บทที่ 2 ฉันไม่ได้ฝันไป
“หม่ามี้ ตื่นได้เเล้ว จะสายแล้วนะ ผมทำอาหารเช้าไว้ให้คุณแล้ว รีบลุกเร็ว เดี๋ยวเราจะไปสายนะ” เบนจามินเขย่าตัวของเซลีนจนเธอรำคาญ เธอค่อย ๆ ลืมตามองสามีด้วยอาการงัวเงีย
“แด๊ดดี้ค่ะ จะรีบปลุกหม่ามี้ทำไมคะ คนกำลังฝันดีเลยเชียว” เซลีนบ่นเบนจามินด้วยอาการเสียดาย
“หม่ามี้ วันนี้เรามีนัดกับ Council * นะ คุณจำไม่ได้เหรอ ผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เลยลุกมาทำอาหารเช้าไว้ให้คุณ”
Council เปรียบเทียบกับที่ประเทศไทยคือที่ว่าการอำเภอ จะดูแลประชาชนในพื้นที่ทุกเรื่อง จะแบ่งย่อยออกไปเป็นแต่ละแผนกอีกที
‘มีนัด ใช่แล้ว วันนี้ฉันกับคุณเบนมีนัดกับ council เกี่ยวกับการทำเรื่องรับบุตรบุญธรรมนี่นา’
เป็นเพราะเราไม่สามารถมีลูกได้ตามธรรมชาติ เซลีนกับเบนจามินจึงไปทำเรื่องรับบุตรบุญธรรมกับทางรัฐไว้ ซึ่งเราต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ ทั้งความพร้อมด้านการเงิน สังคม บ้าน หน้าที่การงาน กว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่จะได้เจอเด็กครั้งแรก ก็ผ่านมาเกือบจะสามปีแล้ว
เราสองคนตกลงกันว่าจะแทนตัวเองว่า หม่ามี้กับแด๊ดดี้มาตั้งแต่ สิบปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เราสองคนพยายามมีลูกกัน เพราะเชื่อว่าถ้าทำ แบบนี้ ไม่นานเราคงได้สมหวัง
แต่สุดท้ายเราก็ไม่เคยสมหวังเลย แต่เราก็เรียกกันแบบนี้จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“โอเคค่ะ ขอเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนะคะ หม่ามี้พร้อมเดินทางค่ะ”
เซลีนบอกเบนจามินก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอรีบทานอาหารเช้าพร้อมกับเบนจามินที่นั่งมองหญิงสาวด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
“อย่ามองฉันแบบนี้สิคะ กินไม่ลงนะเนี้ย” เซลีนยิ้มแซวสามี
“อ้อ ขอโทษ ผมตื่นเต้นไปหน่อย” เบนจามินยิ้มที่มุมปาก
พอเซลีนกับเบนจามินทำกิจกรรมยามเช้าจนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พร้อมออกเดินทาง ซึ่งพวกเขามาถึงก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง และเบนจามินเองก็ดูตื่นเต้นมาก ๆ เซลีนแอบสังเกตได้ว่าสามีนั่งด้วยท่าทีกระสับกระส่ายพลางขยับตัวหยุกหยิกตลอดเวลา จนเซลีนอดไม่ได้ต้องเอื้อมมือไปจับมือของเบนจามินไว้ แล้วบอกให้เขาใจเย็น ๆ ไม่ต้องตื่นเต้น
แต่เซลีนเองก็เข้าใจ เพราะเบนจามินเองอยากมีลูกมาก ยิ่งเวลาช่วงคริสต์มาสจะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน เขาจะเจอกับหลานๆ เขาก็จะเห่อหลาน ๆ เห่อเด็ก ๆ มากเป็นพิเศษ และคอยตระเตรียมของขวัญไว้มากมาย เพื่อให้หลาน ๆ ยิ่งเวลาที่ได้วิดีโอคอลกับเด็ก ๆ ยิ่งทำให้เขายิ้มได้ตลอด
ผ่านไปแค่สิบห้านาที ก็มีเจ้าหน้าที่มาพบและพูดคุยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการพบเด็ก ถ้าพวกเราโอเค เราก็สามารถพาเด็กกลับบ้านไปได้เลยวันนี้
เด็กจะอยู่กับพวกเราเป็นเวลาสามเดือนก่อน ในขั้นตอนนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเยือน พูดคุย และประเมินสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ถ้าผ่านไปหนึ่งปีแล้วไม่มีปัญหาอะไร ถึงจะเป็นสิทธิ์ของพ่อแม่อย่างแท้จริง แต่ก็จะมีการประเมินเป็นครั้ง ๆ ไป ซึ่งพวกเราได้เตรียมห้องนอน ของใช้จำเป็นต่าง ๆ ไว้ให้ลูกพร้อมหมดแล้ว
“ทางเรามีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนตัวเด็กที่ทางคุณได้ ตกลงไว้ เพราะเด็กได้ถูกพ่อแม่ที่แท้จริงรับไปอุปการะเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองคนสนใจจะรับอุปการะเด็กคนอื่นหรือไม่คะ? ฉันมีรายชื่อและรูปเด็กให้พวกคุณดูก่อนค่ะ”
เซลีนหันไปมองหน้าเบน เพื่อปรึกษากันว่าจะทำไงดี เพราะเด็กที่พวกเราเลือกไว้ตอนแรกนั้นเป็นเด็กหญิงอายุประมาณ 4-5 ขวบ หน้าตาน่ารัก นิสัยเรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับไปเป็นลูก แต่เซลีนเองก็ดีใจที่เด็กคนนั้นได้เจอพ่อแม่ที่แท้จริง ซึ่งคงดีกว่าอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมเป็นไหนๆ
“พวกเราตัดสินใจว่าจะลองเลือกดูเด็กคนใหม่ค่ะ เพราะทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว และพวกเราก็ตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มค่ะ”
เซลีนบอกกับเจ้าหน้าที่ไป
“เยี่ยมเลยค่ะ นี่คือประวัติและรายชื่อของเด็ก ๆ ที่เราคัดเอาไว้ให้นะคะ ลองดูก่อนได้เลยค่ะ ถ้าตัดสินใจได้อย่างไรก็สามารถบอกกับฉันได้เลยนะคะ” เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารไว้ให้เราสองคน
“ขอบคุณค่ะ/ครับ” เซลีนและเบนจามินกล่าวบอกเจ้าหน้าที่
“ยินดีค่ะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อน เชิญคุณตามสบายได้เลยค่ะ คุณทั้งสองไปนั่งดูรายชื่อได้ที่ห้องรับรองนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกเราว่าต้องทำอย่างไร ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ
เบนจามินหยิบประวัติและรายชื่อขึ้นมา จับมือเซลีนแล้วเดินไปห้องรับรองที่เจ้าหน้าที่บอกไว้
ทั้งสองคนเลือกเปิดประวัติดูเด็กไปทีละคน ๆ จนมาถึงแฟ้มสุดท้าย เซลีนก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะรูปเด็กชายคนที่ปรากฏอยู่ในเอกสารนั้น มองอย่างไรก็คือแดเนียลตามที่เธอฝันเห็นเมื่อคืนนี้ เหมือนถอดแบบกันมาไม่มีผิด และมันยิ่งน่าตกใจเข้าไปใหญ่ เมื่อเซลินได้อ่านชื่อเด็กขายซึ่งชื่อก็ดันตรงกันอีก
“แดเนียล โธมัธ วิทตั้น” เซลีนเอ่ยชื่อออกมา
พร้อมไล่นิ้วไปตามข้อมูลของเด็กชายคนนั้น เด็กชายมี อายุ 5 ขวบ แถมยังเกิดเดือนมิถุนายนตรงกันกับเธออีกด้วย บิดามารดาไม่ปรากฎ มีคนนำมาวางไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พร้อมกับสร้อยคอที่มีจี้เงินเป็นดอกกุหลาบดำ เด็กชายเป็นเด็กที่ฉลาด ดูแลตนเองได้ดีระดับหนึ่ง
เซลีนมองเอกสารตรงหน้า รู้สึกถึงมือไม้ที่เย็นเฉียบไปหมด เธอรีบหันไปมองเบนจามินทันที
“หม่ามี้ชอบเด็กคนนี้ค่ะ” เธอเอ่ยด้วยแววตาเปล่งประกาย
เบนจามินเลยรีบแทรกตัวเข้ามาอ่านประวัติของเด็กชายแบบไม่รีรอ
“หม่ามี้มีลางสังหรณ์ใจว่าเด็กคนนี้จะนำความโชคดีมาสู่พวกเรา ในอนาคต แด๊ดดี้ว่ายังไงคะ เห็นด้วยกับหม่ามี้มั้ย?”
เซลีนถามพลางกอดแขนของเบนจามินเอาไว้ เธอรอให้เขาตอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มของเบนจามินจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ตกลง แด๊ดดี้ตามใจหม่ามี้ ถึงแม้ว่าเราอยากได้เด็กผู้หญิง แต่ได้เด็กชายก็ไม่เป็นไร จะได้เอาไว้เล่นฟุตบอลกัน” เบนจามินยิ้มพร้อมลูบผมของเซลีนด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะแด๊ดดี้” เซลีนรีบหอมแก้มสามีเป็นการขอบคุณ
เมื่อเธอและสามีตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสองเลยไปพบเจ้าหน้าที่ อีกครั้ง พร้อมกับแจ้งว่าพวกเขาตกลงเลือกแดเนียล เจ้าหน้าที่เลยให้ทั้งสองไปรอที่ห้องรับรอง เพื่อทำการติดต่อไปที่บ้านอุปถัมภ์ Foster Home ** และนัดหมายว่าจะไปเจอเด็กได้หรือไม่ในวันนี้
“คุณสามารถเจอแดเนียลได้วันนี้ค่ะ” เธอหันมาบอกข่าวดีกับเราสองคน
เซลีนและเบนจามินกุมมือกันจนแน่น เพราะตื่นเต้นมากที่จะได้เจอกับเด็กชายที่แสนน่ารัก
*****
เบนจามินและเซลีนขับรถออกจาก council ไปไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ไปถึง Foster home แห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่พาพวกเขาและเจ้าหน้าที่รัฐไปยังห้องรับรองพร้อมบอกให้นั่งรอก่อน
“เดี๋ยวดิฉันไปตามแดเนียลมาพบพวกคุณนะคะ รอสักครู่ค่ะ”
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงวัยเกือบ 50 ปี เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนจะเดินหายไปจากห้อง
เซลีนและเบนจามินตื่นเต้นมาก ๆ จนเหงื่อออกตามมือเต็มไปหมด เซลีนควานหากระดาษมาซับเหงื่อที่มือ แล้วเพิ่งสังเกตว่าเห็นแหวนไพลินล้อมเพชรที่อยู่ที่นิ้วชี้ข้างขวา เธอตกใจมาก ทั้งแฟ้มเด็กชาย ไหนจะเรื่องของแหวนที่่มือขวาอีก มันทำให้เซลีนยิ่งตกใจและดีใจปนเปกันไปหมด ทั้งหมดนี่ไม่ใช่แค่ความฝันที่เซลีนเพ้อไปคนเดียวแน่ แต่มันคือเรื่องจริง ที่เธอได้พรจากท่านเทพ และยังได้รับลูกเทพมาเป็นลูกจริง ๆ อีกด้วย
เซลีนนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง จนมั่นใจได้ว่าอารมณ์ของตัวเองเป็นปกติแล้ว จึงหันไปหาเบนจามินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“แด๊ดดี้คะ? คุณเห็นอะไรที่อยู่บนมือฉันไหม” เซลีนถามพร้อมยกมือข้างขวาให้เบนจามินดู เขามองไปที่มือของเซลีนพลางส่ายหน้า
“โน ผมไม่เห็นอะไรนะ มีอะไรหรือเปล่า” เบนจามินถามเซลีนกลับ
“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ พอดีหม่ามี้กำลังฝึกมายากลอยู่เลยอยากให้แด๊ดดี้เป็นผู้ชมคนแรกน่ะคะ” เซลีนยิ้มให้เบนจามิน
“คุณนี่นะ” เบนจามินพูดพร้อมขยี้ผมของภรรยาเบา ๆ
เซลีนหัวเราะให้เบนจามิน ก่อนจะกลับมาจ้องมองแหวนที่อยู่บนมือขวาของตัวเองด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
‘ฉันคงได้พรจากท่านเทพจริง ๆ สินะ งั้นลองพิสูจน์หน่อยดีกว่า’
เซลีนคิดในใจพร้อมลูบไปบนตัวแหวน แต่ยังไม่ทันจะทดสอบดูในแหวน เจ้าหน้าที่ก็พาเด็กชายเดินเข้ามาในห้องพอดี เด็กชายนั่งเรียบร้อย อยู่ที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทั้งสองสามีภรรยา
“ต้องขอโทษที่ให้รอนานไปหน่อยนะคะ แดเนียลต้องเรียนให้จบคาบก่อนนะคะ ถึงพาออกมาได้ค่ะ” เจ้าหน้าที่หันมาบอกพวกเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ” เซลีนเอ่ยบอกเจ้าหน้าที่ แล้วหันไปมองเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
“แดเนียลจ๊ะ ทั้งสองคนนี้คือว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ของหนู ทักทายพวกเขาหน่อยชิจ๊ะ” เจ้าหน้าที่บอกกับเด็กชาย
“สวัสดีฮะ ผมชื่อแดเนียล วิทตั้น ยินดีที่ได้รู้จักฮะ” เดเนียลเป็นเด็กเรียบร้อยสุภาพมาก ท่าทางเขาดูดีทีเดียว
“สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อเซลีน หนูเรียกฉันว่าหม่ามี้ก็ได้ และนี่คือแด๊ดดี้ชื่อ เบนจามินจ้ะ พวกเรายินดีที่ได้รู้จักหนูนะจ๊ะ” เซลีนขยับตัวเองไปนั่งฝั่งซ้ายมือของเด็กชาย
“แด๊ดดี้ก็ยินดีที่ได้รู้จักแดเนียลนะ” เบนจามินก็ย้ายตนเองไปนั่งฝั่งขวามือของแดเนียล
“ถ้าคุณสามารถจับสร้อยคอเส้นนี้และสวมมันให้ผมได้ แสดงว่าคุณคือคนที่ผมรอมานาน คนที่จะมาเป็นพ่อแม่ของผมครับ”
แดเนียลถือสร้อยคอที่มีจี้เป็นดอกกุหลาบสีดำยื่นส่งให้เบนจามิน พอเบนจามินรับมา เขาก็รีบวางสร้อยนั้นลงบนโต๊ะรับแขกทันที
“มันช็อต!” เบนจามินบอกด้วยสีหน้าตกใจ
“ช๊อตเหรอคะ” เซลีนตกใจไม่น้อย
เธอรีบเอื้อมมือไปดูมือของเบนจามิน แต่ไม่เห็นว่าเป็นรอยแดงหรือแผลอะไรบนมือของเขาแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เบนจามินเอ่ยบอกเซลีนด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ
“เดี๋ยวหม่ามี้จัดการเองค่ะ”
เธอลูบแขนสามีเบา ๆ เพื่อปลอบใจเขา ก่อนจะเบนหน้ามามองสร้อยที่อยู่บนโต๊ะรับแขก พร้อมกับยกมือขึ้นประนม อธิฐานในใจถึง ท่านเทพว่า ถ้านี่คือพรที่ท่านเทพให้มาจริง ขอให้เธอสวมสร้อยให้กับเด็กชายได้ด้วยเถอะ เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เอื้อมมือไปจับสร้อยขึ้นมา ปรากฎว่าเธอจับสร้อยได้ปกติดี จึงนำสร้อยคอเส้นนี้สวมที่คอของแดเนียล
“ผมพบพวกคุณแล้ว ผมจะมีครอบครัวแล้วจริง ๆ เหรอครับ พวกคุณคือคนนั้นจริงหรือครับ” ดาเนียลร้องตะโกนออกมา พร้อมกับลุกขึ้นยืนจากโซฟาที่นั่งอยู่ เขาถามออกมาพร้อมกับทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้
“ใช่แล้วจ๊ะ แดเนียลมาเป็นลูกของแด๊ดดี้กับหม่ามี้นะ”
เบนจามินตอบออกไป ทั้งเซลีนและเบนจามินต่างก็เข้าไปสวมกอดเด็กชายไว้
“หนูรู้ไหมหม่ามี้รู้สึกว่ามันคือโชคชะตา ที่นำพาให้พวกเรามาเจอหนู ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเราเลือกเด็กอีกคนเอาไว้ แต่โชคชะตาก็พาให้เด็กคนนั้นได้พบกับพ่อแม่ของพวกเขา และพาหนูมาพบกับหม่ามี้และแด๊ดดี้ ทุกอย่าง หนีไม่พ้นพรหมลิขิตจริง ๆ” เซลีนมองหน้าแดเนียลพร้อมยิ้มออกมาด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสุข
“ผมดีใจมากเลยครับ ผมตามหาคนที่สามารถจับสร้อยเส้นนี้ได้มาตลอดเวลาที่ผมรู้ความ เป็นคำสั่งที่มากับจดหมายตอนที่พวกเขาเอาผมมาไว้ที่นี่ฮะ ผมเคยไปอยู่กับพ่อแม่หลายคู่ แต่ก็ไม่สามารถอยู่ได้นานสักคู่ ต้องมีเหตุให้กลับมาที่บ้านอุปถัมภ์นี้ตลอด ไม่มีใครสามารถจับสร้อยนี้ได้เลย สักคน” เดเนียลเล่าด้วยสีหน้าดีใจสุด ๆ
“สร้อยก็คงรอให้หม่ามี้กับแด๊ดดี้มาเจอหนูนี่แหละ”
เซลีนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เพราะไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เธอเองก็ดีใจมาก ที่สามารถสวมสร้อยคอให้เด็กชายได้
เพราะเธอรู้สึกรักเด็กชายตั้งแต่แรกเห็นเลยก็ว่าได้ มันเป็นความรักที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่มันเป็นความรู้สึกจากภายในใจของเธอที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในเงียบ ๆ แต่ดังชัดในการกระทำและแรงเต้น ของหัวใจของเธอ
เมื่อเธอได้เห็นเด็กชาย เธอก็มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านเทพได้กล่าวกับเธอเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน
“ตรงนี้ค่ะ”
เจ้าหน้าที่ให้พวกเรากรอกเอกสาร ระหว่างที่รอให้เด็กชายไปเก็บของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับพวกเรา ซึ่งใช้เวลาไม่นาน พวกเราพ่อ แม่ ลูก ก็เดินจูงมือกันไปขึ้นรถยนต์ เพื่อเตรียมตัวไปที่ห้างสรรพสินค้า แล้วซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กชายเพิ่ม
“ไปกันเถอะ”
เบนจามินโอบเอวบางของเซลีนให้ขึ้นไปที่รถ แล้วหันมาอุ้มแดเนียลให้นั่งบนคาร์ซีทที่เตรียมเอาไว้
“ขอบคุณฮะ แด๊ดดี้” เด็กชายเอ่ยพร้อมยิ้มหวานให้เบนจามิน
“ยินดีจ้ะ” เบนจามินยิ้มให้แดเนียล ก่อนจะเคลื่อนรถออกไป