ตอนที่5 คนใจร้าย
มือหนาของเขาบีบต้นแขนเธออย่างแรง หญิงสาวพยายามเกาะมือออกด้วยสีหน้าเหยเกไม่น้อยเพราะแรงของชายหนุ่มทำให้เธอเจ็บจริงๆ
"หน้าด้าน ฉันพูดประชดยังทำหน้าทำตาไม่รู้อีก คนอย่างเธอนี่ฉันไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี!" คำพูดที่ดูถูกเธอตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ไม่น้อยเลยที่ออกจากปากเขามา
"จะเปรียบกับอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ คำพูดของคุณไม่มีผลในชีวิตฉันหรอก และอีกอย่างนะคะถ้าไม่อยากให้คนงานสงสัยไปมากกว่านี้ก็ปล่อยแขนฉันเถอะค่ะ" น้ำข้าวพูดเพราะคนงานจับตาดูเธอและเขาอย่างไม่ละ
"หึ ๆ นึกว่าจะด้านจนไม่สนใจใครเสียอีก"ชายหนุ่มจับแขนเธอดึงเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมผลักเธอลงในโซฟา หญิงสาวเจ็บไม่น้อยกับการกระทำของอีกฝ่าย
"จะทำอะไรคะ" น้ำข้าวรีบถอยห่างทันที
"ฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่มีวันทำอะไรผู้หญิงอย่างเธอแน่ ฉันจะทำงานถ้าจะอยู่ที่นี่ก็หุบปาก อย่าแม้แต่เอ่ยออกมาให้ฉันได้ยิน ไม่งั้นจบไม่สวยแน่" ชินพูดจบหันไปเซ็นเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ น้ำข้าวมองไปรอบๆห้องด้วยสีหน้าแปลกไป
'สีห้องนี่ น่ากลัวไม่ต่างจากห้องนอนเลย' เธอคิดในใจ หญิงสาวนั่งอยู่อย่างนั้นนานนับสองชั่วโมงจนเธอเริ่มขยับไปขยับมาการที่นั่งอยู่ตรงนี้ทำเอาหญิงเริ่มเมื่อยจะออกไปก็กลัวเขาด่าแต่จะให้นั่งอยู่ตรงนี้แบบนี้ก็ไม่ไหวแล้ว
'ด่าก็ด่าสิ ไหนๆก็โดนอยู่แล้ว' เธอลุกขึ้นออกจากห้องโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำตามคำสั่งของเขา ชายหนุ่มมองเธอเดินออกไปอย่างสงสัยแต่ไม่คิดจะไปตาม เขาจับตาดูเธอในกล้องวงจรที่ติดไว้ทั่วไร่แทน
หญิงสาวพอได้ออกมาสูดอากาศก็รู้สึกดีขึ้นเธออดใจไม่ได้ที่จะเดินเล่นในไร่เเห่งนี้ บรรยากาศก็ดี ต้นไม้ดอกไม้ก็เยอะ
เธอเดินมาเรื่อยๆ ดูดอกไม้ดูต้นหญ้า รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในเขตของไร่ที่มีรั้วสีขาวตั้งเป็นแนวยาวนับร้อยไร่ ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นน่าจะนับหลายสิบปีได้ ทั้งสูงทั้งใหญ่ ที่นี่สวยมากๆสำหรับเธอ
ร่างบางอรชรนั้งหลับตาลงใต้ต้นไม้ใหญ่เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยอยู่นาน
"นี่คุณ ใช่คนที่เคยทำงานในโรงแรมไหมครับ" จู่ๆก็มีเสียงตะโกนถามเธอขึ้น น้ำข้าวสะดุ้งหันหน้ามองหาเจ้าของเสียง
"โอ๊ะ คุณผ้าขนหนูนิ มาทำอะไรตรงนี้คะ" ใช่นั่นคือโชคคนที่เธอเคยช่วยเขาไว้
"ผม ทำงานที่นี่"
"อ้อ คะ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก คุณโชคใช่ไหมคะ”
"จำชื่อผมได้ด้วย คุณน้ำข้าวมาทำอะไรที่นี่คนเดียวคับ ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน" โชคถามอย่างเป็นมิตร
"อ้อ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ค่ะ ที่นี่อากาศดีนะคะ คุณโชคเป็นคนงานในไร่นั้นหรอคะ" น้ำข้าวถามเพราะความสงสัย
