บทที่ 8
กลิ่นหอมคล้ายเครื่องสมุนไพรในสปาลอยคุ้งไปทั่ว หญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัวขยับตอบสนอง ความผ่อนคลายและสบายใจจนไม่อยากจะลุกลืมตาตื่นขึ้นมา กระทั่งสติดึงให้กลับเข้ามาสู่ความจริงจึงลืมตาโพล่งขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แม้จะรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้างแต่ก็พยุงร่างกายให้ลุกขึ้นนั่ง มองภายในห้องและที่เตียงใหญ่ซึ่งเธอนั่งอยู่
“ถ้าวันนี้คุณไม่ตื่นผมคงต้องส่งคุณที่โรงพยาบาลแล้วละ”
เสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณโซฟาริมระเบียงเอ่ยขึ้นทำให้มิราวดีรีบหันไปมองด้วยความตกใจ
“คุณเข้าห้องฉันมาได้ยังไงคะ”
รชตปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ห้องคุณ”
“ก็...ใช่ ไม่ใช่หรือคะ” เธอตอบเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจมากนักแม้ภายในจะไม่ต่างกันแต่ก็มีความรู้สึกว่าอาจไม่ใช่ห้องที่เธอจองไว้ และในใจก็มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ จำได้ว่าตอนนั้นถูกจับตัวไปแล้ว หรือว่า... “คุณช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ”
“คุณควรพูดขอบคุณผมก่อนนะ”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางขยับตัวลุกขึ้นเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียง “คำขอบคุณล่ะ”
มิราวดีมองชายหนุ่มที่ทวงคำขอบคุณ
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ”
รชตยิ้มที่มุมปากพลางถอนหายใจและพูดขึ้นต่อไปว่า
“คุณกำลังโดนพวกค้ามนุษย์ตามล่าเหรอ หรือว่าคุณเป็น...”
หญิงสาวเข้าใจถึงความหมายที่เขาต้องการจะสื่อออกมาจึงรีบยกมือปิดปากอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่ค่ะ !”
ชายหนุ่มสะดุ้งพลางเหล่สายตามองมือที่ปิดปากอยู่เป็นเชิงบอกให้เอามือออก
“ขอโทษค่ะ” มิราวดีเผลอตัวจึงรีบดึงมือกลับและขยับตัวออกห่าง
“ที่นี่ห้องของคุณเหรอคะ”
“ใช่ และไม่ใช่” รชตตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เพราะโรงแรมนี้เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะใช้เส้นสายของหุ้นส่วนคนอื่นเข้ามา และเขาเองก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งยากเรื่องพวกนี้ด้วย
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้หรอก”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนก้มหลบสายตาของเขา แม้ในใจจะมีคำถามอยู่แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกไปว่า บังเอิญมาช่วยเธออีกแล้วใช่หรือไม่ แล้วจัดการกับพวกนั้นอย่างไรกัน หรือว่าเขาก็เป็นพวกค้ามนุษย์ที่มีอิทธิพลเช่นกัน
“คุณกำลังคิดว่าผมก็รู้จักพวกนั้น เลยยอมปล่อยตัว” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางหัวเราะในลำคอ
มิราวดีนิ่งเงียบ ราวกับว่าชายหนุ่มอ่านใจของเธอได้
“ฉันแค่ไม่ไว้ใจค่ะ แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยฉันอีกครั้ง”
“ยังไงคุณก็ต้องโดนตามล่าเรื่อย ๆ จนกว่าพวกมันจะได้ตัว”
ใช่ ตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวเธอพวกมันไม่มีทางเลิกลาแน่นอน...
มิราวดีรู้สึกหวั่นหาทางออกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี
“ถ้าคุณอยากหาทางหนีคนพวกนั้นผมมีวิธี”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะขยับตัวเตรียมลุกจากเตียง
“วิธีอะไรคะ หรือว่าคุณจะทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย”
รชตยิ้มหัวเราะลุกขึ้นจากเตียงหันมามองหญิงสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “แต่งงานกับผมสิ แล้วผมจะปกป้องคุณเอง”
มิราวดีที่กำลังอึ้ง สมองต้องใช้เวลาในการประมวลผลกว่าที่จะรู้ถึงความหมายก็เกือบพูดโต้ออกไปไม่ถูก
“คะ...คุณ...พะ...พูดว่าอะไรนะคะ !”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เดินตรงออกไปที่ประตูห้องแล้วหันมามองหญิงสาว
“จริงสิ คุณอยากกินอะไรหน่อยไหม”
“เออ...ฉะ...”
โครก~
ยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธร่างกายก็ส่งเสียงร้องออกมาจนแทบอยากจะหนีไปให้ไกล มิราวดีก้มหน้าหลบแล้วพูดเสียงแผ่ว “กินค่ะ”
เขายิ้มที่มุมปากเดินออกไปกดสั่งอาหารจากโรงแรมทันที รอเพียงไม่ถึงสิบห้านาทีอาหารก็ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟ มิราวดีเดินออกจากห้องนอนมาเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย
“เอ่อคือ...ค่าอาหารเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจะนำมาจ่ายคุณ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างเกรงใจ ความช่วยเหลือของเขามากเกินกว่าความบังเอิญแล้วหรือไม่ มากจนเธอเริ่มรับน้ำใจของเขาไว้ไม่ได้
“ไม่ต้องหรอก” รชตนั่งลงที่เก้าอี้
เธอนั่งลงแล้วพูดว่า “ฉันเกรงใจค่ะ คุณช่วยฉันไว้หลายครั้งแล้ว”
“เงินน่ะ ผมมีเยอะแล้ว” เขาตอบ
หญิงสาวได้แต่นิ่งไม่พูด แต่ก็เป็นความจริงที่เขาดูรวยมาก ๆ เงินจำนวนน้อยแค่นี้ไม่แปลกที่ไม่สนใจ
“แล้วคุณต้องการให้ฉันตอบแทนอะไรคะ”
“แต่งงานกับผมสิ” รชตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางหยิบช้อนส้อมตักอาหารเข้าปาก “ผมยังไม่มีภรรยา”
ไม่ดีแน่ ๆ มิราวดีคิดในใจ หากว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้เพียงเพราะช่วยชีวิตไว้สองครั้ง ในโลกนี้ยังมีวิธีอื่นที่ทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณได้อยู่อีก การแต่งงานไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด !
“ไม่มีอย่างอื่นที่ฉันพอจะตอบแทนคุณได้เหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพลางมองอาหารตรงหน้าที่กินไม่ลง
“ฉันคิดว่า...แต่งงานนี่เกินไปค่ะ”
“งั้นเหรอ” เขาทำหน้าตายราวกับว่า แล้วไงล่ะ ผมสนที่ไหน
มิราวดียิ้มเจื่อน ๆ ก้มหน้ากินข้าวโดยไม่พูดอะไรอีก
รชตมองก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผมไม่รีบ”
อ่า...เขาไม่ได้ฟังเธอเลยสินะ ว่าไม่ต้องการ
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยฉันไว้” มิราวดีพูดขึ้นพลางวางช้อนส้อมลง “ถ้าในอนาคตฉันช่วยคุณได้ เรื่องอื่น ๆ ฉันยินดีช่วยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
ชายหนุ่มไม่เดินไปส่ง ไม่ปริปากพูด มองหญิงสาวเดินออกจากห้องไป เขาเพียงแค่ไหวไหล่แล้วนั่งกินอาหารที่เหลืออยู่ต่อ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรมากมาย เขาเชื่อว่าอีกไม่นานเธอต้องยอมตกลงแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน และถึงตอนนั้นชีวิตอมตะที่น่าเบื่อนี้จะได้หยุดลงเสียที
