สามีข้าคือองค์ชายจอมเสเพล

107.0K · จบแล้ว
กะปอมพ่นไฟ
35
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมรีผู้จัดการสาวในวัย 30 ปีได้ตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้ ความฝันที่อยากใช้ชีวิตสุขสบายต้องจบลง เมื่อมีราชโองการสมรสพระราชทานให้แต่งงานกับองค์ชายสาม บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเสเพล!

นิยายจีนโบราณนางเอกเก่งสัญญาทางรักจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่งพระชายานิยายย้อนยุคฟินๆ18+

บทที่ 1 เกิดใหม่ในร่างใหม่

บทที่ 1

เกิดใหม่ในร่างใหม่

หญิงสาวนางหนึ่งได้นอนสลบไหลอยู่บนเตียงหลังใหญ่ด้วยสภาพที่ร่างกายเปียกโชกไปทั่วทั้งตัว ร่างกายของนางหนาวเย็นราวกับตกอยู่ในฤดูหนาว ลมหายใจรวยรินจนคล้ายว่าจะปลิดปลิวออกไปได้ทุกเมื่อ ใบหน้าของนางที่เคยมีเลือดฝาดกลับซีดเผือดลงราวกับหิมะต้นฤดู ทางด้านข้างของนางนั้นเอง หญิงสาวอีกคนหนึ่งกำลังเร่งมือปลดเปลื้อง

อาภรณ์ที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำออกจากร่างกายของเจ้านายสาว นางรีบหยิบเอาผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายของผู้เป็นนายเอาไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย

หญิงสาวนางนี้ได้หันไปมองทางประตูเป็นระยะ ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความวิตกกังวล ปากของนางก็พร่ำเรียกชื่อหญิงสาวที่นอนหลับใหลให้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

"คุณหนูใหญ่ คุณหนูเจ้าคะ รีบฟื้นขึ้นมาเถิดเจ้าค่ะ บ่าวใจคอไม่ดีเลย เป็นความผิดของบ่าวเอง ฮือ ๆ"

นางเอื้อมมือไปกอบกุมมือของเจ้านายที่เย็นเฉียบด้วยความกังวลใจ เมื่อไหร่หนอที่ท่านหมอประจำตระกูลจะมาถึงเสียที นี่เวลาก็ผ่านไปราวสองเค่อแล้ว ในขณะที่นางกำลังหันไปมองประตูอยู่นั้น หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพลันลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ

เฮือก!!

เมรีกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ สถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ราวกับเธอได้หลุดเข้ามาอยู่ในยุคของจีนโบราณที่เหมือนในซีรีส์ที่เธอชอบดูมาก ยิ่งหันซ้ายหันขวาไปพบกับหญิงสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มมองอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งทำให้เมรีปวดหัวจี๊ดราวกับจะระเบิด หัวสมองของเธอยังประมวลความคิดออกมาไม่ได้ ภาพในหัวกลับแล่นเข้ามาจู่โจมเธอราวกับโกรธเกลียดกันมาเป็นสิบชาติ

"โอ๊ย! เจ็บ!!"

"คุณหนู! เป็นอะไรไปเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ"

ยังไม่ทันที่เมรีจะเอ่ยห้าม หญิงสาวผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที ในเวลานี้เองที่เมรีได้หยุดคิดในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า เธอกำลังพยายามลำดับความคิดที่สะเปะสะปะให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง

"ฉันตายไปแล้วนี่นา แล้วนี่มันที่ไหนกันเล่า โอ๊ย! ปวดหัวชะมัดเลย"

เมรีหลับตาลงแล้วพยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เมื่อนั้นเธอก็ลืมตาโพลงด้วยความตกตะลึง

"ฉิบหายแล้วไหมล่ะยัยเมรีเอ๊ย นี่ฉันมาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูคนนี้เหรอเนี่ย ตายแล้วแทนที่จะได้ไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกเพื่อชดใช้กรรม กลับต้องเข้ามาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้เสียได้ เฮ้อ...แล้วฉันจะเอาตัวรอดในยุคโบราณนี้ได้ไหมล่ะเนี่ย มิติก็ไม่มี ของวิเศษก็ไม่มี เทพเซียนที่จะมาให้พรก็ไม่มีอีก ฉันได้ตายอย่างเขียดแน่ ๆ ยัยเมรีเอ๊ย!!"

เมรีทิ้งตัวลงนอนดั่งเดิม เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าชีวิตของเธอเกิดอะไรขึ้น เธอชื่อเมรีเป็นผู้จัดการมือทองของวงการมายา มีดารากว่าหลายสิบคนที่เธอปั้นให้เป็นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการ แต่แล้วในวันที่เร่งรีบและฝนตกหนักนั้น ทำให้ทัศนียภาพในการมองเห็นไม่ดีนัก เธอจึงขับรถแหกโค้ง รถของเธอกลิ้งไปมากว่าสามตลบ ก่อนที่เธอจะแน่นิ่งไปเพราะเสียชีวิตคาที่ ในตอนที่วิญญาณออกจากร่างแล้วลอยเคว้งคว้างอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาล จากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้

จากการที่ความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าประดังประเดเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อนนั้น ทำให้เมรีได้รู้ว่าร่างที่เธอเข้ามาอยู่คือคุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลอวี้ บุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง นามของร่างนี้คือ 'อวี้หลัน' หญิงสาวที่น่าสงสารที่ต้องตายไปอย่างไม่ยุติธรรม แค่คิดเมรีพลันรู้สึกสงสารในชะตาชีวิตของเจ้าของร่างนี้

"หลับให้สบายนะอวี้หลัน น้องชายที่เธอเป็นห่วง ฉันจะคอยดูแลให้เอง เขาจะต้องได้เป็นประมุขตระกูลคนถัดไป และคนที่ทำร้ายเธอจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเธอเอาไว้ทั้งหมด ฉันสัญญา!"

สิ้นคำพูดของเมรี สายลมหอบหนึ่งก็ได้พัดผ่านใบหน้าของเธอไป โดยที่หน้าต่างไม่ได้ถูกเปิดทิ้งไว้เลย เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหู ทำให้เมรีพลันยิ้มกว้างออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาเยือนที่นี่

"ขอบคุณเจ้าค่ะ"

เมรีหลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับการตัดสินใจอันแน่วแน่

เธอคืออวี้หลัน เมรีได้ตายจากไปแล้ว ต่อไปนี้จะมีแค่อวี้หลันเท่านั้น!!

'รั่วซี' สาวใช้ข้างกายของอวี้หลันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับท่านหมอประจำตระกูล ชายชราที่เพิ่งรู้ข่าวรีบตรงเข้ามาด้วยความรีบร้อน เขาตรงเข้ามาตรวจจับชีพจรของอวี้หลันอย่างเร่งรีบ เพียงไม่นานท่านหมอชราก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

"ไอเย็นได้เข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่น่าเป็นกังวลแล้วขอรับ ขอเพียงพักผ่อนร่างกายให้มาก และทานยาที่ข้าน้อยจัดให้จนหมด คุณหนูใหญ่ก็จะหายดีเป็นปลิดทิ้งขอรับ"

"ขอบคุณท่านหมอมาก"

"แล้วอาการปวดหัวเมื่อครู่ของคุณหนูเล่าเจ้าคะ"

รั่วซีเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล เมื่อครู่นี้นางตกใจกับอาการของคุณหนูจริง ๆ

"อาจจะเกิดจากเพราะเพิ่งฟื้นไข้เลยทำให้ปวดหัวได้ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยจะจัดเทียบยาอีกหนึ่งเทียบให้นะขอรับ"

ท่านหมอชราตรวจอาการอีกครั้ง ก่อนจะได้ขอสรุปว่าคุณหนูใหญ่มีเพียงอาการไอเย็นเข้าแทรกเท่านั้น เมื่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเขาก็ได้ขอตัวลากลับไป

"คุณหนูใหญ่ไม่เป็นอะไรแน่นะเจ้าคะ เมื่อครู่นี้บ่าวตกใจแทบแย่"

รั่วซียังคงไม่ไว้วางใจ นางมองสำรวจเจ้านายสาวเพื่อความแน่ใจ

"ข้าไม่เป็นอะไรแล้วรั่วซี ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วง"

"ฮือ ๆ เป็นบ่าวที่ไม่ดีเองเจ้าค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะบ่าวคุณหนูใหญ่คงไม่ต้องถูกลงโทษจนล้มป่วยเช่นนี้ ฮือ ๆ"

รั่วซีที่นึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดและแค้นใจ นางกับคุณหนูพยายามอยู่ในจวนแห่งนี้อย่างสงบ แต่เหตุใดฮูหยินรองกับคุณหนูรองถึงไม่คิดเช่นนั้น กลับหาเรื่องกลั่นแกล้งคุณหนูใหญ่ของนางได้ทุกวี่ทุกวัน นางสงสารคุณหนูใหญ่ของนางยิ่งนัก!

"ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นความโง่เขลาของข้าเอง แต่รั่วซี...ต่อไปนี้เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลย ข้าจะไม่ยอมถูกรังแกอีกต่อไปแล้วล่ะ"

แววตาที่แข็งกร้าวขึ้นของอวี้หลัน ทำให้รั่วซีเหม่อมองเจ้านายสาวด้วยความไม่เข้าใจ

"คุณหนูใหญ่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?"

"ข้าจะทวงคืนทุกอย่างที่เป็นของข้ากลับคืนมา!!"

น้ำเสียงที่จริงจังและแววตาที่ทอประกายเย็นเยียบของอวี้หลันทำให้รั่วซีบังเกิดความกลัวขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนที่นางจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยความยินดี นางรอให้คุณหนูของนางลุกขึ้นสู้มานานแล้ว ในที่สุดคำวิงวอนของนางก็ได้รับการตอบรับเสียที...

สามวันถัดมาอวี้หลันได้ลุกขึ้นมาแต่งกายด้วยความตั้งใจ อวี้หลันเลือกสวมอาภรณ์ที่ดูเก่าซีดที่สุดในตู้ และไม่สวมเครื่องประดับสักชิ้นเดียว ใบหน้าที่งดงามหมดจดไร้การแต่งแต้มจากเครื่องประทินโฉม เมื่อนางเดินมานั่งยังโต๊ะอาหาร ทุกคนต่างมองมาด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะผู้นำตระกูลอย่าง 'อวี้เฉินฟู่' ท่านเสนาบดีกรมคลังที่เรืองอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง

"หลันเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงแต่งกายเช่นนี้เล่า"

อวี้เฉินฟู่เอ่ยถามด้วยความตกใจ บุตรสาวคนโตที่งดงามของเขา เหตุใดจึงลุกขึ้นมาแต่งกายราวกับเป็นหญิงสาวชาวบ้านกันเล่า

"เรียนท่านพ่อ ตั้งแต่ที่ลูกนอนจับไข้มาสามวัน ท่านแม่ได้มาเข้าฝันลูกเจ้าค่ะ"

"ฮวาเอ๋อร์เช่นนั้นหรือ?"

"เจ้าค่ะ ท่านแม่อยากให้ลูกไปไหว้พระถือศีลกินเจเพื่อเป็นกุศลให้กับดวงวิญญาณของท่านแม่เจ้าค่ะ และท่านแม่ยังบอกว่าเป็นห่วงลูก อาอัน และท่านพ่อมากเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ยังคงเฝ้ามองพวกเราทั้งสามจากในที่ที่ไกลแสนไกลอยู่นะเจ้าคะ"

อวี้หลันเอ่ยตอบเสียงเบา ใบหน้าของนางฉายชัดถึงความเศร้าหมองที่อยู่ในแววตาคู่สวย หยาดน้ำตายังคงเอ่อคลอทั้งสองข้าง เมื่อต้องเอ่ยถึงมารดาที่ล่วงลับไปนานกว่าสิบปี

"โอ้ เช่นนั้นหรือนี่ พ่อเองก็คิดถึงแม่ของเจ้าเหลือเกิน"

อวี้เฉินฟู่เอ่ยตอบน้ำเสียงเลื่อนลอย เขายังคงคิดถึงภรรยารักอย่างไม่เสื่อมคลาย

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่เคยรื่นเริงพลันเศร้าหมองเมื่อเอ่ยถึงคนที่ตายไปแล้ว

'โจวลี่เฟย' ผู้เป็นฮูหยินรองกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ สายตาของนางมองอวี้หลันราวกับจะเชือดเฉือนเนื้อหนังให้แหลกคามือ

"หลันเอ๋อร์ วันนี้วันดีเจ้าจะมาเอ่ยเรื่องนี้บนโต๊ะอาหารคงไม่ดีกระมัง"

น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยเตือนสติทุกคนในที่นี้

"ขออภัยเจ้าค่ะแม่รอง ข้าไม่ดีเองที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่อารามเป่าซานได้ไหมเจ้าคะ"

"ย่อมได้แน่นอน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมเถิด พ่อจะเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้เอง"

"ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"

อวี้หลันแย้มยิ้มออกมาอย่างยินดี แผนการที่นางวางเอาไว้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว การไปที่อารามเป่าซานก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น นางแค่อยากออกไปจากสายตาที่จับจ้องของสองแม่ลูกเท่านั้นเอง และยังมีสิ่งหนึ่งที่นางซุกซ่อนเอาไว้ด้วย

"ท่านพ่อทานผักบ้างนะเจ้าคะ"

อวี้หลันคีบผักกวางตุ้งใส่ในชามของอวี้เฉินฟู่อย่างเอาใจ การแสดงออกของอวี้หลันล้วนทำให้ทุกคนตกใจ อวี้เฉินฟู่ก็เช่นกัน โดยปกติบุตรสาวของเขาจะเหนียมอายยิ่งนัก เวลาที่เขาชวนคุยก็แค่ตอบเป็นคำสั้น ๆ เท่านั้น แต่ดูท่าว่าหลังจากที่นางหายไข้ได้ทำให้นางเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงนี้ของอวี้หลันทำให้บิดาเช่นเขารู้สึกพึงพอใจมาก หัวใจแก่ชราพลันอิ่มเอมที่มีบุตรสาวมาออดอ้อนเช่นนี้

'อวี้ซูเยว่' คุณหนูรองแห่งจวนตระกูลอวี้ นางนั่งมองพี่สาวต่างมารดาด้วยความไม่ชอบใจนัก แต่นางทำได้แค่สงบใจเท่านั้น รอให้ท่านพ่อไปทำงานเสียก่อนเถิด นางจะต้องทำให้พี่สาวที่น่าชังผู้นี้รู้เสียบ้างว่าตัวเองควรอยู่ฐานะใด แต่ก่อนก็เห็นว่าทำตัวว่าง่ายดี แต่มาคราวนี้กลับทำตัวแปลกไป สงสัยนางคงต้องแกล้งให้หนักกว่าคราวที่แล้วสินะ

อวี้ซูเยว่นั่งทานอาหารเงียบ ๆ พลางมองท่าทางที่ออดอ้อนบิดาของอวี้หลันด้วยความไม่พอใจ แววตาของนางที่มองอวี้หลันราวกับอสรพิษร้ายที่กำลังรอให้เหยื่อเผลอไผล แล้วจึงค่อยแว้งกัดเหยื่อเมื่อมันเผลอ พร้อมกับฝังขมเขี้ยวแล้วพ่นพิษร้ายเข้าไปในร่างกายของเหยื่อ

อวี้หลันที่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาของอวี้ซูเยว่ได้หันกลับไปมอง พลางแสยะยิ้มออกมา สายตาของนางมองสบประสานกับอวี้ซูเยว่อย่างไม่หวั่นเกรง

'เชิญมองให้พอใจเถิดน้องสาวคนดี ข้าจะคิดบัญชีที่เจ้าทำกับเจ้าของร่างนี้อย่างทบต้นทบดอกเลยล่ะ!!'