9 - ออกไปให้พ้น ๆ จากชีวิตของฉัน
ฉันอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเพื่อจะไปเรียน พรางมองรอยแดงที่คอของตัวเองผ่านกระจกแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที กว่าจะปิดรอยบ้านี่ได้ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงเลย ไอ้บ้านั่น!! แถมยังเอารถฉันไปใช้อีก ฉันพยายามสะลัดความหงุดหงิดออกไปจากหัวเพราะต้องรีบไปเรียนตอนนี้มันสายแล้ว
เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยฉันก็ต้องคอยฉีกยิ้มหวาน ๆ ให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะว่าฉันเป็นดาวของที่นี่นะสิ วันที่อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ยังต้องมาฝืนยิ้มให้คนอื่นอีก เฮ้อ!!
“น้องสายธารครับ น้องสายธาร” ในขณะที่ฉันกำลังเดินไปเรียนกับเพื่อน ๆ จู่ ๆ ก็มีผู้ชายใส่แว่นท่าทางเหมือนเด็กเรียนเดินตรงมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้ม
“ว่าไงคะ ^_^”
“เอ่อ คะ คือพี่เอาขนมมาฝาก” เขายื่นถุงขนมมาให้ฉันแต่ไม่ยอมมองหน้าฉันนะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเหมือนกำลังเขินฉันอยู่
“ขอบมากนะคะ ^_^” ฉันรับถุงขนมมาแล้วก็รีบเดินแยกตัวไปทางอื่น จู่ ๆ ถุงขนมในมือของฉันก็ถูกลีโอแย่งไปเฉยเลย
“มึงไปแย่งอิเจ้มันทำไมวะไอ้ลี” เตถาม
“กูหิว” พูดจบลีโอก็เปิดถุงขนมกินโดยไม่ขอฉันสักคำ แต่ก็ช่างเถอะฉันไม่อะไรอยู่แล้วอยากกินก็กินไป ฉันไม่ชอบกินของหวานน่ะ
“น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะกินขนม” เลย์พูดก่อนจะยิ้มแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก พี่น้องมันแซวกันแหละ
“ระวังมียาพิษนะลีโอ” พริ้งพูดแซวลีโอ
“อร่อยดีนะ” ลีโอมันไม่สนใจอะไรหรอกเคี้ยวกินหน้าตาเฉย
“อื้อนี่ !! พรุ่งนี้เราต้องไปที่มหาวิทยาลัยนั้นด้วยนะ ที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเราน่ะ”
ฉันถึงกับหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินพริ้งพูดขึ้นมาแบบนี้ แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยที่พริ้งพูดถึงมีแค่ที่เดียวที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ แต่ที่ฉันชะงักไปก็เพราะว่าผู้ชายเลือดเย็นคนนั้นเรียนที่นั่นยังไงล่ะ
ฉันรู้ เพราะฉันเคยสืบมาแล้ว ไปเฝ้าที่หน้ามหาวิทยาลัยก็ไปมาแล้ว
“ไปทำไม” เตชินถามพริ้ง
“เหมือนจะมีการผูกมิตรกันกระหว่างสองมหาวิทยาลัยน่ะ นี่นะห่วงแต่ไปเที่ยวกันไม่รู้อะไรกับเขาเลยงั้นหรอ” พริ้งมองพวกฉันสี่คนก่อนจะถอนหายใจแล้วสายหน้าไปมา
“สายธาร แกเป็นดาวของที่นี่แกน่ะต้องไปเลย ไม่ไปไม่ได้”
“โอ้ย!! เนี่ย ถ้าแกไม่ป่วยวันนั้นนะฉันก็ไม่ต้องลงประกวดแทนแกหรอก ใครจะไปคิดว่าจะได้ล่ะ”
พริ้งพูดถูก สำหรับฉันไม่มีข้อยกเว้นยังไงก็ต้องไป ถึงไม่อยากไปก็ตาม
“แกสวยไง ^_^”
“ฉันไม่ชอบแบบบนี้แกก็รู้”
“เฮ้ย ได้ข่าวว่าผู้หญิงที่นั่นโคตรแจ่มเลยนะเว้ย” เลย์เริ่มชวนพวกนั้นเพ้อฝันถึงผู้หญิงที่มหาวิทยาลัยนั้น คงมีแต่ลีโอคนเดียวที่ไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของเลย์
ฉันไม่ได้ถามพวกนี้หรอกเรื่องเมื่อคืน เพราะถ้าถามไปเดี๋ยวพวกมันจะสงสัยกันเปล่า ๆ เรื่องแบบนี้เก็บไว้คนเดียวคงดีที่สุด พวกมันก็คงไปส่งฉันที่คอนโดนั่นแหละ ฉันแค่ซวย !
หลังจากเลิกเรียนฉันขับรถกลับคอนโดคนเดียวเพราะแฟนของยัยพริ้งอาสามารับ คู่นี้หวานกันไม่แคร์ฉันที่ยังโสดอยู่เลยจริง ๆ บางทีก็แอบอิจฉาเหมือนกันนะ แต่ชีวิตฉันสิเจอแต่ผู้ชายเหี้ย ๆ
พอเดินมาหยุดที่หน้าห้องฉันก็ต้องทำใจก่อนเพราะเปิดไปบางทีฉันอาจจะเจอกับคนที่ฉันไม่อยากเจอหน้าเขานั่งอยู่ก็ได้
“จะยืนจ้องประตูอีกนานมั้ย ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ กับฉัน ทำเอาฉันสะดุ้งแล้วรีบหันไปมองทันที เจ้าของเสียงก็คือผู้ชายที่ฉันไม่อยากเจอไงล่ะ
“เอากุญแจรถฉันมา แล้วเอาของนายไป” ฉันไม่ยอมให้เขาเข้าไปในห้องหรอก ฉันยื่นกุญแจรถไปให้เขาทั้งที่เรายังยืนกันอยู่หน้าประตู
“รถเธอมีปัญหานิดหน่อย” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะเสียบคีการ์ดในมือตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องของฉันเฉยเลย ว่าแล้วมันต้องเป็นแบบนี้ !!
“ปัญหาอะไร” ฉันรีบถามเขาทันทีที่เดินเข้ามาในห้องแล้ว
กำปั้นเดินออกไปด้านนอกระเบียงก่อนที่เขาจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ทั้งที่ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าหนาขนาดนี้กัน
“เธอเอารถฉันไปใช้ก่อน” เขาไม่ยอมตอบคำถามของฉัน แต่บอกให้ฉันเอารถเขาไปใช้แทน มันอะไรกันอีก !!
“นี่นายเอารถฉันไปทำอะไรมาห๊ะ นายเอารถฉันไปชนมาใช่มั้ย !!” ฉันกำหมัดแน่น บอกเลยนะว่าฉันรักรถคันนี้มาก เพราะมันคือรถคันแรกของฉัน แล้วฉันก็ไม่เคยขับชนเลยสักครั้ง เขากล้าดียังไง!!
“ไม่ได้ชน” พูดจบควันบุหรี่สีขาวก็ถูกพ่นออกมาจากปากของเขา
“ไม่ได้ชน แล้วรถฉันเป็นอะไร !!”
“ถามมากจังวะ !!” เขาหงุดหงิดใส่ฉันแล้วก็มองฉันแบบไม่สบอารมณ์ มันควรจะเป็นฉันมั้ยอ่ะที่ต้องอารมณ์เสียใส่เขา
“นาย! เอา! รถ! ฉัน! ไป! ทำ! อะไร! มา!” ฉันถามเสียงแข็งพร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง
“ก็ขับ แต่บังเอิญโดนไล่ยิง รถเธอเลยโดนลูกหลงนิดหน่อย” คิดว่าผู้ชายคนนี้มีหน้าตาแบบไหนเวลาพูด ที่เห็น ๆ อยู่ ก็เห็นแต่หน้าเดียวคือใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
เขาใช้คำว่าบังเอิญโดนไล่ยิง วอท!!! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย
“นี่นายเป็นใครกันแน่ ทำไมโดนไล่ยิง หรือว่านายเป็นโจร แล้วคนที่ไล่ยิงนายเป็นตำรวจใช่มั้ย นายเอารถฉันไปทำอะไรไม่ดีมาใช่มั้ย !!”
“ไร้สาระ” คำตอบของเขากับสายตาของเขามันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดคูณสองกับคำ ๆ นี้เลย ใครพูดก็ไม่เคยเจ็บ แต่พอมาเป็นผู้ชายตรงหน้าฉันพูดฉันกลับรู้สึกเจ็บซะงั้น
“ฉันไม่เล่นนะ เอากุญแจรถของฉันคืนมา”
“ฉันเหมือนคนพูดเล่น ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ใครจะไปรู้ก็มีแต่หน้าเดียว จะไปรู้หรือไงว่าพูดจริงพูดเล่น
ฉันพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเอง นับหนึ่งถึงสิบเพื่อให้ตัวเองใจเย็นจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังไงฉันก็ยังหงุดหงิดอยู่
“เอาล่ะ ฉันจะเอารถไปซ่อมเองส่วนนายไสหัวไปซะ !!”
บุหรี่ถูกดีดลงพื้นก่อนที่เขาจะใช้เท้าขยี้มันจนดับแล้วก็เดินกลับเขามาในห้องของฉัน ไม่รู้ทำไมแต่ฉันรู้สึกว่าเริ่มจะไม่ปลอดภัยจากผู้ชายคนนี้อีกแล้วสายตาที่เขามองฉันถึงมันจะดูเลือดเย็น แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจ มันน่ากลัวจนฉันต้องรีบถอยหลังหนีเขา
ผิดคาด!! ฉันคิดว่าเขาจะเดินตรงเข้ามาหาฉันแต่เปล่าเลย เขาเดินไปนั่งที่โซฟาแถมยังหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีดูอีกต่างหาก
มันจะมากเกินไปแล้วนะ !!
ฉันรวบรวมความกลัาของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปยืนตรงหน้าของเขาบังจอทีวีเอาไว้แล้วจ้องเขาตาเขม่ง
“นายทำแบบนี้ทำไม” คำถามนี้ฉันอาจจะเคยถามเขาไปแล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยเข้าใจมันอยู่ดี
“ทำอะไร ?” เขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน ยังคงเย็นชาเหมือนเดิมสายตาคู่นั้นของเขา
“ก็ที่นายทำ !!” ฉันจ้องมองใบหน้าของเขาเพื่อรอคำตอบ แต่เขาก็ยังทำเป็นนิ่งเฉยไม่ยอมตอบอะไรฉันอยู่ดี
“ขอได้มั้ย ฉันไม่ต้องการให้มารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น แต่ฉันขอให้นายออกไปให้พ้น ๆ จากชีวิตของฉันได้มั้ย” ฉันกำหมัดแน่น มองดูอาการของคนตรงหน้าที่เหมือนเขาจะรับฟังแต่เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดของฉันเลยสักนิด
“ที่ผ่านมา ฉันจะลืมมันให้หมด”
“หึ!! ลืม” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยถามฉัน “เธอไม่มีวันลืม”
ใช่! มันเป็นอย่างที่เขาว่า ฉันไม่มีทางลืม
“ฉันไปทำอะไรให้นาย”
“เธอไม่ได้ทำ แต่....” เขาเหมือนจะพูดต่อแต่เขาก็เงียบไปฉันสังเกตเห็นเขากำหมัดตัวเองแน่น มันมีอะไรกันแน่ เขาดูแปลกไปจากเมื่อกี้มาก
“แต่อะไร ?” ฉันถามเขา
อีกครั้งที่เขาเงียบ แต่สายตาของเขาที่มองฉันในตอนนี้มันกลับน่ากลัวมากกว่าทุกครั้ง
จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นและเดินมาคว้าเอวฉันดึงเข้าหาตัวเองด้วยความเร็วจนฉันถอยหนีไม่ทัน ฉันทำได้เพียงแค่ดิ้น ถึงจะรู้ว่าดิ้นยังไงก็คงจะไม่หลุด
เขาก้มหน้าลงมองฉัน ใบหน้าคมคายค่อย ๆ เลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของฉัน จึงจำให้ฉันต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
แต่ก็เหมือนว่ามันยิ่งเข้าทางเขา เพราะหลังจากที่ฉันเบือนหน้าหนี ริมฝีปากหนาก็กดจูบลงมาบนซอกคอของฉันทันที ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่มันกำลังเป่ารดอยู่บนซอกคอของฉัน ก่อนที่ฉันจะตั้งสติได้แล้วพยายามจะดิ้นอีกครั้ง
“นี่!! อย่านะ นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ มันมากเกินไปแล้วนะ ไอ้บ้า!!” ฉันทั้งด่าเขาทั้งดิ้นแต่เขายิ่งรวบเอวของฉันให้แน่นขึ้น
“ไม่มีคำว่ามากเกินไปสำหรับคนที่เคยมีอะไรกันแล้วหรอกนะ”