอื้ออังควร ที่ต้องตายอย่างน่าอนาถหลังจากปลดเปลื้องอารมณ์กับภรรยาสาวแสนสวย แต่หลังจากที่ผลพิสูจน์ออกมาปรากฏว่า พ่อของเขาถูกฆาตกรรม
“ทำไมต้องกลัวฉันขนาดนี้ด้วย รักษ์สิยา..”
เขาก้าวมาหยุดใกล้ ๆ ร่างบางของเธอ กวาดสายตามองใบหน้าหวานของเธอที่พยายามรวบรวมความกล้า ค่อย ๆ ยืนหยัดขึ้น
“นอนหลับให้สบายเถอะนะ วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวัน..ฉัน จะไม่เข้ามารบกวนเธอ..”
เขาพูดจบก็เดินไปที่ประตูท่ามกลางสายตาคมที่เจือแววหวานผสานไว้ด้วยความหวาดกลัว
“หลับให้สบายเถอะนะ..หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา..เราจะได้พบกัน..”
เขาดึงประตูให้เปิดออก
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธออีกมาก..”
เขาพูดจบก็หันมายิ้มให้เธอแล้วก้าวออกไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
“ฆาตกร!!..”
เขากำมือแน่นด้วยความแค้นที่รุมสุมอยู่ในอกจนแทบระเบิด เขาพยายามอดทนแล้วเก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างมิดชิด รอจนผ่านพ้นพิธีวิวาห์ที่จัดอย่างใหญ่โต เพียงแค่พระอาทิตย์โคจร เขาจะเริ่มบทลงโทษเธออย่างสาสม เธอจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต
“ฆาตกร”
พฤกษ์ขบกรามแน่นแม้จะเดินออกมาจากห้องหอแล้วก็ตาม แต่ภาพหนหลังกลับหวนมาในมโนนึกของเขาอย่างชัดเจน
วันนั้นพฤกษ์จำได้ดีว่าเขาอยู่ที่บ้านของนายธีรยุทธพ่อแท้ ๆ ของเขา หลังจากได้เห็นสภาพศพของท่านที่นอนตายโดยที่ไม่มีอะไรสวมใส่แม้แต่ชิ้นเดียว มันทำให้เขาอยากรู้ว่า คนที่อยู่กับท่านคนสุดท้าย ที่เขาหรือใคร ๆ ปักใจเชื่อว่าคือภรรยาของนายธีรยุทธ เธอมีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนี้กับท่าน
“นายหัวครับ”
นายถาวร มือขวาของพฤกษ์จอดรถแล้วรีบตรงเข้ามาหาเขาที่ห้องนั่งเล่นในบ้านของนายธีรยุทธ
“ว่าไง”
เขาหันมาหานายถาวร ชายวัยสี่สิบเศษ
“คุณธีรยุทธ ได้พบภรรยาเพราะแม่สื่อที่ชื่อวันทาครับ”
“แม่สื่อ?”
“ครับ ความจริงแล้ว แม่สื่อคนนี้บอกผมว่า คุณจุฑาดา ต้องการให้เธอหาผู้ชายดี ๆ ที่เพียบพร้อม ทั้งฐานะ การศึกษาให้มาเป็นเจ้าบ่าวของลูกสาวคนโต แต่เพราะคุณธีรยุทธ อายุมากแล้ว คุณจุฑาดาจึงปฏิเสธที่จะยกลูกสาวคนโตให้”
“แล้วไง”
“เธอจึงส่งรูปของลูกสาวคนเล็ก ชื่อรักษ์สิยามาให้คุณธีรยุทธได้ดู แล้วเขาก็ชอบเธอมาก จึงตกลงแต่งงานกับเธอ ด้วยการมอบสินสอดจำนวนมากให้ไป”
นายถาวรขยับเข้ามาใกล้เขาอีกนิด
“ความจริงแล้ว คุณจุฑาดาเป็นภรรยาหลวงของนายโกสินทร์ ส่วนคุณรักษ์สิยาเป็นลูกสาวที่เกิดจากคุณอุษณีภรรยาอีกคน”
เขาหันไปมองหน้านายถาวรนิ่ง
“แสดงว่าคุณจุฑาดา ส่งแม่สื่อเพื่อหาเจ้าบ่าวให้ลูกสาวของตนแต่ปรากฏว่า พ่อของฉันอายุมาก หล่อนก็เลยยกลูกลูกสาวของเมียน้อยให้แต่งงาน แล้วเก็บสินสอดไว้เองอย่างนั้นหรือ”
“อาจใช่ครับ”
เขาขบกรามแน่น
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
เขารำพึงเบา ๆ
“คุณพฤกษ์คะ คุณนพภมรมาค่ะ”
“รีบเชิญ”
พฤกษ์มองไปยังประตูทางเข้าด้วยความสนใจ เพียงแค่เห็นหน้าของเพื่อนรักเขาก็ยิ้มออกมา
“ได้เรื่องไหม”
นพภมรมองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วครู่
“ทำไมไม่ถามฉันสักคำว่ากินข้าวมาหรือยัง หาอะไรให้กินสักหน่อยก่อนได้ไหม”
“ได้สิ”
เขากดสัญญาณเสียง
“จัดอาหารว่างเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย”
เขาหันกลับมามองหน้านพภมร
“สรุปว่าไง”
นพภมรนั่งลงยังโซฟาตัวหนึ่งก่อนจะหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะ
“พูดมาเถอะ ฉันไม่ถนัดอ่าน ไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ของนาย”
นพภมรมองหน้าเขานิ่ง
“ถูกฆาตกรรม”
“ฆาตกรรม!”
พฤกษ์รู้สึกใจหาย
“แน่ใจหรือ”
“ฉันกับทีมงานพยายามตรวจสอบเกือบสิบรอบ..ไม่ผิดแน่”
พฤกษ์ขบกรามแน่น
“คุณพ่อถูกฆาตกรรมจริงหรือนี่!?”
เขารำพึงกับตัวเอง
“ไม่ได้เสียชีวิตเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน เพราะเขาไม่ได้เป็นไขมันในเลือด ไม่มีไขมันในผนังหลอดเลือด ไม่ได้เป็นความดันโลหิตสูงและไม่ได้สูบบุหรี่ แน่นอนว่าเขาอาจจะเหนื่อยหลังจากที่ผ่านการหลับนอนกับภรรยา แต่ว่า..”
นพภมรนิ่ง
“มันเป็นการชันสูตรที่ไม่สามารถจะอธิบายให้นายฟังอย่างละเอียดได้ ฉันมั่นใจและสามารถชี้ชัดว่ามันคือการฆาตกรรม”
“ใคร!”
นพภมรส่ายหน้าไปมา
“ต้องพาตัวผู้ต้องสงสัยมาตรวจดีเอ็นเอ จากเส้นผม เลือดและเนื้อเยื่อ”
“จะเป็นใครไปไม่ได้ คุณพ่อไม่มีศัตรูที่ไหน ที่สำคัญ”
“เขาตายหลังจากมีเพศสัมพันธ์”
พฤกษ์ขบกรามแน่น เมื่อเขาปักใจเชื่อว่า ไม่มีใครอื่นอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่เธอ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของพ่อเขา แล้วเธอก็หายไปทันทีหลังจากที่พ่อของเขาตาย
มันทำให้เขามั่นใจว่าเธอจงใจหลบหนี หลังจากที่ฆ่าพ่อของเขาตาย เพื่อหวังอะไรบางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นเขาทราบจากทนายว่า พ่อของเขาได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ เขามั่นใจว่า พินัยกรรมฉบับนั้นพ่อของเขาต้องยกมรดกทั้งหมดให้เธอคนนั้น
“ฆาตกร”
“นายจะเอาไง ให้เป็นหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่ไหม”
พฤกษ์ส่ายหน้า
“ไม่..”
“นายไม่เอาเรื่องหรือ”
นพภมรสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เมื่อมองไปเห็นสาวใช้ยกอาหารเข้ามา
“กำลังหิวเลย ขอบใจนะจ๊ะ”
นพภมรรีบตรงไปที่โต๊ะที่สาวใช้วางอาหารว่างลง แล้วก็รีบจัดการอย่างรวดเร็ว
“นายใจกว้างนะ ดีเหมือนกัน เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร หากใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้รับผลกรรมนั้น นายก็ไม่ต้องมีส่วนในเวรกรรมนั้น”
นพภมรพูดไปทานอาหารไป ในขณะที่พฤกษ์หันไปมองหน้านายถาวรที่ยืนอยู่ห่าง ๆ
“ฉันจะส่งมันไปลงเหวก่อน หลังจากนั้น ขั้นตอนของกฎหมายจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการจัดการกับมัน..ฆาตกร”
นพภมรหันมาจ้องหน้าที่เครียดเคร่งของพฤกษ์ทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปากแม้เขากำลังดื่มด่ำกับความอร่อยของมันเมื่อครู่ แต่หลังจากฟังทุกคำพูดของพฤกษ์จบลง เขากลับรู้สึกเหมือนจะกลืนอาหารนั้นไม่ลง