ตอนที่ 1 อุบัติเหตุ!!
สตูดิโอถ่ายภาพ
“สวยครับ ยอดเยี่ยม ขออีกรูปนะครับ”
แสงจากแฟลชและไฟที่ส่องมายังดาราสาวที่โด่งดังในตอนนี้ “อัยเรศ” หรือ “อัยย์” ตอนนี้ทั้งงานแสดง เดินแบบและพรีเซ็นเตอร์ต่างต้องการตัวเธอ
“เยี่ยมมากครับน้องอัยย์”
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ อัยย์ขอตัวก่อนนะคะ”
“นี่ของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ”
"ระริน" ผู้จัดการสาวของอัยย์ยกกาแฟที่เธอให้เด็ก ๆ สั่งมาแจกทีมงานในวันนี้ อัยย์เดินมาที่ห้องแต่งตัวส่วนตัวที่เธอใช้เพื่อเปลี่ยนชุดแต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากด้านใน
“อ๊ะ พี่ชัดคะอย่าพึ่งใจร้อนสิคะ อ๊าา ไหนบอกแค่จูบไง”
“น้องวิวพี่ทนไม่ไหวแล้วขออีกนิดนะ”
อัยย์ยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องพร้อมกับค่อย ๆ หยิบมือถือขึ้นมาและพยายามไม่ให้มือของตัวเองสั่นเมื่อเธอค่อย ๆ เปิดกล้องและสอดเข้าไปในห้องเพราะเธอแน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของแฟนหนุ่ม “ชานนท์” พระเอกชื่อดังที่เธอพึ่งจะคบหาอยู่สี่เดือนหลังจากละครที่แสดงคู่กับเขาดังเป็นพลุแตก
“ฮึก!!…”
ภาพในกล้องมือถือที่เธอกดถ่ายเห็นภาพนักแสดงทั้งสองคนกำลังนัวเนียกันพร้อมกับเสื้อผ้าที่กำลังจะหลุดรุ่ย คนหนึ่งคือแฟนของเธอเองส่วนผู้หญิงอีกคนคือนักแสดงหน้าใหม่ที่พึ่งจะมีงานแสดงเพียงสองเรื่องและถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าฝีมือเธอยังไม่ถึงบทบาทที่ได้รับ
“อ๊าา พี่ชัดวิวจะ… ไม่ไหวแล้ว”
อัยย์ค่อย ๆ ถอยออกมาพร้อมกับม่านน้ำตาที่ทำให้เริ่มมองอะไรไม่เห็น กล้องมือถือถูกกดปิดก่อนที่เธอจะถอยออกมาและตัดสินใจเดินไปที่รถส่วนตัวทันที ระรินที่พึ่งเดินเอาของไปแจกทีมงานเมื่อเดินมาก็ไม่เห็นอัยย์จึงได้เปิดประตูเข้าไปในห้อง
“อ้าว… ไม่อยู่หรอกเหรอ กระเป๋าก็ไม่เอาไปจะรีบไปไหนของเขาละเนี่ย”
ระรินตัดสินใจโทรหาอัยย์แต่เธอไม่รับสายดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเก็บของทั้งหมดออกมาโดยไม่ทันได้สนใจห้องแต่งตัวข้าง ๆ ซึ่งเป็นของนักแสดงหน้าใหม่ที่จะถ่ายแบบหลังจากอัยย์ถ่ายทำเสร็จ
บนรถ
“พี่ริน อัยย์ออกมาแล้วนะคะ”
“พี่เข้าไปเก็บของในห้องมาให้แล้ว เอาไว้เจอกันที่คอนโดเลยนะ”
“ค่ะ”
อัยย์พยายามกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้เพื่อไม่ให้รินจับได้ว่าเธอร้องไห้อยู่ เธอกับชานนท์เริ่มคบกันเพราะเขาเข้ามาจีบเธอก่อน จังหวะนั้นผู้ใหญ่ในค่ายก็สั่งให้ทั้งคู่ออกงานคู่กันและแสดงให้เหมือนว่าเป็นแฟน แต่ใครจะคิดว่าฝ่ายชายกลับมาขอคบกับเธอจริง ๆ หลังจากคบกันเพียงสี่เดือนมาวันนี้เขากลับหักหลังเธอ เท้าที่เหยียบคันเร่งไปตามถนนหลวงนั้นตอนนี้แทบจะมองอย่างอื่นไม่เห็นเพราะน้ำตาที่ไหลลงมา…
“เอี๊ยดด……..”
“โครม!!!”
โรงพยาบาล
“อุบัติเหตุรถชนเสาไฟฟ้า คนไข้ไม่ได้สติแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสครับคุณหมอ”
“ขอบใจมากที่เหลือให้ผมจัดการเอง…”
เสียงนุ่ม ๆ ที่เหมือนจะลอยเข้าหูแม้จะใกล้แต่ก็เหมือนไกลออกไปจนอัยย์ได้ยินไม่ชัด สติสุดท้ายของเธอราวกับหายไปพร้อม ๆ กับเสียงนุ่มทุ้มลึกนั้นและแสงไฟที่ส่องเข้ามาที่ตาของเธอ ไม่นานเธอก็หมดสติไป…..
วันถัดมา
เปลือกตาที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพบกับเพดานสีขาวและม่านรอบเตียงที่ไม่คุ้นเคย แต่ดู ๆ แล้วเธอคงไม่ได้กลับไปที่คอนโดของตัวเองแน่นอน ตอนนี้เริ่มได้ยินเสียงของใครบางคนที่เดินเข้ามา เสียงนั้นเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว
“ช่วยเปิดม่านเอาไว้นิดหน่อย พอให้แสงเข้ามาได้”
“ค่ะคุณหมอ”
เมื่อเขาเดินเข้าใกล้ ๆ ชุดกาวน์สีขาวเธอก็รู้สึกแสบตามากกว่าเดิมเพราะแสงที่สาดลอดเข้ามาจากม่านที่ถูกเปิดออก
“ยังไม่ต้องเปิดหมดครับ คนไข้ยังไม่ได้สติคุณออกไปได้แล้วเดี๋ยวผมจัดการที่เหลือเอง”
“ค่ะคุณหมอ”
เธอพยายามลืมตาขึ้นมา แม้ว่าอยากจะลืมตามองหน้าคนที่พูดอยู่มากขนาดไหนก็แทบจะไม่มีแรง เขาจับไปที่ข้าง ๆ ตัวเธอเพื่อทำอะไรบางอย่างซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าคืออะไร สติเธอเริ่มหายไปอีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสียงของระรินที่เดินเข้ามาและคุยบางอย่างกับคนในห้อง เมื่อรู้ว่าปลอดภัยแล้ว หลังจากนั้นก็หลับไปอีกครั้ง
บ่ายวันนั้น
“คนไข้ฟื้นหรือยังครับ”
“เอ่อ.. ยังเลยค่ะคุณหมอนี่เธอจะหลับนานไปไหมคะตอนนี้รินเริ่มกังวลแล้วค่ะ”
“ที่จริงเธอน่าจะฟื้นแล้วนะครับเพราะบาดแผลไม่ได้ลึกอะไรมากมีแค่ศีรษะกระแทกนิดหน่อย นอกนั้นก็แค่ฟกช้ำเล็กน้อยส่วนสมองก็ไม่ได้กระทบกระเทือนหรือกระแทกแรง ๆ”
เสียงของเขาทำให้เธอตื่นอีกครั้ง คราวนี้เธอมีแรงพอที่จะเรียกคนอื่นแล้ว
“ริน…พี่…ริน”
ทั้งสองที่ยืนคุยกันรีบหันมามองที่เตียงคนไข้ทันที รินรีบเดินมาข้าง ๆ เตียงพร้อมกับจับมือเธอเอาไว้แน่นและถามด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย
“อัยย์รู้สึกยังไงบ้างตอนนี้ ค่อย ๆ ลืมตานะ”
“อือ…”
“คุณหมอคะตอนนี้…”
“เดี๋ยวผมจะค่อย ๆ ปรับเตียงให้หากคนไข้รู้สึกเวียนหัวก็รีบบอกนะครับไม่ต้องฝืน”
“ค่ะ”
