Chapter 4 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เจ้าสัวลอบยิ้มพอใจ ทุกอย่างเข้าแผนของเขาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องหาทางดัดนิสัยร้ายๆ ของหลานสาวคนนี้ ก่อนที่เธอจะหลงระเริงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ดูว่าวัยขนาดนี้ยังไม่มีท่าทีจะมีแฟนกับเขาสักคน
“งั้นก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ปู่จะเลื่อนเวลานัดทนายออกไปให้อีกสักสัปดาห์ เผื่อเวลาให้แกได้ตัดสินใจว่าอยากได้เพียงส่วนเดียวหรือสองส่วนกันแน่” คนเป็นปู่บอกเสียงเนิบนาบ แต่ก็ยังเร่งระยะเวลาให้อยู่ในกรอบกระชั้นชิดอยู่ดี เขาไม่อยากปล่อยเวลาให้หลานสาวได้ตั้งตัว เพราะถ้าขืนปล่อยให้เธอได้ตั้งหลักวางแผนทัน เธอคงสร้างเรื่องคงป่วนให้ปวดหัวอีกหลายเรื่อง
“สักเดือนไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวต่อรอง
“ไม่ได้หรอก ปู่ต้องไปบ้านสวนคุณผิงที่เชียงใหม่ ทุกฤดูหนาวปู่ต้องไปอยู่ที่นั่น และกำลังวางแผนเอาไว้ หากจัดการทุกอย่างเสร็จจะย้ายไปอยู่ที่นั่นอย่างถาวร” เจ้าสัวปราณรีบตัดบท
“แต่...ปู่เล็ก” หญิงสาวเตรียมอ้าปากจะค้านต่อ หากมือหนักๆ ของปู่เจ้าสัวปราณก็วางทับเอาไว้บนบ่าหลานสาวและพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ตามนั้นนะมิรา...ปู่ยังรักมิราที่สุด และมั่นใจว่าทิ้งสมบัติไว้ให้มิรามากเกินกว่าที่จะใช้หมดในชาตินี้”
“ค่ะ” มิราตอบรับเสียงเบา แม้ในใจจะคัดค้านสุดฤทธิ์
“แล้วอาเล็กกับอาใหญ่ของมิราไปไหนเสียล่ะคะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ไม่วายเหน็บแนม อาใหญ่ก็คงจะหมายถึงปถวี ส่วนอาเล็กก็คงหนีไม่พ้นเด็กฝาแฝดสองคนในวัย 6 ขวบที่มีศักดิ์เป็นอาของเธอตามลำดับญาติ
“น้องๆ ไปโรงเรียนยังไม่กลับ ส่วนปถวีก็อยู่ที่ฟาร์ม หรือว่าเหมืองปราณปุรานั่นแหละ” ชายชราเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานลูกสาวสองคนให้หญิงสาว แต่ชื่อของคนในประโยคหลังเขาบอกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
หญิงสาวแอบเบือนหน้าเบ้ปากเบื่อๆ ยิ่งย้ำร้อยอาฆาตเอาไว้ แต่เธอก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติและหันกลับมาบอกปู่เล็กของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อย่างนั้นเองหรือคะ เมื่อไม่ได้เจอใครมิราขอตัวก่อนนะคะ อยากพักเต็มที”
เจ้าสัวพยักหน้าให้หลานสาว มองตามแผนหลังเธอด้วยแววตามุ่งมั่น หวังว่าปถวีจะช่วยดัดนิสัยดื้อรั้นไม่ยอมใครของมิราลงได้บ้าง
บนโต๊ะอาหารของบ้านในเช้าของวันถัดมา เจ้าสัวนั่งจิบกาแฟเพียงลำพังอยู่ที่หัวโต๊ะ มิราลากกระเป๋าใบเขื่องที่ไม่แตกต่างจากสภาพขนย้ายเมื่อวานเดินลงมาด้วย
