บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 แสดงอำนาจ

บทที่ 2

แสดงอำนาจ

อวี้เฉินฟู่ไปทำงานด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสเบิกบาน ทั้งก่อนที่จะไปเขาได้มอบตั๋วเงินกว่า 1,000 ตำลึงทองให้กับบุตรสาว เพื่อเอาไปซื้อของที่ต้องการนำไปยังอารามเป่าซานด้วย สองแม่ลูกจ้องมองตั๋วเงินตาแทบไม่กะพริบ โดยเฉพาะอวี้ซูเยว่ที่ไม่ต้องการให้อวี้หลันได้รับสิ่งดี ๆ ไป

เมื่ออวี้เฉินฟู่จากไปแล้ว และโจวลี่เฟยได้แยกตัวไปจัดการบัญชีร้านค้าของตระกูล อวี้ซูเยว่พลันตรงเข้ามาดึงตั๋วเงินจากมือของอวี้หลันทันที รั่วซีที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบก้าวออกมาเผชิญหน้า นางรู้สึกทนไม่ไหวกับนิสัยของคุณหนูรองแล้ว

"คุณหนูรองเจ้าคะ ตั๋วเงินนี้เป็นของคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ"

"แล้วอย่างไร เป็นบ่าวอย่าได้มาเสนอหน้า"

อวี้หลันมองน้องสาวด้วยความขบขัน แค่ตั๋วเงินเพียงเท่านี้ยังต้องมาแย่งชิงราวกับเป็นของมีค่ามากมายเช่นนั้นแหละ

"ช่างเถอะรั่วซี หากน้องรองอยากได้ก็เอาไปเถิด" อวี้หลันหันมายิ้มอ่อนหวาน "เงินของน้องรองมีไม่พอให้จับจ่ายซื้อของ พี่ใหญ่เช่นข้าย่อมต้องยินดีมอบเงินจำนวนเล็กน้อยให้กับน้องรองอยู่แล้วล่ะ"

อวี้ซูเยว่ได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนเสีย นังพี่สาวตัวดีกำลังด่าว่านางยากจนเป็นขอทานหรือ ถึงได้ต้องการตั๋วเงินเพียงแค่นี้ ช่างกล้าดีนักนะ!

"พี่ใหญ่เข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้ามีเงินมากมายจนนับแทบไม่ไหวเลยล่ะ"

"เช่นนั้นหรือ...แล้วเหตุใดคนที่บอกว่ามีเงินมากมายถึงได้มาแย่งชิงเงินเพียงเท่านี้กันเล่า หรือว่าไม่มีใครสั่งสอนว่าการที่เจ้าทำเช่นนี้มันเรียกว่าการขโมย ทำตัวราวหญิงที่ไร้การอบรมสั่งสอน ไม่รู้ว่าถ้าท่านพ่อรู้เข้าจะทำสีหน้าอย่างไร ที่บุตรสาวคนรองมาแย่งชิงตั๋วเงินจากบุตรสาวคนโตกันนะ"

อวี้หลันดึงตั๋วเงินกลับมา แล้วอมยิ้มพลางมองน้องสาวที่เวลานี้ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ

"เจ้า!! กล้าดีอย่างไรมาว่าข้า นังคนชั้นต่ำ"

"ข้าหรือคนชั้นต่ำ น้องรอง...เจ้าควรรู้ฐานะของตัวเองนะ ข้าเกิดจากภรรยาเอก ส่วนเจ้าเกิดจากภรรยารอง เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่ฐานะต่ำกว่า ใครกันแน่ที่ชั้นต่ำ!"

อวี้หลันหัวเราะขำแล้วจึงเดินจากมา ทิ้งให้อวี้ซูเยว่กรีดร้องอยู่เบื้องหลังด้วยความโกรธจัดเช่นนั้น

"กรี๊ดดดด!! กลับมานี่นะ นังแพศยา!"

อวี้ซูเยว่กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ นางโกรธแค้นอวี้หลันเป็นอย่างมาก อยากจะฉีกทึ้งร่างของอวี้หลันให้แหลกเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นเลย คอยดูเถิดว่านางจะจัดการนังคนอวดดีนี้อย่างไร!

เรือนหลันหลัน

หลังจากที่ทั้งสองกลับมาที่เรือนแล้ว อวี้หลันนั่งมองตั๋วเงินที่อยู่ในมือด้วยความดีใจ ยกแรกที่ได้ปะทะกับอวี้ซูเยว่นั้นนางชนะ แต่นางจะย่ามใจตอนนี้ก็คงจะเร็วเกินไป เพราะคนที่ร้ายกาจที่สุดคือโจวลี่เฟยต่างหาก อวี้ซูเยว่ก็แค่นางร้ายฝึกหัดเท่านั้น นางไม่สามารถเทียบชั้นกับมารดาของนางได้อยู่แล้ว

"เมื่อครู่นี้คุณหนูใหญ่เก่งมากเลยเจ้าค่ะ บ่าวนี่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว ครั้งแรกเลยนะเจ้าคะที่ได้เห็นคุณหนูรองร้องกรี๊ดเช่นนี้"

อวี้หลันหัวเราะขำพลางจับมือของรั่วซีเอาไว้แน่น

"นี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะรั่วซี ต่อไปเราสองคนอาจจะต้องตกที่นั่งลำบากก็ได้ เจ้ายอมที่จะอยู่เคียงข้างข้าเช่นนั้นหรือ"

"พูดอะไรเช่นนั้นเจ้าคะ คุณหนูมีบุญคุณกับบ่าวมากมายนัก ถ้าไม่ได้คุณหนูป่านนี้บ่าวคงกลายเป็นหญิงคณิกาไปแล้ว ไม่ว่าคุณหนูจะเดินไปยังเส้นทางไหน บ่าวจะขอติดตามรับใช้คุณหนูจนตัวตายเจ้าค่ะ"

อวี้หลันถึงกับพูดสิ่งใดไม่ออก คนในยุคนี้ถือเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็จะถือว่าสองแม่ลูกนั่นมีความแค้นกับนาง และนางย่อมต้องตอบแทนคืนเป็นเท่าทวีคูณเลย!!

"เข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามากนะรั่วซี ก่อนอื่นเจ้าไปสั่งให้คนเตรียมรถม้าให้ข้าที ข้าอยากจะออกไปซื้อของสักหน่อย"

"เจ้าค่ะ"

รั่วซีส่งยิ้มละมุนแล้วจึงได้ปลีกตัวจากไปทำตามคำสั่งของเจ้านายสาว

ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะก้าวขึ้นไปรถม้า สาวใช้คนสนิทของโจวลี่เฟยพลันเข้ามาขวางทางเสียก่อน นางเอ่ยเรียกทั้งสองด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก ทั้งยังไร้ความยำเกรงต่ออวี้หลันผู้เป็นเจ้านายด้วย

"คุณหนูใหญ่ ฮูหยินเรียกเจ้าค่ะ"

'หลี่อี้' บ่าวรับใช้คนสนิทของโจวลี่เฟยที่ติดตามมาตั้งแต่บ้านเดิม เดินนวยนาดเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างถือดี นางเหยียดยิ้มมุมปากแล้วมองอวี้หลันด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เรื่องที่คุณหนูใหญ่ต่อปากต่อคำกับคุณหนูรองอวี้ซูเยว่ยังคงเป็นสิ่งที่นางกังขา เพราะที่ผ่านมาคุณหนูใหญ่มักเจียมตัวเสมอมา ขนาดนางที่เป็นบ่าวฐานะต่ำต้อย คุณหนูใหญ่ยังต้องนอบน้อมกับนางเลย

"แม่รองเรียกหาข้าเช่นนั้นหรือ"

อวี้หลันเน้นย้ำคำว่ารองเสียงดัง สายตาของนางมองประเมินสตรีสูงวัยตรงหน้าไปด้วย

"เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่รีบไปเถิดเจ้าค่ะ ตอนนี้ฮูหยินอารมณ์ไม่ใคร่จะดีนักด้วยรู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่ทำเอาไว้หมดแล้ว"

"เจ้าคือหลี่อี้สินะ"

"เจ้าคะ?"

หลี่อี้ไม่เข้าใจคำถามของอีกฝ่าย

"หลี่อี้ ในฐานะที่เจ้าเป็นบ่าวอาวุโสและเป็นคนสนิทข้างกายของแม่รอง ข้าจะเอ่ยเตือนเจ้าสักครั้งหนึ่ง" อวี้หลันก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับหลี่อี้ สายตาของนางจับจ้องหลี่อี้ไม่วางตา "ข้าคือคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากภรรยาเอก บิดาคือเสนาบดีใหญ่แห่งราชสำนัก เจ้าที่เป็นบ่าวกล้ามาตีตนเสมอข้าหรือ ทั้งไม่เคารพและไม่ยำเกรง เจ้าไม่แม้แต่จะทำความเคารพข้าด้วย ไม่รู้ว่าเจ้าใจกล้าหรือว่ามีใครให้ท้ายกันแน่ ช่างอวดดียิ่งนัก! ข้าควรจะทำโทษบ่าวที่มันเหิมเกริมอย่างไรดีนะ"

อวี้หลันปรายตามองหลี่อี้ราวกับมองมดปลวกที่แสนไร้ค่า

"คะ คุณหนูใหญ่"

หลี่อี้ผงะถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก สายตาที่มุ่งร้ายของคุณหนูใหญ่ทำให้แผ่นหลังของนางเย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว

"คุกเข่า!!"

"จะ เจ้าค่ะ"

หลี่อี้ทรุดกายลงตรงหน้าของอวี้หลันทันที เนื้อตัวของนางสั่นเทาด้วยความขลาดกลัว

อำนาจของคุณหนูใหญ่นางไม่ควรดูแคลนเลย หากเรื่องที่นางทำกิริยาไม่เหมาะสมล่วงรู้ไปถึงหูของท่านเสนาบดีแล้วละก็...นางคงถูกโบยจนหลังขาดเป็นแน่ มีใครไม่รู้บ้าง ท่านเสนาบดีรักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่มากมายนัก ถ้าไม่ใช่เพราะฮูหยินรองและคุณหนูรองคอยกดข่มคุณหนูใหญ่ตั้งแต่ยังเด็กจนไม่กล้ามีปากมีเสียง ป่านนี้อำนาจในจวนคงตกเป็นของคุณหนูใหญ่ไปแล้ว แต่เพราะเหตุใดคุณหนูใหญ่ผู้อ่อนแอถึงได้ลุกขึ้นมาต่อกรกับพวกนางเล่า!

เรื่องนี้ยังคงเป็นสิ่งที่ค้างคาใจของหลี่อี้

"เห็นแก่แม่รอง ข้าจะให้เจ้าคุกเข่าอยู่ตรงนี้สักหนึ่งชั่วยามก็แล้วกัน ต่อไปอย่าได้มาท้าทายข้าอีกเล่า เพราะครั้งหน้าข้าจะไม่ใจดีแบบนี้อีก"

"จะ เจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่เมตตาเจ้าค่ะ"

หลี่อี้โขกศีรษะขอบคุณเป็นการใหญ่ แต่ใบหน้าของนางกลับซีดเผือดจนกลายเป็นสีขาว แค่คุกเข่าหนึ่งก้านธูปนางก็เกินจะทนไหวแล้ว แต่นี่นางกลับถูกสั่งให้คุกเข่านานถึงหนึ่งชั่วยาม สังขารของนางก็ได้ร่วงโรยไปตามวัยนานแล้ว หัวเข่าก็ไม่ใคร่จะดีนัก และที่ตรงนี้ยังเป็นพื้นหินที่ร้อนระอุ ทั้งยังแสงแดดที่ส่องลงมายังร้อนแรงเจิดจ้า จนเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเต็มกรอบหน้าของนางด้วย หลี่อี้คิดในใจว่านางคงได้ตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่

อวี้หลันเดินเข้ามายังเรือนของโจวลี่เฟย ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้ามาน้ำเสียงเล็กแหลมพลันตวาดก้องออกมาทันที

"หลันเอ๋อร์ เจ้าด่าทอเยว่เอ๋อร์ของข้าเช่นนั้นหรือ?"

"เจ้าค่ะแม่รอง"

"เจ้า! นี่เจ้าเสียสติไปแล้วสินะ แค่เศษเงินเจ้าถึงกับด่าเยว่เอ๋อร์และต่อว่าข้าว่าอบรมลูกไม่ดี หากวันนี้ข้าไม่ลงโทษให้เจ้าหลาบจำ เจ้าคงจะไม่สำนึกสินะ"

โจวลี่เฟยถลึงตามองอวี้หลันด้วยความไม่พอใจ ทางด้านข้างของนางมีอวี้ซูเยว่ที่นั่งยิ้มด้วยความสาสมใจ การได้เห็นอวี้หลันกำลังจะถูกมารดาลงโทษคือสิ่งที่บันเทิงที่สุดสำหรับนาง

"นั่นน่ะสิเจ้าคะ แค่เศษเงินทำไมน้องรองจะต้องมาแย่งชิงจากข้าอีก ช่างน่าขำนัก"

"เจ้าเป็นพี่เจ้าก็ควรเสียสละให้น้องสาวของเจ้าสิ นี่สินะเพราะว่าเจ้าไม่มีมารดาอบรมสั่งสอน เจ้าถึงได้มีนิสัยหยาบกร้านเช่นนี้ได้"

อวี้หลันรู้สึกเหลืออดกับโจวลี่เฟย นางเงยหน้าขึ้นมองโจวลี่เฟยอย่างไม่หลบเลี่ยง ทั้งยังเหยียดยิ้มออกมาอย่างถือดี

"ถ้าหากข้ามีมารดาอบรมสั่งสอนแล้วมีนิสัยเช่นน้องรอง ข้าขอตายเสียยังดีกว่า และแม่รองเจ้าคะ ข้าคือบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ซึ่งเกิดจากภรรยาเอก แม้ว่าแม่รองจะอาวุโสกว่าข้า แต่อย่าได้ลืมฐานะของข้าไปเล่า อำนาจที่ท่านถือครองมานานกว่าสิบปี ข้าจะทวงคืนกลับมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ถ้าหากแม่รองยังทำให้ข้าอารมณ์เสียเช่นนี้อีก ข้าคงต้องพูดเรื่องที่ผ่านมาให้ท่านพ่อได้ทราบแล้วล่ะเจ้าค่ะ"

"เจ้ากล้าหรือ"

โจวลี่เฟยกดเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจ

"แล้วทำไมข้าต้องไม่กล้าด้วยล่ะเจ้าคะ ที่ผ่านมาเพราะข้ายังเด็กจึงยังมิรู้ความ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าอายุสิบแปดหนาวแล้ว อายุมากพอที่จะเข้ามาจัดการงานในจวนได้แล้วนะเจ้าคะ"

คำขู่ของอวี้หลันได้ผลเป็นอย่างยิ่ง โจวลี่เฟยกัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ นังเด็กที่ไม่รู้ประสากลับแข็งข้อกับนางเช่นนั้นหรือ ช่างหาญกล้าดีแท้

"ได้! วันนี้ข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าไปได้แล้ว"

"เจ้าค่ะ อ้อ...แม่รองช่วยดูแลน้องรองให้ดีด้วยนะเจ้าคะ ถ้าวันใดที่น้องรองมายุ่มย่ามกับข้าอีก ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพลั้งปากเอ่ยสิ่งใดออกไปบ้าง และเครื่องประดับที่น้องรองเคยฉกฉวยไปจากหีบของข้า วานเอามาคืนข้าให้ครบถ้วนด้วยนะเจ้าคะ"

"ได้!!"

อวี้หลันค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มหวาน...

คล้อยหลังที่อวี้หลันเดินจากไป โจวลี่เฟยพลันบันดาลโทสะขว้างปาข้าวของจนแตกกระจายไปหมด เช่นเดียวกับอวี้ซูเยว่ที่แค้นใจไม่ต่างกัน

"ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดมันถึงได้ทำตัวปีกกล้าขาแข็งเช่นนี้ มันทำเหมือนกับเราไม่มีค่าให้ต้องเกรงกลัวเลยนะเจ้าคะ"

"แม่เองก็แปลกใจไม่ต่างกับเจ้า"

"นี่เราต้องทำตามที่มันสั่งหรือเจ้าคะ ข้าไม่ยอมนะท่านแม่ เครื่องประดับพวกนั้นมันงดงามมากเลยนะเจ้าคะ"

โจวลี่เฟยพลันตวาดเสียงดังใส่บุตรสาวที่โง่เขลาของตน

"ถ้าเจ้าไม่คืนก็รอตอบคำถามจากบิดาของเจ้าได้เลย อยากโดนลงโทษจากบิดาของเจ้าใช่หรือไม่"

"ท่านแม่..."

"ออกไปได้แล้ว แม่อยากพักผ่อน"

"เจ้าค่ะ"

อวี้ซูเยว่เดินคอตกจากมา นางไม่อยากคืนเครื่องประดับที่เอามาจากอวี้หลันเลย ของทุกชิ้นล้วนล้ำค่าและงดงามจนนางอยากจะได้มาเป็นของตัวเอง ทำไมนังอวี้หลันถึงได้รับแต่ของดี ๆ ไปกันนะ ทั้งเครื่องประดับล้ำค่า และความรักจากท่านพ่อที่นางได้รับแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น มันคงจะดีกว่านี้ถ้าจวนตระกูลอวี้จะไม่มีอวี้หลันอีกต่อไป!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel