10. ข้อเรียกร้องของท่านตา
ช่างเป็นอย่างที่เสี่ยวป๋ายคิดเอาไว้ไม่ผิด...
เมื่อนางกลับมาที่เรือนในเช้ามืดวันต่อมา ท่านตาของนางก็นั่งหน้าถมึงทึงพร้อมกับไม้เท้าคู่ใจรออยู่ก่อนแล้ว เพียงเหลียนไช่เขาไปคำนับชุนหลี่ ไม้เท้าก็ฟาดลงตามร่างกายของเขาไม่ยั้งจนหญิงสาวหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ท่านตาเจ้าคะ พอเถิดเจ้าค่ะ”
ผู้เป็นหลานสาวพยายามร้องห้าม ทว่าชายหนุ่มกลับยอมนั่งนิ่งให้ท่านตาของนางฟาดโดยไม่ตอบโต้กลับแม้สักน้อย มีเพียงท่านตาที่ตอบกลับนางเสียงดังว่า
“เจ้าจงถอยไปเสียเสี่ยวป๋าย!”
เมื่อฟาดจนพอใจแล้วตาเฒ่าชุนหลี่ก็กลับมานั่งหายใจฟืดฟาดด้วยยังโมโหไม่หาย ยิ่งมองหน้าบัณฑิตยาจกนั่นสลับกับหลานสาวเพียงคนเดียวที่แสนรักแสนห่วงใยยิ่งพาลให้ความโกรธปะทุขึ้นมาอีกระลอก
หายกันไปทั้งคืนเช่นนี้ไม่บอกใครก็ย่อมรู้ว่าข้าวสารคงกลายเป็นข้าวสุกไปเสียแล้ว...
“ข้าผิดหวังในตัวเจ้านัก”
ตาเฒ่าชุนหลี่หันไปตำหนิหลานสาวที่นั่งหลบอยู่หลังเหลียนไช่ ใบหน้าของนางก้มต่ำอย่างไม่กล้าสู้หน้า ด้วยรู้ตัวกว่ากระทำผิดต่อบุพการีอย่างใหญ่หลวงนัก
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านตา” เสี่ยวป๋ายเอ่ยขอโทษพร้อมกับคำนับแนบพื้น
“ท่านอย่าโกรธคุณหนูเลยขอรับ เป็นความผิดของข้าเองขอรับที่รักคุณหนูมากจนไม่อาจห้ามใจตนเองได้”
ตาเฒ่าฟังคำของบัณฑิตหนุ่มก็ส่งเสียงหึในลำคอ เป็นเพียงบัณฑิตต่ำต้อยกล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนเจ้าสำนักศึกษาเช่นเขากัน
“ต่อให้ข้าจะโกรธหลานข้าเพียงใดก็ไม่เท่าที่ข้าชิงชังเจ้าหรอก ก่อนหน้าข้าชังน้ำหน้าเจ้าเท่าใดบัดนี้ข้าชังน้ำหน้าเจ้ายิ่งกว่า!” ชายชราตวาดพลางเอาไม้เท้าชี้หน้าอย่างชิงชัง
“ท่านตาขอรับ...ไม่ว่าท่านจะชังข้าเพียงใดก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงว่าข้าคือหลานเขยของท่านตาไปได้หรอกขอรับ”
เหลียนไช่ต่อปากพลางยิ้มให้ตาเฒ่าอย่างใจเย็น ส่วนตาเฒ่านั้นแทบควันออกหูเมื่ออีกฝ่ายกล้าเรียกเขาว่าท่านตาเหมือนเสี่ยวป๋าย
“ข้าไม่รับเจ้าเป็นหลานเขย...คนอย่างเจ้าไม่มีอันใดเทียบเท่าคุณชายลั่วได้เลย อย่าว่าแต่ดูแลหลานข้าไม่ให้ลำบาก ตัวเจ้าเองยังลำบากตรากตรำเอาตัวไม่รอด แล้วจะดูแลหลานข้าได้เช่นไร!”
เขาเป็นถึงเจ้าสำนักศึกษามีผู้นับหน้าถือตามากถึงเพียงไหน หากต้องแต่งหลานสาวให้ไอ้บัณฑิตยากจนผู้นี้ไปชาวบ้านจะมอง จะติฉินท์นินทาครอบครัวของเขาเช่นไรเล่า...