“คนบ้านนี้ยังไม่ตื่นหรือคะ” หญิงสาวทักกึ่งเหน็บแนม ทั้งที่ปกติเวลาไม่มีงาน ตัวเองก็ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสักครั้ง
แต่เพราะความเคยชินกับสภาพอากาศของมิลานที่เวลาช้ากว่าเมืองไทยห้าชั่วโมง ทำให้เช้านี้ที่เมืองไทยของเธอเกิดขึ้นเช้ากว่าปกติ หรือจะพูดได้เต็มปากว่าเธอไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ตั้งแต่เมื่อคืน
หญิงพยายามคิดหาแผนเด็ดๆ ที่ทำให้คนพวกนั้นกระเด็นออกไปจากบ้านโดยที่ตัวเธอยังคงสภาวะนางเอกแสนดี แม้กระทั่งหาเบอร์โทรศัพท์ที่เหมืองและโทรไปสั่งให้ปถวีส่งคนมารับ ทั้งที่สามารถให้รถที่คฤหาสน์ไปส่งได้ แต่เพราะอยากประกาศให้ปถวีรู้ว่าเธอเป็น
เจ้าของตัวจริง และมีอำนาจมากที่สุด
เจ้าสัวละสายตาออกจากหนังสือพิมพ์ในมือ เขาพับและวงมันลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองหลานสาว ถามด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ถามเหมือนกำลังจะหาเรื่อง ต้องการคำตอบหรือเปล่าละ”
“ถาม...ก็ย่อมต้องการคำตอบสิคะ”
ชายสูงวัยที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพยักหน้าเบาๆ “คุณผิงกำลังแต่งตัวให้เด็กๆ ไปโรงเรียน” เขาตอบก่อนที่จะกวาดสายตามองหลานสาวและกระเป๋าอีกหลายใบของเธอ
“แล้วนั่นเราจะไปไหน หรือจะไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อน” เจ้าสัวถามอย่างแปลกใจ มิราเพิ่งกลับมาเมื่อวาน แต่ตอนนี้เธอก็กำลังลากกระเป๋าราวกำลังอพยพ ไม่แตกต่างจากเมื่อวานสักเท่าไร
“เปล่าค่ะ”
“หรือเราจะกลับมิลาน”
“ไม่อีกนั้นแหละค่ะ”
“แล้วจะไปไหนล่ะ” ชายสูงวัยถามเสียงอ่อน
“มิราจะไปเหมือง” เหมืองที่มิรากำลังพูดถึงคือเหมืองปราณปุรา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจรไปแล้ว
“ไปทำไม” เจ้าสัวถามอย่างแปลกใจ มองภาพไม่ออกว่ามิราจะไปที่เหมืองทำไมตอนนี้ เขาประเมินเอาไว้คร่าวๆ ว่ามิราต้องเหวี่ยงโวยวายบ้านแทบพัง จนต้องเตรียมวางแผนตั้งรับเอาไว้เนิ่นๆ แต่กลับผิดคาดจากที่เขาคิดไปมาก
เจ้าสัวปราณไม่เคยคิดเอาไว้ว่าหลานสาวจะไปที่เหมืองเก่าปราณปุรา จากที่รู้จัก...มิราเกลียดไอแดดเป็นที่สุด และที่สำคัญเธอไม่เคยได้เหยียบย่างกลับไปนับตั้งแต่วันที่เขาพาก้าวออกมา
“มิราก็อยากเห็นอาณาจักรที่มันสมควรจะเป็นของมิราทั้งหมด แต่วันนี้มันจะตกเป็นของคนอื่น มิราอยากไปไหว้บรรพบุรุษและขออโหสิกรรมพวกท่านเหล่านั้น”
เจ้าสัวพยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้เขาคงเตรียมแผนรับมือไม่ทัน ได้แต่หวังว่าปถวีจะจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“จะไปอย่างไร ให้รถที่บ้านไปส่งไหม”
“มิราโทรไปเรียกรถที่เหมืองมารับแล้วค่ะ” หญิงสาวยกข้อมือดูนาฬิกา “อีกไม่ถึงสิบนาทีคงมาถึง เพราะมิราสั่งไว้ว่าห้ามเลทแม้แต่วินาทีเดียว”