บทที่ 7
“เป็นไงบ้างอันฉี”
เมื่อได้อยู่กันตามลำพังที่นอกบ้าน หมิงซูฮวาก็ถามสาวใช้คนสนิทของตนเรื่องที่ให้ไปสืบมาทันทีระหว่างที่เดินเล่นกันอยู่ที่สวนกลางเมือง อยู่ที่นี่เธอจะสามารถพูดคุยกันได้อย่างเต็มที่เพราะไม่มีหูตาของท่านพ่อ
“พ่อบ้านถังบอกว่าอย่างไรก็ต้องเป็นคุณหนูรองเจ้าค่ะ เพราะว่าดวงของคุณหนูจะช่วยส่งเสริมการค้าของตาเฒ่าเป่าชุนได้”
“เหอะ เอาเรื่องดวงมาอ้างสิไม่ว่า”
ใบหน้าหวานที่ตอนแรกนั้นเรียบนิ่งยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างรู้ทันพ่อบ้านถัง ทำไมนางจะไม่รู้กันว่าพ่อบ้านถังผู้นี่นั้น
เป็นคนเห็นแก่เงินมากแค่ไหน คงจะเอานางไปขายให้ตาเฒ่าเป่าชุนไว้เยอะสินะ หึ
“เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะคุณหนู”
อันฉีพูดขึ้นมาสีหน้าร้อนใจ เพราะจากที่ดูท่าทีของนายท่านสกุลหมิงแล้วนั้นคุณหนูของเธอคงต้องแต่งเข้าไปเป็นอนุ
ตาเฒ่าเป่าชุนในไม่ช้าเป็นแน่แท้
“ข้าขอคิดหาวิธีก่อน ปะ ไปเดินตลาดกันดีกว่า”
เจ้าของใบหน้าหวานของคุณหนูรองสกุลหมิงที่แม้จะคิดไม่ตกไม่ต่างกัน ออกเดินนำสาวใช้คนสนิทของตนไป ในสมองก็พยายามคิดหาลู่ทางเอาตัวรอดจากการแต่งงานนี้ไปด้วย
อย่างน้อยก็มีข้อดีที่พ่อบ้านถังเอาเรื่องดวงของเธอมาอ้าง หากว่าไม่มีเธอแล้วไม่ว่าอย่างไรพี่หญิงใหญ่ก็จะไม่เดือดร้อนไปด้วยแน่นอน ติดก็ตรงที่ว่าจะใช้เหตุผลอะไรเท่านั้นสินะ
ทั้งสองสาวนายบ่าวเดินเล่นในตลาดสักพักก็เริ่มหิวจึงเดินเข้าไปนั่งกินบะหมี่ในร้านแห่งหนึ่ง ขณะที่นั่งกินก็ได้ยินคนพูดกันว่าในอีกไปกี่วันที่จะถึงนี้จะมีการจัดงานฉลองของสกุลโม่ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดแห่งนี้ขึ้น
ซึ่งหมิงซูฮวาได้ยินดังนั้นก็ดวงตาลุกวาว หากเป็นเช่นนั้นจริงนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยให้เธอหนีรอดการแต่งงานครั้งนี้ไปได้ เนื่องจากเธอนั้นรู้ดีว่าผู้คนมากหน้าหลายตาจะแห่กันเข้ามาร่วมงานฉลองกันที่ตลาดแห่งนี้จนในเมืองนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คน
หากเธอหนีออกมา พ่อกับบรรดาบ่าวคงจะไม่ทันตั้งตัวและคงไม่คิดว่าเธอจะหนีเป็นแน่
หญิงสาวที่คิดไว้แล้วว่าหากหนีไปก็จะไม่หนีไปแล้วไปลับ อย่างไรเธอก็จะหาหลักฐานเอาผิดพ่อบ้านถังให้ได้ด้วย เพราะเธอเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน
วันนั้นเมื่อกลับมาถึงที่บ้าน หมิงซูฮวาก็ตรงเข้าเรือนเล็กของตนทันที เก็บตัวเงียบไม่ยอมพบหน้ากับใครในเรือนซึ่งเถ้าแก่หมิงก็เข้าใจดีเพราะรู้ว่าตอนนี้ลูกสาวคงจะโกรธตนเองไม่น้อยจึงไม่ได้เรียกให้บุตรสาวออกมากินมื้อเย็นด้วยเหมือนเช่นเคย
หลังจากที่ปิดเรือนมิดชิดแล้วนั้น หญิงสาวก็ได้ให้อันฉีเอาเครื่องประดับและของมีค่าทั้งหมดที่นางมี ทั้งได้รับมาจากผู้อื่นและทั้งที่สะสมซื้อเองออกมาตรวจนับ
“คุณหนูมีของมีค่าเยอะมากเลยนะเจ้าคะ”
อันฉีตาลุกวาวเมื่อนำของมีค่าที่เจ้านายของตนมีอยู่ทั้งหมดออกมามาวางรวมกันแล้วมันดูมีจำนวนเยอะมากกว่าที่คิดไปมากโข
“แน่นอนสิ ของพวกนี้ล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของข้าทั้งนั้น เสียเหงื่อไปกี่หยด เสียน้ำตาไปตั้งเท่าไหร่ เจ้าจำไว้นะอันฉีหากเรามีเงินเราก็จะไม่มีวันอดตาย”
เจ้าของเรือนเล็กยืดอกมองดูผลงานตนด้วยความภูมิใจ แต่เมื่อได้ยินคนข้างตัวพูดขึ้นมาก็อดค้อนใส่ไม่ได้
“ข้าน้อยจะจำไว้เจ้าค่ะ แต่ว่าเงินคุณหนูได้จากการแอบเอาของเถ้าแก่ไปขายอีกทอดไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“นั่นมันตอนข้ายังเด็กไหมล่ะ ตอนนี้เจ้าก็รู้ว่าข้าค้าขายสุจริตแล้ว เชอะ”
หมิงซูฮวาทำปากยื่นปากยาวใส่สาวใช้คนสนิทของตน พลางก้มลงคัดเลือกของประดับที่จะนำไปขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินติดตัวไประหว่างหนีการแต่งงานไปด้วยได้อย่างขะมักเขม้น