ตอนที่2 จุดเริ่มต้น(อดีต)
วิวาห์ในวัยยี่สิบสี่ย่างเข้ายี่สิบห้า คนที่เรียนจบมาแล้วร่วมสองปีแต่เธอกลับหาสิ่งที่อยากทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือเรียนต่อเธอก็ยังไม่เลือกอะไรสักอย่าง นั่นเลยทำให้พ่อของเธอคิดทำอะไรสักอย่าง
“วาห์ ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของบ้านเรามีปัญหา บริษัทก็อาจจะถูกฟ้องล้มละลายได้” เสียงเรียบนิ่งพร้อมกับใบหน้าจริงจังบอกลูกสาวขึ้น
“อะไรนะคะ! ทำไมอยู่ๆถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ” วิวาห์ถามพ่อตัวเองขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อเพราะที่ผ่านมาเธอก็ยังใช้ชีวิตปกติอยู่เลย
“ถ้าพ่อจะขอให้ลูกไปทำงานที่บริษัทของคนรู้จักพ่อ ลูกจะไปไหม” พ่อของเธอเอ่ยถามออกมาอย่างจริงจัง
“พ่อ ไม่ได้กำลังจะหลอกวาห์ใช่ไหม” เธอถามอย่างไม่อยากเชื่อ
เพราะเธอเรียนจบมาและยังไม่คิดจะทำงานเนื่องจากยังไม่เจอสิ่งที่อยากทำ เธอใช้ชีวิตไปวันๆหลังเรียนจบจนผ่านมาสองปีโดยที่การเงินก็ไม่ได้มีปัญหา แต่อยู่ๆพ่อมาพูดแบบนี้แค่กำลังอยากให้เธอทำงานหรือเปล่า หรือว่าครอบครัวมีปัญหาจริงๆ
“ถ้าลูกยังไม่อยากทำพ่อก็ไม่ว่าอะไร ไม่ว่ายังไงพ่อก็จะพยายามไม่ให้ลูกกับแม่ลำบาก” พ่อของเธอไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับพูดออกมาอย่างให้คำมั่นสัญญา
“วาห์ทำก็ได้ค่ะ” แม้ว่าเธอยังไม่อยากทำ แต่ถ้าทางบ้านกำลังประสบปัญหาเธอก็ต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเอง อย่างน้อยหากอนาคตครอบครัวถูกฟ้องล้มละลายจริงเธอก็ยังพอมีรายได้จุนเจือครอบครัวอีกทางได้
“ขอบใจนะลูกที่ไม่โทษพ่อ” พ่อของเธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มปิติอย่างมาก
“วาห์จะโทษพ่อเรื่องอะไรละคะ” เธอย้อนกลับไปอย่างที่คิด แต่อีกใจหนึ่งก็ยังรู้สึกตกใจจนไม่อยากเชื่อกับชีวิตที่พลิกผันของตัวเองมาก
เธอก็ได้แต่หวังว่าครอบครัวของเธอจะสามารถประคับประคองไม่ให้มันดำดิ่งเกินกว่าจะรับไหว
หลังจากวิวาห์รับปากว่าจะทำงานที่บริษัทของเพื่อนพ่อเธอ ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างง่ายดายและรวดเร็วราวกับได้มีตำแหน่งพร้อมรอเธออยู่แล้ว
แต่ก่อนเริ่มงานก็ต้องแสดงมารยาทต่อว่าที่เจ้านายที่รับเธอเข้าทำงานอย่างไม่ต้องส่งใบสมัครหรือสัมภาษณ์เลยสักนิดด้วยการไปเจอเพื่อนรุ่นพี่ของพ่อเธอพร้อมกับครอบครัวของเธอ
และมันก็คือครั้งแรกที่วิวาห์ได้เจอกับผืนป่าเป็นครั้งแรก(ในความทรงจำวัยโต) และน่าขำที่เธอดันรู้สึกตื่นเต้นกับการเผชิญหน้ากับเขา ยิ่งรู้สึกดีไม่น้อยที่ครอบครัวของเขาเอ็นดูเธอและจับจองเธอเป็นลูกสะใภ้
หน้าที่ของวิวาห์ที่คุณพนาวรรณเพื่อนพ่อเธอได้เลือกให้ก็คือเลขาส่วนตัวของผืนป่า ตำแหน่งที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไงถึงได้ว่างให้เธอเข้าไปทำได้ ใจหนึ่งเธอก็กลัวว่าจะทำไม่ได้เพราะตัวเองไม่เคยทำงานมาก่อน แต่เธอก็ไม่คิดปฏิเสธตำแหน่งนี้เพราะอยากทำงานใกล้กับผืนป่านั่นเอง
เธอถูกสอนงานโดยเลขาเก่าแก่ของคุณพนาวรรณ ถูกช่วยเหลือด้วยเลขาคนก่อนของผืนป่าที่ได้ย้ายไปทำตำแหน่งอื่นอย่างเต็มใจ จนเวลาผ่านไปสามเดือนเธอก็ถูกปล่อยให้เดินงานเอง แม้แรกๆยังผิดบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดีโดยเจ้านายของเธออย่างผืนป่าไม่ได้ด่าว่าเธอสักคำนอกจากบอกให้เธอแก้ไขอย่างมีเหตุผล
ยิ่งได้อยู่ใกล้เขาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งได้อยู่ใกล้เขาก็ไม่ต่างจากเด็กสาวที่กำลังตกหลุมรักชายหนุ่มในฝัน ซึ่งทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี(ในฐานะเจ้านายและลูกน้อง)
กระทั่งร่วมงานกันได้ประมาณสามเดือนกว่าๆวันนั้นเขาชวนเธอไปพบลูกค้าที่ร้านอาหารในเวลากลางคืนและสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มไปพูดคุยกันไป แต่แทนที่ตกลงทุกอย่างเรียบร้อยเสร็จเขาจะกลับ แต่เขายังอยู่ดื่มต่อกระทั่งรู้สึกเมาจึงมีเธอที่เป็นคนขับรถไปส่งเขาที่คอนโด
เธอพาเขาไปถึงห้องนอนและตั้งใจจะปล่อยเขาลงเตียง แต่เขาที่คล้องคอเธออยู่กลับไม่ปล่อยทำให้ทั้งเธอและเขาล้มไปบนเตียงด้วยกันโดยมีเธออยู่ด้านบน เธอตั้งใจจะลุกขึ้นแต่แขนแกร่งกลับตวัดกอดแผ่นหลังของเธอไว้ทำให้เธอลุกไปไหนไม่ได้
แล้วดวงตาฉ่ำปรือของคนเมาก็มองสบตากับเธอแล้วพูดขึ้น
“ฉันอยากคบกับเธอ”
“อะ...อะไรนะคะ!” วิวาห์แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินและไม่ได้ตั้งตัว
“เธออยากคบกับฉันไหม”
“คา...ค่ะ” เธอไม่ได้ง่าย เธอแค่อยากได้มานานแล้วเหมือนกัน นั่นเลยทำให้เธอตอบรับออกไปอย่างค่อนข้างมึนงงราวกับคนเมาเองซะแล้ว
“งั้นต่อจากนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉัน” เขาพูดขึ้นอย่างจอมบงการ พูดจบใช้มือข้างหนึ่งกดหัวเธอลงไปแล้วมอบจูบดูดดื่มให้กับเธอพร้อมกับเธอที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปอย่างง่ายดายกับความตื่นเต้นท้าทายตรงหน้า
และมันก็กลายเป็นสัมพันธ์แนบชิดของเธอกับเขาในครั้งแรก และก็เป็นครั้งแรกของเธอที่ช่างเกิดขึ้นอย่างง่ายดายอย่างไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นเธอถูกเขากัดกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งห้องพัก ทั้งห้องทำงาน เธอต้องหอบเสื้อผ้าตัวเองไปอาศัยอยู่กับเขาอย่างไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย แต่มันกลับเป็นการถูกยึดครองเวลาที่เธอเต็มใจและมีความสุขไม่น้อย
แต่...