"ครับ ผมเป็นเจ้าของไร่นี้" น้ำข้าวตกใจ ที่ตัวเองทำไมตาไม่ถึงขนาดนั้นหาว่าเขาเป็นแค่คนงาน
" ฉันขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้าของไร่" น้ำข้าวหน้าเสียลงยิ่งทำให้โชคชอบใจยิ่งนัก
"ผมไม่ถือหรอก ดูจากหน้าตาแล้วคุณน่าจะอายุน้อยกว่าผม เรียกผมว่าพี่ก็ได้นะ คิดว่าเป็นพี่ชายข้างบ้านก็ได้"
"พี่ชายหรอคะ ฉันไม่เคยมีพี่ชายเลย ยินดีที่ได้รู้จักคะพี่โชค" น้ำข้าวยอมรับว่าคุยกับโชคแล้วสบายใจมากกว่าชิน เธอจับมือกับชายตรงหน้าอย่างไม่คิดอะไรมาก ทั้งสองคุยกันนานสักพักน้ำข้าวก็ขอตัวกลับก่อนเพราะเธอออกมานานมากแล้ว
หญิงสาวเดินกลับมาที่ห้องทำงานของชายหนุ่ม พอเหยียบเข้าห้องมาก็รู้สึกเเปลกๆไปทันทีกลับสายตาที่จ้องมองเธอ
"ไปไหนมา"เขาเอ่ยถามอย่างเสียงเเข็ง
"ฉันไปเดินเล่นมาค่ะ" น้ำข้าวตอบเขากลับ เพราะเธอก็ไปเดินเล่นจริงๆ
"เหรอ บรรยากาศไร่ฉันดีไหมล่ะ"เสียงเข้มกัดฟันถาม
"ก็ดีค่ะ สวยด้วย" เธอตอบกลับงงๆ ที่ชายหนุ่มถามแปลกๆ พอเห็นสีหน้าท่าทางของคนตัวเล็กชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
พระอาทิตย์ตกดิน ชายหนุ่มเพิ่งทำงานเสร็จ ที่นี่สวยมากจริง ๆ เขาและเธอเดินกลับมาที่บ้าน แต่พอมาถึงก็ตกใจที่บ้านในตอนนี้ไม่เปิดไฟสักดวงจนหญิงสาวขมวดคิ้วอย่างสงสัยหญิงสาวเรียกหานาถพิจิตร เรียกหาแม่บ้านก็ไม่มีใครตอบ
ชายหนุ่มเดินไปเปิดไฟในตัวบ้าน เขาหยิบกระดาษที่ว่างอยู่ในห้องรับแขกมาอ่าน พร้อมทำสีหน้าไม่พอใจก่อนจะขย้ำทิ้งขว้างไปอีกทางแล้วขึ้นห้องไป
'แม่กับพ่อไปต่างประเทศนะลูก หลายวันกว่าจะกลับมาขอโทษที่ไม่ได้บอก ดูแลกันดีๆ เอ่อส่วนแม่บ้าน เขาลากลับบ้านนะจ๊ะ ก็หาอะไรทานกันด้วยนะจ๊ะ
ฝากถึงหนูน้ำข้าว ตาชินลูกชายแม่ชอบปวดท้องบังคับให้ทานข้าวทุกวันด้วยนะ
รักลูกทั้งสอง จากพ่อแม่'
"ห๊ะ อะไรกันเนี้ย ฉันโดนทิ้งให้อยู่กับเขาสองคนหรอ?" น้ำข้าวอ่านอย่างหัวเสีย
"จะทำไงดีๆตอนนี้คุณแม่ไม่อยู่ฉันจะทำยังไงดี ต้องตายแน่ๆถ้าอยู่กับนายนั่นสองคน"หญิงสาวบ่นออกมาพร้อมเดินไปเดินมาอย่างคิดวิตกต่างๆ นานา
ชายหนุ่มที่หัวเสียไม่ต่างกันที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับน้ำข้าวสองคน ร่างกำยำขึ้นมาบนห้องก่อนจะอาบน้ำและลงไปข้างล่าง น้ำข้าวที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะทำอะไรให้เขาและตัวเองทานดี หันไปหันมาเจอไข่ เธอเลยทอดไข่ใส่หมูสับ เอาแบบนี้ง่ายๆ ก่อน เพราะไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย หญิงสาวตกแต่งให้ข้าวหน้าไข่ทอดหมูสับแสนธรรมดาทำให้ดูน่ารับประทานขึ้นเป็นกอง
"ขอโทษนะ เย็นนี้ทานแบบนี้ไปก่อนได้ไหม" เธอพูดพร้อมมองดูหน้าอีกคน กลัวว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ผิดคาดที่ชายหนุ่มกินข้าวที่เธอทำอย่างดูอเร็ดอร่อยเพราะเขานั้นหิวเป็นบ้า ไม่คิดว่าแม่กับพ่อจะเล่นแรงแบบนี้
"ไม่นั่งกินรึไง มัวยืนอยู่นั้นล่ะ"
"อ้อ คะ" เธอรีบหย่อนก้นลงนั่งกิน แค่ไข่ธรรมดากลับทำให้น้ำข้าวอารมณ์ดีขึ้นมา ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้สายตาคมเข้มจ้องมองนิ่ง
