บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1องค์ชายสาม

แคว้นหยวนซาน ดินแดนที่เจริญและมั่งคั่ง รุ่งเรืองด้านการค้าขาย มีแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งพืชผลการเกษตรนั้นก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์โดยแท้

ทว่ามีเพียงแค่เรื่องเดียวที่แปลกประหลาดนัก เหตุด้วยการประสูติองค์ชายน้อย ทำให้ผู้เป็นพระมารดาแทบเสียสติก็ว่าได้ เหล่าหมอหลวงต่างวิ่งเข้าออก โกลาหลวุ่นวายกันพักใหญ่ กว่าจะสงบลงมาก็เกือบหนึ่งก้านธูป

เหล่าหมอหลวงต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ข่าวคราวขององค์ชายสามผู้แปลกประหลาดนั้นเป็นที่ลือเลื่องดังไปถึงนอกวังหลวงเสียแล้ว

มารดาแผ่นดินร่ำไห้น้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด ด้วยพระโอรสองค์น้อย มีเส้นผมที่ต่างจากเหล่าพี่ทั้งสอง บังเกิดความแคลงใจแก่หวงตี้ของแคว้นหยวนซานนัก กระนั้นสืบทราบว่า มารดาแผ่นดินต้องพิษร้าย ส่งผลต่อพระครรภ์ เหล่าหมอหลวงทั้งหลายลงความเห็นเป็นเช่นนี้

ทว่าชาวบ้านต่างกล่าวขานและหวาดกลัวว่าองค์ชายสามผู้นี้ราวกับว่าเขามิใช่มนุษย์ อาจเป็นปีศาจจำแลงแปลงกายมาก็ว่าได้ เพราะเส้นผมสีขาวไม่เหมือนใคร ๆ ยังโชคดีที่ข่าวลือเกี่ยวกับพระมารดาแผ่นดินเล็ดลอดออกมา เหล่าชาวบ้านก็พากันเห็นอกเห็นใจองค์ชายน้อยยิ่งนัก

องค์ชายสามร่างกายอ่อนแอผ่ายผอมตั้งแต่กำเนิด จึงต้องร่ำเรียนวรยุทธ์ ฝึกฝนให้ร่างกายของตนแข็งแกร่ง แต่ทว่ามันก็ไม่อาจต้านโรคภัยของเขาได้เช่นกัน เขาล้มป่วยบ่อยครั้ง กระอักเลือดหลายหน ทุกข์ทรมานนักปางตายหลายครา

หลวงจีนรูปหนึ่งเดินทางมาในวันที่องค์ชายสาม อายุได้เพียงสามหนาว กล่าวว่าองค์ชายน้อยอายุจะไม่ถึงสามสิบปีเพราะชะตาของเขานั้นสูงส่งเกินไป ผู้ที่เกื้อหนุนดวงชะตาขององค์ชายผู้เคราะห์ร้ายนี้ จำต้องเป็นสตรีจากตระกูลไป๋

ตระกูลไป๋มีต้นกำเนิดนั้นคือสัตว์เทพ มีเทพไป๋หู่ (เสือขาว) คุ้มครอง ตามความเชื่อของตำราโบราณที่ร่ำลือ สืบทอดกันมาช้านาน แต่แท้จริงแล้วสตรีนางนั้นเป็นเพียงดรุณีที่แสนจะธรรมดา อีกทั้งชีวิตอาภัพนักหนา ซึ่งหลวงจีนมิเปิดเผยว่าเป็นผู้ใด ตระกูลไป๋มีบุตรีสองคน แต่ทว่าเป็นคุณหนูใหญ่ หรือคุณหนูเล็กกันเล่า

ยามนี้ผู้ที่ถูกทำนายดวงชะตา กำลังฝืนลิขิตสวรรค์ ร่ำเรียนวรยุทธ์ ฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่ง ทว่าร่างกายอันผ่ายผอมมิเอื้ออำนวยนัก อาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้นมา หยวนหย่งเล่อฝืนทนตัวเองจนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต มือข้างหนึ่งจับกระบี่พยุงตนเองเอาไว้

แม่ทัพเซียวอวี้หยางเพิ่งกลับจากรายงาน ด้วยความเป็นห่วงหลานชายคิดว่าคงจะต้องหักโหมฝึกฝนวรยุทธ์เป็นแน่ พลันความคิดของเขาก็เป็นจริงเช่นนั้น พบหลานชายกำลังพ่นโลหิตออกมา “ลุงกำชับเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าหักโหม!” ด้วยความเป็นห่วงจึงได้ดุหลานชายไปหนึ่งคำรบ

“หลานเพียงแค่รู้สึกเหนื่อยขอรับ” หยวนหย่งเล่อ แม้ว่าจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาหลายปี อาการเช่นนี้ไม่หายเสียที ยาดีอย่างไรก็รักษาไม่ได้ผล เส้นผมของเขายังคงเป็นสีขาวเฉกเช่นเดิม คำพูดของชายหนุ่มตอบกลับผู้เป็นลุงเกรงว่าท่านจะกลัดกลุ้มขึ้นมา

“อาการเจ้ากำเริบ ข้าว่าเจ้าเข้าในไปข้างในก่อนเถิด ข้าจะตามหมอหลวงมารักษา” แม่ทัพเซียวอวี้หยางร้อนใจนักเห็นหลานชายเป็นเช่นนี้ หัวใจของเขาห่อเหี่ยวและเจ็บปวดไม่ต่างจากหลานชาย หากเขาเจ็บปวดแทนได้ เขาจะเลือกให้ตนเองทุกข์ทรมานเสียยังจะดีกว่า

“ขอรับท่านลุง” หยวนหย่งเล่อตอบกลับ น้ำเสียงติดแหบแห้งสักเล็กน้อย บ่าวรับใช้เร่งเข้ามาประคองเจ้านายผู้สูงศักดิ์กลับไปพักยังเรือนนอน อันกว้างขวางใหญ่โตสมฐานะองค์ชายสาม แม้ว่าจะย้ายที่พักรักษาอาการเจ็บป่วย ข้างกายขององค์ชายยังมีองครักษ์และนางกำนัลติดตามมาดูแลรับใช้ถึงจวนตระกูลเซียว

ชายหนุ่มใบหน้าขาวซีดถูกประคองเข้ามายังห้องนอนอันกว้างขวาง นางกำนัลรีบถอดรองเท้าให้องค์ชายสาม ชายหนุ่มยกมือโบกทั้งนางกำนัลและองครักษ์ให้ออกไปด้านนอน เขาจึงได้ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนพลางปิดเปลือกตาลง

แม่ทัพเซียวเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องนอนของหลานชาย จิตว้าวุ่นสับสนนัก จะหาหมอเทวดาที่ไหนมารักษาหลานชายให้หายดีกันเล่า ด้านในห้องนอนขององค์ชายสาม หมอหลวงทำการฝังเข็มบรรเทาอาการปวด ชายชราใบหน้าซีดเซียวเสียยิ่งกว่าคนป่วย ใบหน้าเหี่ยวย่นมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมา เพราะเซียวฮองเฮาทรงประทับอยู่ด้วยในห้องนี้

“เจ้าช่างไม่ได้เรื่องนัก” เซียวฮองเฮาตวาดเสียงใส่หมอหลวงเพียงเพราะพระนางไม่พอใจ นอกจากอาการของลูกชายจะไม่หายขาด กลับยังดูแย่ลงเช่นนี้ มีหรือมารดาเช่นนางจะไม่ปวดใจ

“ท่านแม่อย่าได้ตำหนิท่านหมอเลยขอรับ เป็นลูกที่ไม่ระมัดระวังเอง หักโหมฝึกฝนจนเกินไป” หยวนหย่งเล่อมิอยากให้มารดาเกรี้ยวกราด พานใส่ท่านหมอเช่นนี้

อาการแปลกประหลาดของเขาจะหายดีในพริบตาเดียวได้อย่างไรกัน และต่อให้เป็นยาของท่านหมอเทวดา มีหรือจะหายได้ภายในสองสามวัน ทุกอย่างก็ล้วนใช้เวลาด้วยกันทั้งนั้น

“แม่จะต้องหาทางรักษาเจ้าให้จงได้ เล่อเอ๋อร์อดทนให้ถึงวันนั้นนะ” เซียวฮองเฮาลูบไล้เส้นผมสีขาวของบุตรชายด้วยความปวดใจยิ่งนัก ดวงตาคู่งามมีม่านน้ำตาคลออยู่หน่วยตาทั้งสองข้าง น้ำเสียงสั่นเครือกำชับลูกชายของพระนาง

เลือดเนื้อเชื้อไขของพระมารดาแผ่นดิน ต้องออกมาเติบโตอยู่นอกวังเช่นนี้ มีหรือพระนางจะยิ้มออก มีแต่ความเป็นห่วงและกลัดกลุ้มใจ ทำให้ร่างกายผ่ายผอมไปด้วย

จวนตระกูลไป๋

ภายในเรือนขนาดกลางของสองแม่ลูก ไป๋ผิงอันกำลังเช็ดตัวให้มารดาที่นอนซมเพราะพิษไข้ ดวงหน้าหวานนั้นบัดนี้มีแต่คราบน้ำตาที่แห้งกรังติดขนตาหนาของนาง

มือเรียวพยายามเช็ดตัวของมารดาอย่างแผ่วเบา กลัวว่ามารดาจะเจ็บผิวกายเอาได้ นัยน์ตาคู่สวยพยายามจ้องมองใบหน้าของคนป่วยที่ซีดเซียว เพราะเกรงว่ามารดาจะสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา

“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ ดื่มยาเสียหน่อยเถิด” ดรุณีน้อยหยิบถ้วยยากลิ่นฉุนจดจ่ออยู่ริมฝีปากของมารดา ด้วยหัวใจอันแสนปวดร้าว เกรงว่ามารดาจะทนพิษไข้ไม่ไหว มือเล็ก ๆ ของนางพยายามประคองด้วยยาเอาไว้ให้มั่นคง หวังให้มารดาได้ดื่มยาให้หมดถ้วยทุกหยาดหยด

“อันเอ๋อร์ หากแม่จากไป เจ้าก็จงไปอยู่กับท่านยายนะ” ด้วยเพราะความหวังอันแสนเลือนราง หากจากโลกนี้ไปแล้ว ห่วงก็แต่ลูกสาวเพียงคนเดียว ใครจะกางปีกปกป้องนางกัน หวังพึ่งสามีก็คงจะหมดหวัง เพราะเขารักและเอ็นดูภรรยาอีกคนและลูกสาวของสตรีผู้นั้น

“ท่านแม่ ท่านแม่ต้องอยู่กับข้า ท่านจะไปไหนไม่ได้” เพียงแค่ได้ยินถ้อยคำอันแสนเจ็บปวด นางก็ถึงกับทนไม่ไหว น้ำเสียงสะอึกสะอื้นแกมข่มขู่มารดาออกจากปากดรุณีน้อยวัยไม่กี่ขวบปี หากมารดาทอดทิ้งนางไป แล้วจะอยู่กับใครเล่าเพียงแค่คิดว่าไม่มีท่านแม่อยู่ ไป๋ผิงอันถึงกับร้องไห้โฮออกมาราวกับทำนบแตก

“จำเอาไว้ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ โดยเฉพาะสองแม่ลูกเข้าใจไหม ทางที่ดีเจ้าจะต้องไปอยู่กับท่านยาย” โจวซื่อโอบกอดลูกสาวเอาไว้แน่น กำชับสั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย หากปล่อยให้อยู่ที่นี่ตามลำพังเกรงว่าจะถูกโขกสับเป็นแน่ มิอยากให้ชะตาของบุตรีตกระกำลำบากอยู่ตระกูลไป๋

“ท่านแม่ ฮือ ฮือ” ไป๋ผิงอันสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น ร้องไห้ออกมาปิ่มจะขาดใจก็ว่าได้ นางหวาดกลัว เหลือเกินว่าสิ่งที่มารดาเอ่ยนั้นจะเป็นจริง อาการเจ็บป่วยเช่นนี้ เรื้อรังมาเป็นปี บิดาก็หมางเมินชิงชังพวกนางสองแม่ลูกยิ่งนัก มิเคยรู้เลยว่านางกับท่านแม่ทำอันใดให้บิดาเกลียดชังถึงเพียงนี้ มิดูดำดูดีกันบ้าง

โจวกุ้ยเจิน เพิ่งรู้ตัวว่าแท้ที่จริงแล้ว นางถูกกวนซื่อวางยาพิษ เมื่อรู้ก็เหมือนว่ามันสายไปแล้ว นางทำได้เพียงแค่นอนรอความตายมันกำลังคืบคลานเข้ามาหา ความหวังสุดท้ายของนางคือ ส่งลูกสาวที่นางรักมากที่สุด กลับไปจวนตระกูลโจว ความเจ็บปวดทรมานนี้ทำให้นางกระอักเลือดออกมาคำโต

เด็กน้อยหวาดกลัว เกรงว่าจะยื้อชีวิตของมารดาไม่อยู่ จึงร้องเรียกด้วยความตระหนกตกใจ “ท่านแม่”

พลันน้ำเสียงของเด็กน้อยดังเล็ดลอดออกมาจากเรือนท้ายจวน สภาพกลางเก่ากลางใหม่ สตรีนางหนึ่งรีบวิ่งพรวดเข้ามายังห้องต้นเสียง เพียงแค่พบใบหน้าของน้องสาวที่แต่งงานออกเรือนมาหลายปี นางถึงกับตระหนกตกใจนัก กับสภาพร่างกายผ่ายผอมผิวหนังแห้ง ใบหน้าซูบตอบจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน

“น้องเล็กเป็นอย่างไรบ้าง อาการเจ้าหนักหนานัก” โจวกุ้ยถิงรีบปราดเข้าไปประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของน้องสาว นิ้วเรียวจับชีพจรบนข้อมือของนางทันที

โจวกุ้ยเจินระบายยิ้มอ่อน “พี่ใหญ่ ท่านมาก็ดีแล้ว ข้าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน ฝากลูกสาวของข้าด้วยนะ ส่งไปอยู่กับท่านแม่” คำสั่งเสียครั้งสุดท้ายคิดว่าคงจะต้องใช้โอกาสนี้รีบกำชับแล้ว บรรดาของมีค่ามากมาย นางได้ตระเตรียมเอาไว้มอบให้บุตรีของนาง หวังว่าอนาคตของลูกสาวจะไม่ต้องลำบาก

โจวกุ้ยถิงอยากกล่าตำหนิน้องสาวเหลือเกิน ภัยร้ายมาถึงตัวแทบจะเอาชีวิตไม่รอด กลับเก็บเงียบมิบอกกล่าวผู้ใด และยังโชคดีนักที่หลานสาว ส่งสาวใช้ให้แจ้งข่าวแก่นาง หากมาช้ากว่านี้ มีหวังนางคงได้สิ้นใจเป็นแน่ มีเพียงแค่วิธีเดียวจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ก็คือความตาย

“อืม แต่ว่าเจ้าต้องกินยานี่เสีย” ยามลูกกลม ๆ สองเม็ดถูกหย่อนเข้าปากของคนป่วย

ไป๋ผิงอันเช็ดน้ำตาแต่ก็ยังสะอึกสะอื้นจนตัวโยน เพราะสงสัยจึงได้สอบถามท่านป้า “ท่านป้า ยาอะไรหรือเจ้าคะ”

“ยาตัดชีพจร” คำพูดสั้น ๆ ออกจากปากของโจวกุ้ยถิง ทำให้ไป๋ผิงอันถึงกับตกใจดวงตาเบิกกว้างขึ้นมา

ดรุณีน้อยรีบเขย่าตัวมารดา ทว่าก็ไร้การตอบรับ นิ้วเรียวยกขึ้นมาอังจมูกของคนสิ้นใจ ก็พบว่าไร้ลมหายใจอุ่นร้อนดั่งครู่ก่อน เด็กน้อยสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความเสียใจ

“ท่านแม่สิ้นใจแล้ว ท่านป้าเหตุใดท่านแม่จึงสิ้นใจเล่าเจ้าคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel