5 เพื่อนร่วมบ้าน [สามีปีจอ]
5
เพื่อนร่วมบ้าน
อัยย์ญาดามองบ้านที่ตัวเองต้องขนของมาอยู่แล้วถอนหายใจอย่างโล่งใจ เพราะที่ชั้นสองมีแยกเป็น 2 ห้อง อย่างน้อยอลินดาก็ไม่ได้คิดจะบังคับจับชิงสุกก่อนห่ามอะไรขนาดนั้น และอดไม่ได้ที่จะนับถือความทุ่มเทของพ่อแม่อชิระ พอนึกถึงวันที่สุดท้ายเธอกับเขาต้องเอ่ยปากปฏิเสธและยกเลิกความสัมพันธ์ปลอมๆ ก็รู้สึกผิดเหมือนกันแฮะ
“นี่คุณ! ยืนสบายเชียวนะ!” อชิระที่ลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาเอ่ยค่อนขอด ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะช่วยกันลำเลียงของอย่างอื่นเข้ามา
“ขอโทษนะคะที่ฉันเอาของมาน้อย เลยขนเสร็จไว” อัยย์ญาดาพูดหน้าตาย ก่อนจะยกมือรับไหว้ผู้หญิงวัยกลางคนที่เดินตามหลังอชิระกับลูฟาเข้ามา
“ป้าชื่อป้ามาลีนะคะ นายหญิงให้ป้ามาเป็นแม่บ้านคอยดูแลบ้านช่วยคุณทั้งสองค่ะ”
“อ๋อ ดีเลยค่ะ” อัยย์ญาดาเอ่ยพร้อมกับยิ้มสดใสทำให้มาลีนึกชื่นชม ขณะที่อชิระได้แต่บ่นในใจ
ทุกคนเป็นอะไรไปกันหมด ถึงได้เห็นว่ายัยนี่เป็นคนดี!
จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มเดินสำรวจไปตามบริเวณต่างๆ ของบ้านแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ คิดซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศจากคฤหาสน์มาอยู่บ้านพักตากอากาศชิคๆ คูลๆ ละกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตที่ต้องอยู่ห่างไกลเอเดรียนกับกาญจนาสักหน่อย
พอใกล้ถึงตอนเย็น มาลีก็มาถามคนทั้งคู่ที่แยกกันเข้าห้องของใครของมันว่าอยากกินอะไรแล้วไปทำให้ อัยย์ญาดาพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกับอชิระ จึงเป็นเหตุให้ทั้งสองคนมานั่งจับเข่าคุยกันอีกครั้ง
“คุณว่าใช่ใช่ปะ?” อัยย์ญาดาเป็นฝ่ายถามก่อน
“ใช่อะไร?”
“สปายไงคะ” เธอเอ่ยอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าอชิระยังจะมาจงใจกวนประสาทในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
“ป้ามาลีสินะ...” เขาเว้นช่วงสักพักแล้วเปรยต่อ
“ป้าแกก็อยู่ทำงานที่คฤหาสน์มาตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้ว ก็ไม่อยากสงสัยอะไรหรอก แต่มันมีความเป็นไปได้น่ะสิ”
“แบบนี้จะเคลื่อนไหวหรือทำอะไรก็ต้องระวังหน่อยแล้ว...” อัยย์ญาดาพึมพำอย่างใช้ความคิด
“ถ้าคุณจะนัดสาว เป็นไปได้อย่าโทรนะ ส่งข้อความเอา”
“ของมันแน่อยู่แล้วคุณ” อชิระเอ่ย พลางออกความเห็น
“ผมคิดว่าบางทีพวกเราอาจจะต้องแกล้งเล่นละครสร้างโมเมนต์ขยับเข้าหากันนิดๆ หน่อยๆ ฟีลเหมือนหนุ่มสาววัยแรกแย้มที่พยายามจะทำความรู้จักกัน”
“ใช่เลย แต่จะทำยังไงให้ไม่ดูเฟคล่ะ”
“นั่นแหละปัญหา” เขาตอบพร้อมกับทอดถอนใจ ไม่ต่างกับอัยย์ญาดา
“พวกเราไม่น่ามาเจอกันก่อนหน้านั้นเลย” อชิระบ่นออกมา เอาเข้าจริง นอกจากเรื่องสกิลปากที่พูดตอบโต้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องอย่างอื่นอัยย์ญาดาก็ไม่มีที่ติ จัดว่าเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจคนหนึ่ง
“แต่ฉันว่าก็ดีแล้วนะคะ” อัยย์ญาดากล่าว เพราะพอมาคิดไปคิดมาเธอก็เริ่มเห็นข้อดี
“ดียังไง?”
