5 โกหก
ภายในหอพักนักศึกษาสี่เหลี่ยมขนาดเล็กและคับแคบ ณิชานั่งชันเข่าใช้ตัวเอนพิงไปกับหัวเตียง คนตัวเล็กกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องทั้งหมดอย่างใจเย็น
เธอเองก็มีความผิด ณิชาไม่กล้าอ้อนวอนขอร้องให้เพื่อนเห็นใจ แต่ก็ต้องหาวิธีทำให้ตัวเองได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปรวีร์เป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้ ถ้าพี่วีได้ฟังเรื่องทั้งหมด พี่วีจะต้องเห็นใจเธอแน่ ๆ
คนตัวเล็กกำลังคิดหาอุบายในหัว คาดหวังว่าจะได้เงินจากปรวีร์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พี่วีรักเธอ พี่วีจะต้องสงสารเธอ
แต่ถ้าเธอพูดความจริงทั้งหมด พี่วีจะต้องมองเธอเปลี่ยนไปแน่ ๆ เธอจะไม่ได้รับความรักและเอ็นดูจากเขาอีก เธอยังอยากเป็นณิชาที่น่ารักของพี่วี เธอไม่อยากเป็นใครก็ไม่รู้ในสายตาเขา
พ่อ!! พี่วีเคยพูดถึงพ่อของตัวเอง เรื่องการใช้อำนาจบังคับให้พี่วีต้องแต่งงานกับแม่นั่น ถ้าเกิดว่า....
มือเรียวเล็กกดปุ่มในโทรศัพท์เพื่อโทรหาปรวีร์ ซึ่งเขาก็รับสายทันที
“พี่วี” เธอทำเสียงอู้อี้ให้เหมือนกับเสียงของคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้น น้ำเสียงชาฟังแล้วไม่ค่อยดีเลย” ปรวีร์ไม่สบายใจที่น้ำเสียงของแฟนสาวเป็นแบบนั้น
“ทุน ค่ะ ชาโดนยกเลิกทุน...ฮื้อ....” เธอพูดพร้อมกับร้องไห้
“ทำไมล่ะชา เพราะอะไรถึงโดนยกเลิก” เขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา มันไม่ใช่เรื่องปกติที่จะมาถอนทุนกลางคันแบบนี้
“ชาก็ไม่รู้ค่ะ ชาไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร” เธอโกหกทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเหตุผลที่โดนยกเลิกทุนคืออะไร
ปรวีร์คิดถึงความเป็นไปได้หลายเรื่องโดยไม่ปล่อยผ่าน สุดท้ายเขาก็คิดออก
“พี่รู้แล้วว่าเพราะอะไร ไม่เป็นไรนะชา พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง” ปรวีร์คาดเดาว่าเรื่องทั้งหมดน่าจะเกิดขึ้นเพราะพ่อของตัวเอง จึงตั้งใจไปจัดการกับชยนต์ในวันนี้
เมื่อวางสายจากแฟนหนุ่มณิชาลอบยิ้ม
“พี่วียังรักชาอยู่ ถูกต้องแล้วพี่วียังเป็นห่วงชา”
ปรวีร์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของผู้ชายคนนั้นเขาจึงตั้งใจขับรถไปหาเจ้าสัวชยนต์ เพื่อถามหาเหตุผลที่พ่อทำเรื่องแบบนี้
คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ในโครงการแถบชานเมือง บ้านหลังนี้เจ้าสัวชยนต์ตั้งใจซื้อไว้ให้คุณแม่ แต่คุณแม่ร่างกายไม่แข็งแรงไม่ทันจะได้มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ก็สิ้นไปเสียก่อนเพราะโรคร้าย
ไม่นานชยนต์ก็ย้ายของทุกอย่างของคุณแม่มาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่นั้นเขาก็รู้สึกว่าผู้เป็นพ่อเปลี่ยนไปไม่ใช่พ่อที่เคยรักเขาเหมือนเดิม มีหลายครั้งที่เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ลูก เพราะจากการกระทำหลาย ๆ อย่างจากเจ้าสัวชยนต์
ส่วนตัวเขาเองเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยก็แยกตัวออกไปอยู่ต่างหาก โดยความจริงถ้าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเขาก็จะไม่มาเหยียบที่นี่
รถของปรวีร์เคลื่อนตัวเข้าไปจอดที่ลานหน้าบ้าน คนของเจ้าสัวเมื่อเห็นว่าเป็นปรวีร์จึงไม่ได้ขัดขวาง แถมยังอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เป็นประดุจคุณชายของบ้าน
“เจ้าสัวล่ะ”
“อยู่ข้างในครับ” คนของเจ้าสัวตอบ
“อยู่กับใคร” ปรวีร์ถามเพราะกลัวว่าตัวเองจะไปเห็นภาพอุจาดตา
“อยู่คนเดียวครับ วันนี้นายไม่มีผู้หญิง”
“งั้นก็ดี” ปรวีร์โล่งใจที่ไม่ได้มาเป็นคนขัดจังหวะความสุขของชยนต์
ชายหนุ่มก้าวขายาว ๆ เข้าไปในตัวบ้าน และเดินไปยังห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่ได้เคาะประตู
ชายวัยกลางคนเงยหน้าละจากกองเอกสารเพื่อดูว่าใครที่เป็นแขกที่เข้ามาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาจึงก้มหน้าทำงานต่อ ปรวีร์เป็นคนเดียวที่เขาให้เข้าออกห้องทำงานของตัวเองได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
“ฉันไม่เคยสอนให้แกทำตัวไร้มารยาทแบบนี้” ชยนต์เอ่ยเสียงเข้ม อย่างน้อยลูกชายเขาก็ควรจะเคาะประตูสักหน่อย
น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อดังกังวลแฝงไปด้วยอำนาจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนปรวีร์ก็ยังรู้สึกยำเกรงผู้ชายตรงหน้าเสมอ
“ผมมีเรื่องจะคุยกับเจ้าสัว”
“โอ้ว นานแล้วสินะที่แกไม่เรียกฉันว่าพ่อ” ชยนต์รู้สึกแสลงหูที่ลูกชายของตัวเองไม่เรียกเขาว่าพ่อ แต่เขาก็ยังก้มหน้าวุ่นกับกองกระดาษ A4 ที่อยู่วางกองอยู่ “แล้ววันนี้มีเรื่องอะไรถึงแล่นมาหาฉันได้” เขาถามลูกชาย
“ทุนของณิชา...พ่อเป็นคนทำใช่ไหม”
เจ้าสัวชยนต์เงยหน้าทันทีที่ลูกชายพูดถึงในสิ่งที่เขาไม่รู้เรื่อง
“ทุนอะไร?” ชยนต์ถามกลับ “ฉันไม่รู้ว่าแกพูดอะไร” ชายวัยกลางคน วางเอกสารทั้งหมด ลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกมือขึ้นมาประสานกันตรงหน้า
บุคคลที่สามที่บุตรชายเอ่ยชื่อออกมา เขารู้จักว่าคือใคร แต่เรื่องทุนที่ถูกพูดถึงในบทสนทนานี้ เขากลับไม่รู้เรื่องนั้นจริง ๆ
“พ่ออย่ามาทำไขสือ ก็ไม่ใช่พ่อเหรอที่ไปแทรกแซงทุนเรียนต่อต่างประเทศของชา จนตอนนี้เธอโดนถอนทุน” ปรวีร์รู้สึกพ่อของตัวเองกำลังเล่นละครได้แนบเนียนสุด ๆ เขาไม่เชื่อว่าเจ้าสัวชยนต์จะไม่รู้เรื่องนี้
ชยนต์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ๆ ก่อนที่ในหัวจะคิดอะไรสนุก ๆ ออก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ นะ” เจ้าสัวชยนต์ยิ้มร้ายให้กับลูกชายที่มายืนแหกปากใส่เขา
“ผมไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของแก” ชยนต์ไม่ใส่ใจว่าปรวีร์จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ถ้าเขาใช้เรื่องนี้มาเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กนี่แต่งงานกับครอบครัวนั้นเร็วขึ้นมันจะดีแค่ไหน
“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง” ปรวีร์มือสั่นเขาไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของชยนต์ จำเป็นต้องบีบบังคับกันขนาดนี้เหรอ เขาเองก็ยอมแต่งงานกับขจารินไปแล้วนี่
“เลื่อนงานแต่งสิ...แล้วฉันจะพิจารณาเรื่องนั้นอีกที” เรื่องนั้นที่ชยนต์เอ่ยอ้าง มันคือเรื่องไร้สาระที่เขาคิดขึ้นมามั่ว ๆ ในเวลานั้น
สิ่งที่เจ้าสัวชยนต์พูดออกมา มันก็เท่ากับว่าเขายอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าทำเรื่องนี้จริง ๆ ปรวีร์แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ผมก็ยอมแล้วนี่ไง พ่อยังจะเอาอะไรอีก” เขารู้สึกว่าชยนต์กำลังบีบคั้นตนเองเกินไป
“อย่ามาร้องไห้ต่อหน้าฉันนะ ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของแก” เขาไม่ชอบที่ลูกชายร้องไห้ทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้ อ่อนแอแบบนี้เขาจะไว้ใจฝากทุกอย่างของธนิศรกุลไว้กับเด็กคนนี้ได้ยังไง
เขายังต้องเติบโต เรื่องแค่นี้ไม่ตายหรอก
“ก็ได้ครับ ผมจะแต่งงานกับสตาร์เร็วขึ้น แต่พ่อ...พ่อต้องจัดการเรื่องทุนของณิชา”
“แน่นอน ว่าถ้าแกว่าง่าย ฉันก็พูดง่าย ลงมือง่าย” เจ้าสัวชยนต์พอใจกับคำตอบของลูกชาย
เมื่อตกลงทุกอย่างเรียบร้อย ปรวีร์เตรียมตัวจะกลับคอนโดของตัวเอง
“นอนที่นี่สิ ห้องนอนของแกยังเหมือนเดิม ฉันยังไม่ได้เอาไปทำห้องเก็บของ” ชยนต์ห่วงนิดหน่อยเพราะนี่ก็ดึกแล้ว อีกทั้งปรวีร์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติ
“ไม่นอนหรอกครับกลัวพ่อทำอะไรไม่สะดวก” ผู้เป็นลูกประชดก่อนจะเดินหายลับและขับรถออกไปจากบ้านเพื่อกลับที่พักของตัวเอง