ตอนที่ 4
มันเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงฟังดูแปลกเปลี่ยนไปจากท่าทางประสงค์ร้ายในตอนแรก
แมรี่หันขวับมาประสานสายตา เธอนิ่งงันไปชั่วขณะ แลลึกลงไปในดวงตาของชายคนนี้ ครั้นแล้วก็นึกฉงนว่าเขารู้จักชื่อเธอได้ยังไง
ด้วยความอยากรู้ สายตาของแมรี่จ้องประสานอยู่กับดวงตาซึ่งเธอจดจำได้ไม่มีวันลืม
มือเรียวตัดสินใจเอื้อมออกไปกระชากผ้าซึ่งผูกอำพรางครึ่งใบหน้าส่วนล่างของเขาเอาไว้ ครั้นแล้วแมรี่ก็ต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ บ้าฉิบ! ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเขาจริงๆ
“เจมส์… ”
เธอเรียกชื่อเขา ลากเสียงยาวเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“สวัสดีแมรี่คนสวย”
หนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่ตีบทโจรร้ายได้อย่างแนบเนียน ซ้ำยังเอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดี ขณะที่แมรี่ใจหายใจคว่ำ
“เล่นบ้าอะไรแบบนี้”
กำปั้นน้อยๆ ของแมรี่ทุบตีพัลวันไปที่ต้นแขนและไหล่ของเขา ร่างสูงใหญ่ไม่สะทกสะท้าน แต่กลับหัวเราะร่วนด้วยความขบขันที่ได้แกล้ง
“ดีใจที่ได้เจอ”
เจมส์อ้าแขนออกกว้าง เขาอยากทักทายด้วยการสวมกอด หากแต่แมรี่กลับดูเก้ๆ กังๆ ก่อนจะโผเข้าสวมกอดร่างใหญ่โตของเจมส์
“มาได้ยังไง… มาทำอะไรแถวนี้”
แมรี่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจที่ได้เจอหน้าผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เจมส์เป็นเพื่อนรักของราอูลซึ่งเป็นสามีของเธอ
หลายปีมาแล้วที่เขาหายหน้าไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเจมส์ไปทำมาหากินอยู่ที่ไหน แมรี่รู้จากปากของราอูลว่าเจมส์หันไปเอาดีกับอาชีพคาวบอย รับจ้างต้อนฝูงปศุสัตว์ทั่วราชอาณาจักร
“มางานแต่งน้องเมียเพื่อน”
เขาหมายถึงซูซานซึ่งเป็นน้องสาวของแมรี่นั่นเอง
“รู้ได้ยังไงว่าซูซานจะแต่งงาน”
แววฉงนปรากฏขึ้นในดวงตาของแมรี่ เจมส์หายไปนานจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรู้เรื่องนี้
“ราอูลส่งข่าวไปบอก… คิดว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว”
เขาตอบยิ้มๆ
ลำแสงสุดท้ายของแดดในตอนใกล้ค่ำที่สาดมากระทบเค้าโครงคมสันของใบหน้า ยืนยันว่าเจมส์ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลงไปจากครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็น ผิวสีทองแดงคร้ามแดดที่ได้มาจากการทำงานท่ามกลางแสดงแดดร้อนแรงในทุ่งโล่งกว้าง ยิ่งทำให้เขาดูคมเข้มสมชายชาตรีขึ้นไปอีก
“งานแต่งจัดขึ้นวันมะรืนนี้”
แมรี่บอกพลางเอื้อมมือออกไปปัดฝุ่นสีแดงที่เกรอะกรังอยู่
บริเวณไหล่ของเขา
เจมส์ไม่ได้สนใจฝุ่นที่เกาะอยู่กับเสื้อโค้ทของเขาเลยสักนิด แต่กลับคว้ามือของแมรี่มาบีบเอาไว้แน่นด้วยความลืมตัว
“อย่าค่ะ… ”
แมรี่หัวใจเต้นแรง รีบแกะมือของเขา พยายามต่อต้านแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น แต่แผ่ซ่านรุนแรงและรับรู้อยู่ในใจของเธอและเขา แมรี่รู้มาตลอดว่าเจมส์แอบรักเธอ
ครู่ต่อมารถม้าของแมรี่ก็วิ่งต่อไปโดยมีเจมส์ขี่ม้าเคียงขนาบมาติดๆ ทำราวกับว่าเป็นผู้อารักขา ภายหลังจากเล่นพิเรนทร์จนหนำใจ ทำเอาแมรี่ใจหายใจคว่ำ กลัวลนลานว่าจะตกเป็นเหยื่อของโจรปล้นสวาทเข้าแล้ว
แม่รี่รู้สึกดีใจและอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นับเป็นอีกวันอันน่าจดจำสำหรับชีวิตของเธอ ที่จู่ๆ ก็ได้เจอหน้าเขาโดยไม่คาดฝัน
ระหว่างทางที่รถม้ากำลังแล่นกลับฟาร์ม แมรี่อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้ น่าแปลกที่ผู้ชายคนนี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง โดยเฉพาะในตอนที่เจมส์บอกว่า ‘ปล้นสวาท’
แม้เหตุการณ์เมื่อครู่จะเกิดขึ้นจากความนึกสนุกของเขาก็จริง แต่แมรี่เท่านั้น… ที่รู้ว่าสายตาของเจมส์ในขณะที่จับจ้องอยู่กับใบหน้าของเธอเมื่อครู่นั้นฟ้องว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด
“เฮ้ย… ไอ้เกลอ”
ราอูลตะโกนทักทายเสียงดังลั่น เขาจดจำได้ไม่ลืม ท่วงท่าสง่างามบนหลังม้าของเจมส์ไม่เหมือนใคร หลังจากเหลือบไปเห็นม้าของเขากำลังควบตามหลังรถม้าของแมรี่เข้ามาภายในฟาร์ม แลเห็นฝุ่นสีแดงเช่นเดียวกับสีของถนน คละคลุ้งขึ้นจากเท้าม้าและล้อเกวียนที่บดอยู่กับผืนดินสีน้ำตาลแล้ง
ท่ามกลางเศษใบหญ้าปลิวกระจายอยู่ในประกายแสงทองสุดท้ายของวัน เจมส์กระโดดลงจากหลังม้า ท่วงท่าทะมัดทะแมง จูงม้าไปผูกไว้กับเสารั้ว ปล่อยให้กินน้ำในถังแกลอนสีน้ำตาล ก่อนจะเดินตรงรี่เข้ามาหาเพื่อนรัก
“ราอูล… ”
คนที่เพิ่งมาถึงยกมือขึ้นทักทายเพื่อนรัก ทั้งคู่สวมกอดกันแน่น แสงจากดวงพระอาทิตย์ที่กำลังลอยเรี่ยต่ำลงแตะสันเขา สาดย้อนมาทางด้านหลังของเจมส์โดยที่เขาไม่รู้ว่ามีสายตาของหญิงสาวคนหนึ่ง แอบมองดูการมาถึงของเขาอยู่เงียบๆ จากบานหน้าต่างชั้นสองของบ้าน
เจมส์สังเกตเห็นใบหน้าของเพื่อนรักยังแดงก่ำ ดวงตาเชื่อมวาวไปด้วยฤทธิ์สุรา เพียงเท่านั้นก็เดาได้ว่าราอูลเพิ่งสร่างเมาได้ไม่นาน
“ยังหล่อเหลาเหมือนเดิม… ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้”
ราอูลตบไหล่เพื่อนรักด้วยความสนิทสนม
“ยังไม่เลิกเหล้าอีกหรือ”
เจมส์ถามเพราะกลิ่นสุราซึ่งไม่เพียงแต่คละคลุ้งอยู่ตามเนื้อตัวของเขา หากแต่ยังเจืออยู่ในลมหายใจ เหงื่อไคลและกระแสเลือดของราอูล สิ่งเหล่านี้ฟ้องว่าทุกวันนี้เขาติดสุรางอมแงม
“พยายามลดลง… แต่เลิกไม่ได้สักที”
เขาตอบไม่เต็มปากเต็มคำ
“เอาน่ะ… ถ้าตั้งใจจริงต้องทำได้สักวัน”
เจมส์ตบหลัง สวมกอดให้กำลังใจเพื่อนรักอีกครั้ง
คำพูดของเจมส์ทำให้ราอูลรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอันประหลาด เขารู้ว่าไม่ได้เกิดจากกระแสลมหนาวที่โชยมาบาดผิวจนรู้สึกได้ เหมือนรู้ว่า ‘สักวัน’ ที่เจมส์ว่า จะไม่มีวันมาถึง
“ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็ว”
ราอูลกล่าว ขณะรอบๆ กายความมืดกำลังคลี่คลุมไปทั่วผืนฟาร์มสีน้ำตาลแล้ง
“ได้โทรเลขก็รีบมาเลย”