“ข้ามั่นใจว่ามีสันดานที่เหนือกว่าและความรักของข้าที่มีต่อคุณหนูย่อมเหนือกว่าขอรับ”
ชายหนุ่มต่อปากอย่างไม่กลัวเกรง ความมั่นใจของเขาทำเอาทั้งตาและหลานต่างก็อึ้งไม่แพ้กัน ตาเฒ่านั้นอ้าปากพะงาบ ๆ อย่างไร้คำพูด ส่วนเสี่ยวป๋ายถึงกับลอบถอนใจอย่างเคร่งเครียด
ใครต่างก็รู้ว่าบัณฑิตผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความเถรตรงมากขนาดไหน แต่ชายชราก็ไม่คิดว่าแม้แต่กับเขาก็ยังไม่เว้นให้
“ความรักของเจ้าไม่อาจทำให้หลานข้าอิ่มท้องได้ เจ้ารู้ใช่หรือไม่”
“ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณหนูขอรับ”
เหลียนไช่ให้สัญญาต่อหน้าชายชราผู้อาวุโสที่สุดในตระกูล พลางหันมองหน้าหลานสาวที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นภรรยาของเขาแล้วด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
ชุนหลี่ถอนใจอย่างคิดไม่ตก เขาไม่อยากยกหลานสาวให้อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ทำใจไม่ได้ที่ต้องรับมันเป็นหลานเขย ทว่าเรื่องก็ล่วงเลยมาถึงเพียงนี้แล้ว หากไม่ออกเรือนกับบัณฑิตผู้นี้เขาก็คงไม่มีหน้าส่งหลานไปแต่งงานกับคุณชายลั่วได้อยู่ดี
“ข้าจะยอมให้เจ้าแต่งกับหลานข้าก็ได้ แต่มีข้อแม้...”
“ข้อแม้อะไรหรือขอรับท่านตา”
ชายหนุ่มถามอย่างโล่งใจ ลองมาถึงขั้นนี้แล้วก็ย่อมต้องผ่านไปได้ด้วยดี เงื่อนไขของตาเฒ่าชุนหลี่ไม่อาจทำให้เขาถอยหลังได้หรอก
“เจ้าต้องหาสินสอดมาสู่ขอหลานสาวข้าภายในหนึ่งเดือน ต้องไม่ให้น้อยหน้าสตรีใดในหมู่บ้านนี้เชียว หากทำไม่ได้อย่าหวังจะได้หลานสาวข้าไปเป็นฮูหยินของเจ้าเลย!” ตาเฒ่าชุนหลี่ยื่นคำขาด
ชายชรามองหน้าบัณฑิตยาจกอย่างดูแคลน หากทำไม่ได้เขายอมให้หลานสาวขึ้นคานอยู่กับเรือนไปจนตายเสียยังดีกว่าให้ออกไปลำบากอับอาบขายหน้าคนอื่น
ทว่าเหลียนไช่กลับยิ้มออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจยิ่งนัก แต่งฮูหยินทั้งทีมีหรือจะให้น้อยหน้าใคร อย่าว่าแต่สตรีใดในหมู่บ้านเลย เขาจะให้เหนือกว่าสตรีทั้งเมืองก็ย่อมได้
“ข้าจะทำให้ได้ขอรับท่าน...”...ตาเฒ่าชุนหลี่!
“หึ! แล้วข้าจะรอดูสินสอดของเจ้า”
เสี่ยวป๋ายที่ได้แต่นั่งฟังทั้งสองตกลงกันก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมา นางไม่คิดว่าบัณฑิตยากจนอย่างเขาจะมีสมบัติพัสถานใดตามที่ท่านตากำหนดให้มาขอนางได้ แม้จะพยายามเพียงใดก็ตาม ในเมื่อทุกวันนี้เขายังต้องเก็บสมุนไพรเพื่อขายเลี้ยงปากท้องนอกจากการเป็นอาจารย์สอนตำราให้เด็กน้อยในสำนักศึกษาอยู่เลย
แต่เมื่อเขามองมาคล้ายจะบอกผ่านสายตาว่าให้นางเชื่อใจเขา นางก็ไม่อาจเอ่ยปากคัดค้านได้
หรือนี่จะเป็นบทเรียนหนึ่งที่นางต้องเรียนรู้เพื่อเชื่อมั่นในตัวสามีกันแน่นะ...