"ต่อไปหลังจากนี้ เธอรู้ใช่ไหมต้องทำตัวยังไง งานบ้านเธอต้องดูแล กับข้าวต้องทำและก็ต้องไปส่งให้ฉันที่ห้องทำงานทุกวัน เข้าใจไช่ไหม"นฤชิตบอกเสียงดุจนดูเอาจริงเอาจังมากจนทำให้หญิงสาวนิ่งไปทันที
"ค่ะ"
"ที่เธอเคยบอกว่าจะทำงานมาใช้หนี้ฉัน ฉันจะให้เงินเดือนเธอเดือนละ ห้าหมื่น แต่เธอต้องห้ามทำผิดข้อตกลงของฉัน" น้ำข้าวนั่งคำนวณเงินที่เธอต้องใช้คืนเขาอย่างเอาจริงเอาจัง
'เดือนล่ะห้าหมื่น ปีล่ะ 6 แสน ต้องใช่หนี้ 20 ล้าน นานเกินไป แต่ถ้าขอเป็นเดือนละ แสน 1ปี ก็ล้านสอง ต้องใช่ถึง 16 ปี ตายพอดีฉัน ไม่เป็นไรที่เหลือเราก็หารายได้เพิ่ม' เธอนั่งคิดไปมา
"เอ่อคือว่าเดือนละแสน โอเคไหมคะ" น้ำข้าวต่อลอง
"ตลกไปรึเปล่า"ชายหนุ่มถามกลับทันควัน
"ฉันเอาจริง ถ้าคุณให้เดือนละแสน ฉันก็จะทำงานในบ้านและที่ไร่ด้วย" น้ำข้าวพูดต่อลอง ชายหนุ่มนั่งคิดไปมาก่อนจะถอนหายใจ
"ได้ แต่เราก็ต้องทำสัญญากันนะ "
"ค่ะ ไม่มีปัญหาขอแค่คุณไม่ใจร้ายกับฉันมากเกินไปก็พอ"
น้ำข้าวอารมณ์ดีขึ้นมาก่อนจะนั่งกินข้าวต่อ
'เดี๋ยวก็เป็นอิสระแล้ว ฉันจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ฉันต้องการ'เธอคิดในใจอย่างมีความสุข
ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มนั่งดูอาการคนตรงหน้า ก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา นักธุรกิจอย่างเขาไม่ยอมขาดทุนแน่ๆ ทุกอย่างก็ต้องมีกำไร
หลังจากทานข้าวเสร็จร่างสูงโปร่งก็ขึ้นไปบนห้อง เขาร่างสัญญาขึ้นมาเองกับมือ น้ำข้าวที่ทำความสะอาดบ้านและบริเวณที่นั่งรับประทานอาหารรออีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี
ไม่นานมากนักนฤชิตก็ลงมาก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาหาหญิงสาวพร้อมกับยื่นเอกสารสัญญาให้เธอ
"เซ็นซะ" น้ำข้าวรับมา เธอตรวจสอบข้อความทุกอย่าง อ่านอย่างละเอียดด้วยสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป
"ข้อ3 กับข้อ 6นี้ มันไม่เกี่ยวกับงานที่ฉันต้องทำให้คุณนะคะ ในสัญญาข้อ3บอกว่า ถ้าฉันทำผิดหรือทำอะไรไม่ตรงกับผู้ว่าจ้างสั่ง ต้องโดนหักเงินเดือนของเดือนนั้น ข้อ 6 ถึงลูกจ้างจะเป็นลูกจ้าง แต่ต้องอย่าลืมว่ามีหน้าที่ดูแลผู้ว่าจ้างในฐานะสามี ถ้าลูกจ้างทำผิดศีลธรรมหรือทำผิดต่อสามี สัญญานี้ถือเป็นโมฆะ ตลกไปไหมคะ" น้ำข้าวเริ่มหัวเสีย
"ผลิกข้างหลังอ่านด้วย" ชายหนุ่มทำหน้ากวนๆ ใส่พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้างอเขาก็พอใจไม่น้อย
"นี่มันอะไรกัน ข้อ10 ถ้าลูกจ้างไม่สามารถใช้หนี้ให้เเก่ผู้ว่าจ้าง จำนวนเงิน 10ล้านเงินครึ่งนึงของหนี้จำนวนเต็มภายใน 3ปี ลูกจ้างต้องเสีย ดอกเพิ่มร้อยล่ะ10 ต่อปี คุณชินนี้มันสัญญาบ้าบออะไรคะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้" น้ำข้าวโกรธที่เขาทำเหมือนเล่นตลกกับเธอหญิงสาวขว้างสัญญาทิ้งต่อหน้าต่อตาเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ไหนละ ไหนบอกว่าเก่งไง นี้ฉันให้เงินเดือนละเเสนเธอยังไม่พอใจอีกหรอ"
"คุณมัน จอมโกหก!"
"เธอก็จอมหน้าเงินเหมือนกันนั้นแหละ" เขาเดินเข้าไปบีบแขนเธอด้วยความไม่พอใจ
"เอะอะอะไร ก็บีบ ก็ทำร้ายคุณมันปีศาจ" ชินปล่อยแขนเธออย่างแรงที่เห็นอีกฝ่ายด่าว่าเขา
"แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันมีงานอื่นให้เธอทำ สนใจไหมล่ะ"สายตาคมเข้มจับจ้องมองใบหน้าสวยอย่างนิ่งเงียบ
"งานอะไร ฉันจะแน่ใจได้ไงว่าคุณไม่หลอกฉันอีก" น้ำข้าวถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เธอก็ไม่มีอะไรที่จะแย่ไปกว่านี้แล้ว
"งานนี้น่าจะเป็นงานที่เธอถนัด"
"งานอะไรคะ?" น้ำข้าวถามอย่างใจเย็นเธออยากมีงานทำมีเงินมาคืนเขาให้หมดเร็วๆ เสียที
"มีลูกกับฉัน"คำตอบของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวหน้าเสียไปทันที
"ไม่ ฉันไม่ยอม!"น้ำข้าวตกใจรีบปฏิเสธ
"นี่ ฉันไม่ได้อยากได้เธอนักหรอกนะทำเป็นสาวน้อยอ่อนต่อโลกไปได้ คนอย่างเธอคงผ่านอะไรต่ออะไรมาเยอะแล้วสิไม่ว่า เราจะมีลูกโดยให้แพทย์ช่วย ถ้าเธอมีลูกกับฉัน หนี้20ล้าน จะหายไปทันที ฉันจะให้เงินเธอเริ่มต้นใหม่อีกก้อนนึง แต่เธอจะได้เงินก้อนนี้ต่อเมื่อ เธอคลอดลูกของฉันออกมาอย่างปลอดภัยและหลังจากนั้น เราจะเป็นคนแปลกหน้ากันทันที ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะพ่อกับแม่ฉันต้องการมีหลาน ฉันไม่มีทางเลือกอื่น เธอคิดว่าไง"หญิงสาวนิ่งไป ระยะหนึ่งเธอคิดต่างๆ นานา กับคำพูดของชายหนุ่มที่บอกเธอ
"นานไปล่ะ คิดนานแบบนี้จะเอาไงก็พูดมา หรือไม่เธอก็ใช้หนี้แบบในสัญญาแรกที่ฉันให้อ่านไป"
"ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ"ตอนนี้น้ำข้าวสับสนไปหมดจะเอาไงดีกับชีวิต
"พรุ่งนี้ฉันต้องการคำตอบ ฉันง่วงล่ะ นอนก่อนนะ" ชายหนุ่มเดินขึ้นห้องไปอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายตอนนี้คิดมากแค่ไหน เขารู้เพียงแค่ว่า
เขาต้องไม่ขาดทุน!!!
คืนนี้น้ำข้าวไม่ขึ้นไปนอนบนห้องนอนของนฤชิต เธอนั่งอยู่ในห้องรับแขก คิดทบทวนต่างๆ และเรื่องที่เกิดขึ้น
"แม่คะ หนูจะทำยังไง หนูมืดแปดด้านแล้ว ฮื้อออออ อื้อออ" จู่ๆ เธอก็คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตาใสๆ ไหลออกมาจนอาบไปทั้งสองแก้มนวลเนียน เธอเครียดไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี