ตอนที่ 2

“รวมหัวกันนั่นแหละ อย่าโยนเรื่องให้กันไปกันมา แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าเลิกงานถ้าจะไปเที่ยวไหนก็ต้องกลับมาบ้านก่อน กลับมากินข้าวกับแม่และพ่อก่อน แล้วหลังจากนั้นจะไปไหนค่อยไป ไม่ใช่ทำแบบนี้ หลังๆ มาบ่อยมาก จนแม่จำหน้าลูกๆ ไม่ได้แล้ว ไปเที่ยวแล้วก็พากันเมาไม่ก็พาผู้หญิงไปค้างที่คอนโดบ้างล่ะ ไม่ก็แฟลตที่โรงพยาบาลบ้างล่ะ เก โท หัส และกรรจ์เป็นถึงทายาทของเจ้าสัว เป็นถึงผู้บริหารโรงพยาบาล ทำไมทำตัวแบบนี้กัน อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ กันแล้ว สามสิบเจ็ดปีแล้วนะปีนี้ แม่ว่าลูกๆ ควรแต่งงานได้แล้ว ทุกคนด้วย ต้องแต่งงานกันในปีนี้ แม่จะแนะนำลูกสาวเพื่อน...”

“อ่า...ง่วงแล้วครับ แม่จ๋าขอต่อพรุ่งนี้ได้ไหมครับ อ่า...” สากรรจ์เอ่ยขึ้นพร้อมปิดปากแสร้งแกล้งทำเป็นง่วงเหงาหาวนอน

“เนี่ยไง พอพูดถึงเรื่องแต่งงานทีไรเป็นงี้ทุกที ไม่ต้องทำมองบนกันเลยนะ แม่รู้ว่าลูกทุกคนรำคาญ อาทิตย์หน้าไปดูตัว แม่จะพาไปเองไม่นัดให้แล้ว”

“แม่จ๋า...” สี่เสียงเอ่ยพร้อมกันเมื่อถูกคนเป็นแม่เผด็จการ

“ไม่ต้องเลย ถ้านัดให้เหมือนครั้งก่อนๆ พวกลูกก็ไม่ไปและไปก็ไปพูดไม่ดีใส่ลูกเพื่อนของแม่ ครั้งนี้แม่จะพาไปเอง และทุกคนด้วย ถ้าง่วงก็ไปนอน ห้ามออกไปไหนอีกล่ะ ถ้าออกไปนะ พรุ่งนี้แม่จะลงหวายทุกคนเลยคอยดู เจ้าสัวขึ้นห้อง” ท้ายประโยคหันมาพูดกับสามีแล้วเดินขึ้นบันไดไปทันที

“แม่จ๋า...ทำไมผมโดยแส้หวายของแม่จ๋าคนเดียวล่ะครับ” สาเกเอ่ยร้องเรียกแม่ที่เดินหายลับขึ้นไปยังชั้นสองแล้ว ส่วนคนเป็นพ่อก็หันมายิ้มให้ลูกชายทุกคนพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ว่า

“เป็นไงล่ะแฝดนรก เจอผู้บังคับบัญชาเผด็จการแล้วเป็นไง”

“พ่อเผ่า” สากรรจ์เดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อเพื่อจะขอให้ท่านช่วย และพวกพี่ๆ ของเขาก็เหมือนกัน

“พ่อช่วยพวกแกไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ ขนาดพ่อเองก็ยังโดน ไปนอนล่ะ ชักช้าเดี๋ยวแม่จ๋าของพวกแกลงแส้หวายพ่ออีก” แล้วก็รีบเดินขึ้นชั้นสองทันที

“ไงล่ะทีนี้ แม่จ๋าเอาจริงแล้วพวกเรา” สากรรจ์เอ่ยขึ้นแล้วทรุดกายนั่งลงกับพื้นกระเบื้องเงาวาวของบ้านหลังใหญ่

“มึงก็คิดมากไปไอ้กรรจ์ ยอมๆ ไปก่อน แล้วยังไงค่อยว่ากันอีกที” สาเกเอ่ยแล้วเดินขึ้นบันไดไปทันที

“จริงของไอ้พี่เกว่านั่นแหละไอ้กรรจ์ มึงน่ะคิดมาก” สาหัสตบไหล่น้องชายแล้วเดินตามคนเป็นพี่ไปอีกคน

“เข้าใจว่ะ เพราะกูก็เครียดตอนนี้ อะไรแต่งงาน บ้าบอ แม่จ๋านะแม่จ๋า บังคับตลอดเลย” สาโทพูดแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปทันที เหลือแต่สากรรจ์ที่นั่งอยู่ที่พื้นคนเดียว เมื่อเหลือตัวคนเดียวก็ล้มตัวลงนอนที่พื้นมองเพดานที่ประดับด้วยโคมไฟสวยๆ

เฮ้อ!

“แต่งงานเหรอ ให้ตายยังดีกว่าเลย ไม่มีทางหรอกแม่จ๋า...ลูกกรรจ์ไม่ยอมแต่งงานแน่นอน แต่งงานนอนได้แค่กับเมียคนเดียว โสดอยากนอนกับใครก็ได้ แถมอยากควบสองสามสี่ก็ได้...หึหึ แม่จ๋านะแม่จ๋า ดุฉิบ!” แล้วก็พลิกตัวลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักของตัวเอง ตอนนี้คงต้องนอนแล้ว ถ้าออกไปข้างนอกตอนนี้มีหวังพรุ่งนี้โดยลงหวายแน่นอน เพราะแม่ไม่เคยขู่ แต่ท่านทำจริงทุกครั้งที่พูด

“แกๆ ดูรีวิวคลินิกนี่สิ ดีอ่ะแก ทำนมก็สวย จมูกก็สวย ที่สำคัญหมอเจ้าของคลินิกหล่อด้วยแก” แพตตี้สาวสองเปิดเพจของคลินิกเสริมความงามที่ได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ให้เพื่อนสาวดู

“คลินิกอะไรของแกแพตตี้”

“เนี่ยไงแก คลินิกสากรรจ์ความงาม” อ่านชื่อคลินิกให้เพื่อนรักฟัง

“แน่ใจนะว่าชื่อคลินิก แปลกพิลึก”

“ไม่แปลกหรอก ก็เนี่ยฉันไปอ่านมา ชื่อคลินิกคือชื่อของหมอ หมอคนนี้ไงแก” แพตตี้ส่งให้เพื่อนดูรูปหมอเจ้าของคลินิก

“หมอฝรั่งเหรอ แล้วทำไมชื่อไทย” คุณรัก ดาวประดับ หรือคุณ สาวสวยรวยทรัพย์ ไม่ทำงานก็มีกิน วัย 25 ปีเอ่ยพร้อมกับจ้องมองรูปของเจ้าของคลินิกที่เพื่อนนำมาให้ดู

“น่าจะมั้งแก อาจเป็นลูกครึ่งก็ได้ แต่สเปคแกเลยนะยัยหมวย ชอบฝรั่งไม่ใช่เหรอ สายฝอไม่ใช่เหรอ เนี่ยไงหมอสเปคแกเลยนะ”

เหอะ!

“ไม่เอาจ้ะ ชอบแบบฝรั่งไม่ครึ่ง แต่ทำไมนะ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ ต่างประเทศก็ไปมาหมดแล้ว ไปอ่อยไปยั่วถึงที่ก็ไม่มีคนชอบฉันสักคน ฉันว่าฉันต้องปรับเปลี่ยนตัวเองว่ะ ไม่อยากหมวยแล้ว”

“ก็เนี่ยไง ถ้าจะทำนม ทำตา ก็ที่นี่เลย”

“เดี๋ยวฉันคิดดูก่อน ว่ายังไงถ้าจะทำจะไปปรึกษาหมอก่อน อีกอย่างตอนนี้ฉันก็สวยแบบหมวยอินเตอร์อยู่แล้ว โบท็อกซ์ ร้อยไหมยังอยู่”

“เนี่ยนะถ้าไม่มุ่งมั่นกับสายฝอ ป่านนี้แกมีผัวไปแล้ว มีแต่คนหล่อๆ มาจีบก็ไม่สนใจ ไม่เข้าใจเลยยัยคุณ แกน่ะสวยก็สวยจะไปทำทำไม นมก็ไม่ได้เล็ก เนี่ยคัพดีแล้วนะแก”

“แล้วไง ฉันมีเงิน”

“จ้ะ แม่ลูกสาวคนเดียวของเฒ่าแก่โรงสี ไปนอนล่ะ ถ้ายังไงก็ไปดูนะแก พรุ่งนี้ฉันต้องไปแล้ว พอดีมีทัวร์ที่ดูไบสองอาทิตย์น่ะ”

“อือ...แกแคปรูปส่งในไลน์ให้ฉันด้วยนะแพตตี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรบอกป๊าก่อนว่าจะไปทำนมและตาสองชั้น”

“ย่ะ...แม่คนรวย”

“แน่นอน ไปนอนเหมือนกันแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่สวย”

“จ้ะ และอย่าลืมล่ะ ตื่นแต่เช้าด้วย เพราะแกต้องไปส่งฉันที่สนามบิน”

“รู้แล้วน่า” แล้วสองสาวก็แยกย้ายกันไปนอนห้องใครห้องมัน คุณรักมีบ้านที่กรุงเทพฯ เสี่ยฟงมาซื้อไว้ให้ลูกสาวตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งแล้ว ส่วนแพตตี้นั้นเป็นเพื่อนสนิทที่มาเรียนที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน ตอนนี้แพตตี้ได้ไปศัลยกรรมแปลงเพศเป็นสาวสมบูรณ์แบบแล้ว และแน่นอนว่าแพตตี้บินไปทำถึงเกาหลี ส่วนคุณรักนั้นก็แค่ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม บำรุงผิวก็สวยแล้ว เธอเป็นสาวหมวยที่จัดว่าสวย แต่เธอก็ไม่พอใจในความสวยของตัวเอง และตอนนี้ก็มีแพลนอยากทำหน้าอกที่คัพดีอยู่แล้วมาเป็นคัพอี และตาที่หมวยก็อยากทำเป็นตาสองชั้น และแน่นอนว่าป๊าของเธอนั้นต้องสนับสนุน ไม่มีอะไรที่ท่านไม่สนับสนุนถ้าเป็นความต้องการของเธอ ขนาดว่าเธอมาอยู่กรุงเทพฯ ไม่ยอมกลับไปช่วยงานที่บ้านทั้งๆ ที่เรียนจบแล้ว ท่านยังไม่บ่นสักคำเลย และที่สำคัญเธอไม่ทำงานอะไร ดีแต่ใช้เงินเที่ยวไปวันๆ เพราะพ่อของหล่อนเคยพูดว่า ‘ใช้ชีวิตให้คุ้มเหมือนกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต’ หล่อนจำได้จนขึ้นใจเลยล่ะ ตอนนี้เธอจึงมุ่งเน้นไปที่ทำสวยอย่างเดียว