“ฉันก็ได้รู้ไงคะว่าจริงๆ คุณเป็นคนยังไง” เธอเอ่ย
“ไม่อย่างงั้นฉันอาจจะหลงคารมคุณแบบผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ได้”
“งั้นนี่ก็เป็นข้อดีสำหรับฉันเหมือนกัน” อชิระตอบกลับเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า แต่อัยย์ญาดาก็ยังคงมีท่าทางชิวๆ
“ค่ะถือว่าพวกเราวินๆ”
อชิระทำได้เพียงถอนหายใจอย่างฮึดฮัดแล้วเลิกต่อปากต่อคำเพราะยิ่งพูดก็เหมือนตัวเองเป็นฝ่ายจนตรอก ถึงท่าทีของอัยย์ญาดาจะไม่ดูกวนประสาท แต่เขารู้สึกว่าไอ้คำว่าวินๆ นี่แสลงหูและชวนโมโหชะมัด...
--------------------------
ชีวิตคู่หมั้นกำมะลอดูจะเริ่มต้นกันไปด้วยดีและเรียบง่ายกว่าที่คิด เพราะส่วนมากต่างคนต่างไม่ยุ่งกัน จะมีบางครั้งที่ส่งยิ้มทักทายพูดกันหวานๆ ยามเห็นมาลีมองมา แน่นอนว่ารวมถึงตอนที่อัยย์ญาดากลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่และพ่อกับแม่ของทั้งคู่แวะเวียนมา
ถ้าอชิระไม่แกล้งอะไรเธอ เธอก็ไม่แกล้งเขาอยู่แล้ว
เอาเข้าจริงอีกฝ่ายก็ไม่ได้นิสัยแย่อะไรมาก ถ้าไม่นับเรื่องที่เจ้าชู้น่ะนะ หลายครั้งเพื่อไม่ให้มีพิรุธ เธอต้องแกล้งออกไปข้างนอกกับเขาในวันที่อชิระมีนัดกับสาว จากนั้นก็แยกตัวไปทำอย่างอื่น
“ฉันต้องแสดงความยินดีกับเธอไหมเนี่ย?” วรรณฤดีพึมพำอย่างไม่มั่นใจในตอนที่มาเที่ยวร้านกาแฟกับเพื่อนสาวและได้รู้เรื่องที่อัยย์ญาดามีคู่หมั้นแล้ว กระนั้นเธอก็เลือกที่จะไม่บอกว่าความสมานฉันท์ของเธอกับอชิระเป็นแค่ละครที่เล่นตบตาอลินดาเท่านั้น
“ไม่รู้สิ ฉันเฉยๆ น่ะ” คู่สนทนาเอ่ยเสียงเรียบ พลางพูดพร้อมกับยกนิ้วชูแหวนให้ดู
“แต่ก็ดีมั้ง ได้แหวนมาตั้งวงนึง”
“ดีแล้ว ฉันก็เป็นห่วงเธออยู่” กิรณากล่าว
“แหวนสวยดีนะ” วรรณฤดีเอ่ย อัยย์ญาดาพยักหน้ารับแล้วถามกลับ
“แล้วกับจ้าวหมิงเป็นยังไงบ้าง?”
“มีคุยกันต่อไม่ถึงเดือนแล้วก็เลิกไปเลยน่ะ” วรรณฤดีตอบ
“เขาไม่ทักมา ฉันก็เลยไม่กล้าทักไปน่ะ แหะๆ” กิรณากล่าวบ้าง ก่อนจะยิ้มแหยๆ
“ไม่เป็นไรนะเพื่อนๆ ฉันเชื่อว่าผู้ชายดีๆ บนโลกใบนี้ยังมีอีกเยอะ ดีไม่ดีหลังเรียนจบไม่ถึงปี อาจมีคนได้สละโสดก็ได้น้า” อัยย์ญาดาพูดปลอบ
“น่าจะเธอแหละอัยย์ญ่า” วรรณฤดีแซว
“ไม่มีทางหรอก” อัยย์ญาดาพูดพร้อมกับยกชาขึ้นจิบ ขณะที่กิรณาพูดต่อ
“แต่ระหว่างเรียนก็อยากจะมีโมเมนต์ให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้างนี่นา”
เธอเนี่ยนะพยายามหาสุดๆ แล้ว แกล้งเดินสะดุดลานเกียร์ แกล้งไปหอสมุดของคณะแพทย์ยันร้านเสื้อกาวน์ เดินวนแถวๆ แปลงเกษตร แต่ๆๆ ยังไม่ได้พบรักกับใครเลย เป็นท้อจริงๆ
“โอ๋เอ๋น้าทับทิม ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวไปมูกับกลิตเตอร์ก็ได้”
“ไม่ค่อยช่วยเลยนะ” กิรณากล่าวเซ็งๆ
“เดือนหน้าก็เปิดเทอมแล้วสินะ” อัยย์ญาดาพูดพร้อมกับทอดถอนใจ
“ใช่ เห็นว่าจะมีเรียนวิชาของศาสตราจารย์สิริณาด้วย ได้ยินรุ่นพี่บอกจารย์โหดมาก ปล่อยเลทตลอด ไม่เคยยกคลาสเปล่า ต้องมีเรียนชดเชย” วรรณฤดีพูดด้วยสีหน้าตระหนก
“แบบนี้มือต้องไว จะได้ลงกลุ่มย่อยอื่นทัน” กิรณากล่าว
“ได้ที่ไหนล่ะยัยทิม วิชานี้มีแกสอนคนเดียว” วรรณฤดีดักคอ
“โอ้ม่ายน้า” คู่สนทนาพูดพลางยกมือกุมขมับ เหนือสิ่งอื่นใดคือดันมีเรื่องตัวเลขมาเกี่ยวข้องอีก
งานนี้ไม่ตายก็สาหัสแล้วล่ะ
“3 เดือนเองทิม อดทนหน่อยนะ” วรรณฤดีลูบหลังปลอบใจเพื่อนรัก
“มีพวกเราทั้งคน งานนี้แกต้องรอด!” อัยย์ญาดาพูดพร้อมกับชูมือขึ้น
“ขอบใจมากทุกคน เอาเป็นว่าระหว่างนี้ฉันก็จะทำใจให้สบายๆ แล้วหาผู้หล่อๆ ในซีรีส์มาดูสักคน”
“ถูกต้องแล้วเพื่อน”
ก่อนที่อัยย์ญาดาจะยื่นช้อนให้แล้วเชิญชวน
“มีอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยได้นะ ชีสเค้ก”
“ช่วยเพิ่มแคลอรีและทำให้อ้วนน่ะสิ” วรรณฤดีพูดพลางส่ายหน้า
“แต่ก็อร่อยน้า” อีกฝ่ายยังคงหว่านล้อม
“ช่วยไม่ได้นี่เนอะ” วรรณฤดียักไหล่ จากนั้นก็ตักเค้กกิน กิรณาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก่อนที่ทั้งคู่จะกินขนมกันอย่างเพลิดเพลิน
“ฉันไปก่อนนะ” อัยย์ญาดาพูดกับเพื่อนๆ เมื่อเห็นรถหรูสีดำเมื่อมติดฟิล์มทึบปรากฏอยู่หน้าร้าน เหลือบดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ตรงกับที่อชิระบอกไว้พอดี
“อิจจังเลย คนมีคู่หมั้นคอยดูแลเนี่ย”
“เขาก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นแหละ” อัยย์ญาดาเผาให้เพื่อนฟังแล้วแยกจากไป
“ไว้เจอกันจ้า” ทั้งคู่พูดพร้อมกับโบกมือให้...
--------------------------
“ขอบใจ” อัยย์ญาดาเอ่ยพอเป็นพิธีขณะนั่งลงแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย
“เฮอะ!”
“ถือว่าวินๆ กันไง คุณก็ได้ไปใช้เวลาร่วมกับสาวนี่ ชื่ออะไรนะ...” อัยย์ญาดาพึมพำ
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ค่าๆ คุณคู่หมั้นปลอมๆ อย่าให้เดือดร้อนมาถึงฉันละกัน” เธอกล่าวพร้อมกับหันหน้าไปอีกทาง ก่อนจะถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“คืนนี้ฉันต้องไปกับคุณด้วยไหม?”
“ไม่อะ แค่ถ้าแม่ฉันถามก็ช่วยยืนยันให้ก็พอว่าฉันไปคุมคลับกับเพื่อน” อชิระเอ่ย คู่สนทนาพยักหน้ารับและไม่ได้ชวนเขาพูดคุยอะไรอีก หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่มาลีทำให้ร่วมกับอัยย์ญาดา อชิระก็นั่งเคลียร์งานสักพัก ก่อนจะออกไปหาจ้าวหมิงกับฟิลิปเป้
“เสียใจด้วยนะเพื่อน” อชิระพูดกับจ้าวหมิงหลังจากเขารู้แล้วว่าน้องดาที่เล็งไว้คือคนเดียวกับผู้หญิงที่กลายมาเป็นคู่หมั้นจำเป็นของเพื่อน
“ฉันสิต้องพูดคำนั้นกับแก” จ้าวหมิงเอ่ยยิ้มๆ
“เป็นไงล่ะ คำทำนายแม่นปะ!?”
“เพ้อเจ้อ” อชิระกล่าว
“จะรอดูละกัน” ฟิลิปเป้ที่นั่งเท้าแขนเอ่ยยิ้มๆ
“ถ้าจบกันแล้ว เดี๋ยวยกให้ตามสบายละกัน” อชิระเอ่ย
“ไม่กินต่อของจากเพื่อนครับ” ฟิลิปเป้ปฏิเสธทันที
“นี่ก็ยังไม่ได้กินสักหน่อย แค่สถานะปลอมๆ” คู่สนทนากล่าวโดยเน้นคำว่าปลอมตรงท้ายประโยค
“จะรอดู” คู่สนทนายืนยันคำเดิมแล้วโอบเอวสาวที่เรียกมานั่งดื่มเป็นเพื่อน ขณะที่จ้าวหมิงหันไปรับเหล้าแก้วใหม่จากสาวสวยที่นั่งข้างตัวเอง
“แต่ฉันว่า...เชื้อกลัวเมียของแกเริ่มทำงานแล้วนะ”
“บ้า!” อชิระแย้ง
“ถ้ากลัวแม่อะอันนี้ยอมรับ”
“เหอะๆ” เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมา...