เธอยังคงหลับตาระหว่างที่ตอบเขาอยู่ ตอนนี้อัยเรศรู้สึกหนักไปทั้งตัวและเริ่มรู้แล้วว่าที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลเพราะเสียงผู้ชายที่พูดเหมือนเป็นคุณหมอ เธอได้ยินเสียงเขาไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้ว
“อยากดื่มน้ำหน่อยไหมครับ”
“ค่ะ”
“คุณ… ค่อย ๆ ลืมตาได้ไหมครับ”
“แสบตา”
อัยย์บอกเพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้เธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แสงที่ส่องเข้ามาทำให้เธอรู้สึกแสบจนไม่อยากลืมตาขึ้นมาเท่าไหร่อาจเป็นเพราะคอนแทคเลนส์ที่เธอสวมตอนที่ถ่ายแบบและไม่ได้ถอดออกทันทีหลังจากจบงานจนกระทั่งเธอรู้สึกตัวอีกทีที่นี่
“น่าจะเป็นผลจากคอนแทคเลนส์แต่ผมให้คุณหมออีกท่านตรวจม่านตาแล้วไม่มีอันตรายนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอแล้วอาการของอัยย์ตอนนี้ต้องทำยังไงต่อไหมคะ”
“เหลือแต่บาดแผลภายนอกกับเช็คระบบประสาทอีกครั้งว่าได้รับความกระทบกระเทือนหรือเปล่าแต่เท่าที่ดูแล้วยังไม่มีอะไรครับ อาจจะไม่ต้องตรวจเพิ่มส่วนห้องที่คุณขอเอาไว้คงอีกสองชั่วโมงถึงจะย้ายคนไข้ไปได้”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ลำบากทั้งเรื่องนักข่าวและ…”
“ไม่เป็นไรครับ”
หมอผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไรมากและตัดบทเก่งเพียงแค่ระรินพูดออกไปเขาก็ตอบเพียงสั้น ๆ ห้วน ๆ เมื่ออัยเรศถูกย้ายไปห้องพิเศษที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าก็เริ่มดีขึ้นเพราะชั้นนี้มีเพียงหมอและพยาบาลพิเศษเท่านั้นที่จะขึ้นมาได้ตอนนี้อัยย์ก็เริ่มลืมตาได้แล้วและเริ่มกินอาหารมื้อแรกได้
“อัยย์ เรื่องอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ยังไงทำไมจู่ ๆ ถึงได้…”
“พี่รินแล้วพี่ชัดล่ะคะ เขารู้ข่าวของอัยย์หรือยัง”
เธอหันไปถามคำถามนี้กับผู้จัดการ เพียงแค่เห็นสีหน้าของระรินเธอก็รู้ว่าอีก ฝ่ายนอกจากจะรู้แล้วแต่ก็คงไม่คิดที่จะมาหาเธอเป็นแน่
“เอ่อ…”
“หึ แค่เห็นหน้าพี่ก็รู้แล้ว”
“อัยย์ เพราะเรื่องนี้เหรอถึงได้…”
“พี่รินรู้มาก่อนหน้านี้แล้วสินะคะ แต่ทำไมพี่รินไม่ยอมบอกอัยย์ว่าพี่ชัดมันเลวแบบนั้น”
“พี่เองก็พึ่งจะรู้ก่อนอัยย์ไม่นาน ที่จริงพี่แค่อยากให้แน่ใจก่อนว่าเป็นเรื่องจริงแต่คิดไม่ถึงว่าอัยย์จะจับได้เสียก่อน”