บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

มิราวดีไปทำงานตามปกติ ก่อนหน้าที่ลาหยุดก็เขียนจดหมายลาส่งให้เจ้านายโดยบอกว่าเพื่อนสนิทที่รู้จักกันป่วยต้องเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะขาดงานไปนานหลายวันแต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียเรื่องงาน เมื่อกลับมาจึงจำเป็นต้องตั้งสติและทำงานตามเดิม

หญิงสาวพนักงานขายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งที่อายุงานน้อย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นพนักงานขายดีเด่นประจำแผนกด้วย เธอทำงานให้กับบริษัทจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมนำเข้าจากต่างประเทศ และยังมีแบรนด์ที่ผลิตขึ้นเองเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกด้วยเช่นกัน ในส่วนของเธอรับผิดชอบสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ

“พี่คะ ลูกค้าขอเราลดราคาค่ะ”

มิราวดีที่กำลังติดสายอยู่ยกมือขึ้นและคุยกับลูกค้าให้เสร็จก่อนจะหัน

มาคุยด้วย “ว่าไงจ๊ะ” 

“ลูกค้าขอลดราคาสินค้าที่จะนำเข้ามาค่ะ คือมินเองก็ต่อราคาไปที่ต่างประเทศแล้ว แต่เขาบอกว่าลดไม่ได้แล้ว เอ่อ...ถ้าไม่ลดงานนี้อาจจะโดนคู่แข่งแย่งไปก็ได้ค่ะ” ศิตราพูดบอกรายละเอียดที่ได้คุยให้กับหัวหน้าฟัง 

“คู่แข่งที่ลูกค้านำมาเทียบราคากับเราทุกปีใช่ไหม” 

“ใช่ค่ะ แต่ดูเหมือนปีนี้ทางคู่แข่งกดราคามาต่ำมาก ถ้าเราทำตามที่ลูกค้าบอกจะไม่เหลือกำไรเลยค่ะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับถอนหายใจออกมา “งั้นเอาเบอร์โทร.ลูกค้าที่เราคุยด้วยมา เดี๋ยวพี่จัดการคุยต่อเอง” 

“ค่ะ” ศิตรายื่นเอกสารให้และเดินออกไปทันที

มิราวดีค่อนข้างหัวหมุนกับงานที่ประดังเข้ามาหลายงานจนเยอะเพราะหายไปหลายวันนั่นเอง หญิงสาวสูดลมหายใจตั้งสติ นอกจากงานแล้วก็ไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นอีกเลย

หลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันก็ยังนั่งทำงานอยู่ ครั้นเวลาใกล้หมดพักเที่ยงแล้ว หญิงสาวจึงลุกขึ้นเก็บของจากโต๊ะทำงาน พอดีกับที่ศิตราเดินเข้ามา

“พี่ไม่เข้างานช่วงบ่ายใช่ไหมคะ”

มิราวดีพยักหน้ารับ “ใช่จ้ะ พี่มีออกไปพบลูกค้าน่ะ”

เธอยิ้มให้ลูกน้องเดินออกจากห้องมายังลิฟต์และตรงมาที่ลานจอดรถ หญิงสาวเก็บของที่เบาะหลังแล้วขับรถเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันก่อนจะไปพบลูกค้าตามนัดหมาย

 

ในช่วงบ่ายมิราวดีเข้าพบลูกค้าที่บริษัทแห่งหนึ่งเพื่อคุยรายละเอียดงานและเซ็นสัญญาว่าจ้างงาน เกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบใหม่ที่ต่างประเทศเพิ่งเปิดตัวมาไม่นาน รวมถึงระยะเวลาการซ่องบำรุง และการอบรมการใช้งานของผู้ที่ควบคุมด้วย หลังจากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือออกหาห้องพักที่จะอาศัยอยู่ต่อ แน่นอนว่ายังไม่หมดเวลาเลิกงาน แต่สำหรับบริษัทขอเพียงยอดขายและกำไรถึงตามที่เจ้านายต้องการก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และเธอเองก็ทำได้ดีทุกครั้งด้วย

หญิงสาวขับรถไปตามทางเพื่อแวะหาดูห้องพัก ในสมัยนี้ห้องพักเปลี่ยนไป เทคโนโลยีถูกนำมาแทนที่มากขึ้น ต่างจากสมัยก่อนตามคำบอกเล่าของคนแก่คนเฒ่ามากมาย

ยังไม่มีที่ถูกใจและราคาเหมาะสม มิราวดีไม่อยากจ่ายห้องพักราคาแพง แม้ว่าจะมีเงินจ่ายไหวแต่ส่วนตัวก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับตรงนี้ให้มาก

หญิงสาวถอนหายใจปลงตกกับชีวิต “จะกลับไปคุยกับคนนั้นก็ไม่ไว้ใจเท่าไหร่ ห้องเช่าที่ถูกใจก็แพงเกินจำเป็น เฮ้อ”

บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะขับรถกลับมายังโรงแรมอีกครั้งหนึ่ง     มิราวดีหยิบเอกสารที่จำเป็นต้องทำงานต่อติดตัวไปด้วย สองเท้าก้าวยาวตรงหมายจะไปที่ลิฟต์เพื่อเข้าไปข้างใน ทว่าหยุดชะงักลงเมื่อชายร่างใหญ่มาดักหน้า หญิงสาวมีสีหน้าตกใจ และคิดว่าคงเป็นพวกนั้นแน่นอน เธอรีบกลับตัวหมายจะวิ่งหนี แต่ก็มีคนดักล้อมรอบอยู่เช่นกัน

“พวกแก ! ช่วยด้วย !” 

เธอส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือหวังว่าจะมีคนผ่านมา

“อย่าคิดหนีอีกเลย ถึงหนียังไงก็หนีไม่พ้น” น้ำเสียงและรอยยิ้มนั้นทำให้มิราวดีกลัว พวกนี้มันเข้ามาในที่จอดรถสำหรับแขกโรงแรมได้ แสดงว่าไอ้บ้าค้ามนุษย์นั่นต้องมีเส้นสายแน่นอน 

แฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือยกขึ้นเพื่อหมายจะใช้เป็นโล่ป้องกัน แต่ผู้ชาย

ห้าคนต่อผู้หญิงเพียงคนเดียวดูก็รู้ว่าไม่มีทางรอดไปได้ มิราวดีพยายามมองหาโอกาสหลบหนี พอได้จังหวะก็รีบวิ่งผ่านพวกมันออกไปทันที สิ่งที่ปลอดภัยและหลบได้ตอนนี้คือรถของเธอนั่นเอง 

สองเท้าวิ่งเร็วไปยังรถ แต่ก็ไม่ทันเมื่อถูกรั้งตัวกระชากกลับมาจนเซ

ล้มไปที่พื้น กระเป๋าและแฟ้มเอกสารกระจัดกระจายไปทั่ว นาทีนี้ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจนร่างกายเริ่มไม่ตอบสนอง เธอไม่อยากกลับไปที่ที่สกปรกแบบนั้นอีกแล้ว หากจะต้องกลับไปสู้ขอตายตอนนี้ยังจะดีกว่า

มิราวดีขยับมือเอื้อมหยิบกระเป๋าใบใหญ่แล้วยืนขึ้นหวังจะฟาดไปที่หัวของคนที่อยู่ใกล้สุด ฟึ่บ ! 

เมื่ออีกฝ่ายหลบ เธอจึงได้จังหวะวิ่งหนีออกมา แต่...

“จะหนีไปไหน” แขนทั้งสองข้างถูกกระชากและรั้งไว้ทางด้านหลัง หญิงสาวดิ้นสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของคนเลว

“ปล่อยฉันนะ ! พวกแกมันเลว !” เธอส่งสายตามองอย่างขยะแขยงและรีบส่งเสียงดังเผื่อมีคนจะเข้ามาเห็นเหตุการณ์ “ใครก็ได้ช่วยด้วย คนพวกนี้จะจับตัวฉันไป พวกมันจะพาฉัน ปะ อื้อ” 

มิราวดีไม่มีแรงต่อต้านกำลังที่มากกว่า อีกทั้งพวกมันใช้ผ้าปิดปากไว้ไม่ให้ร้องเสียงดัง ไม่ใช่ หญิงสาวรู้ดีว่านั่นคือยาสลบ ร่างกายที่พยายามดิ้นต่อต้านจนถึงนาทีสุดท้ายก็หยุดลง

“ไปเว้ย รีบไปเร็ว” ร่างที่หมดสติของหญิงสาวถูกแบกขึ้นพาดไว้ที่บ่าของคนหนึ่ง และตรงไปยังรถที่จอดอยู่แต่ทว่าก็หยุดชะงักลงเมื่อเห็นชายรูปร่างหน้าตาดีมายืนขวางไว้

“ผมคงให้เธอไปกับพวกคุณไม่ได้” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพเยือกเย็น นัยน์ตานิ่งมองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่สะทกสะท้านหรือรู้สึกเกรงกลัว รอยยิ้มเปรยออกมาบนใบหน้า “ผมให้เวลาคุณปล่อยเธอไว้แล้วหนีไปซะ”

“เห้ย มึงเป็นใครวะ ถอยไปซะดี ๆ ถ้าไม่อยากตาย” 

รชตมองด้วยสายตานิ่ง ๆ แล้วยิ้มออกมา 

“มึงพาสินค้าไปส่งก่อนเดี๋ยวกูตามไป” ชายอีกคนพูดขึ้นแล้วสกัดรชตเอาไว้โดยให้คนอื่นรีบพาหญิงสาวขึ้นรถ 

ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ถูกอุ้มขึ้นรถไป เขาไม่รีรอที่จะจัดการคนที่ยืนขวางอยู่ทันที คนที่ตัวใหญ่กว่าไหนจะสู้กำลังจากเขาได้กัน มือของรชตบีบเข้าที่คอของอีกฝ่ายอย่างไร้ปรานี แต่ก็ไม่ได้หมายจะเอาชีวิต ดวงตาที่เยือกเย็นมองคนที่กำลังดิ้นกลัวความตายอย่างสมเพช 

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าคนหรอก” 

เป็นไปตามคำพูดแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายเกือบถึงแก่ความตาย รชตใช้แรงเหวี่ยงชายร่างใหญ่ออกไปกระแทกกำแพงก่อนที่จะรีบเข้าไปหยุดรถที่ขับอยู่ เขาเปิดประตูและจัดการตัวเกะกะที่ขวางอยู่ก่อนจะอุ้มตัวของหญิงสาวลงจากรถมาโดยไม่ลืมทิ้งท้ายไว้ว่า

“แล้วก็ฝากไปบอกเจ้านายพวกคุณด้วยนะ ถ้ายังไม่อยากตายก็อย่ามายุ่งกับเธอ คราวหน้าเจอผมอีก อาจจะไม่ใช่แค่เจ็บตัว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel