บทที่ 1
...พีม...
...ก่อนงานแต่ง 1 เดือน...
ผมชื่อพีม นายพีรพัฒน์ปีนี้ก็อายุ 25 ปีไม่เคยมีแฟนเพราะเคยสัญญากับคนคนนึงเอาไว้ว่าจะแต่งงานกันหลังจากที่เราโตขึ้นมาเรียบร้อยแล้วแต่ตอนนี้เขาก็คงจะลืมไปเรียบร้อยแล้ว ผมมีน้องสาว 1 คนชื่อว่าบีบีที่อายุห่างกันอยู่ 3 ปีความรู้สึกของผมกับการมีน้องสาวไม่ได้ดีและก็ไม่ได้มากจนเกินไป ผมรักและเอ็นดูน้องสาวมากแต่เธอกลับไม่ได้สนใจใยดีอะไรผมมากนักเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเราอาจจะชอบคนคนเดียวกันคุณฟังไม่ผิดหรอกผมชอบผู้ชาย ครอบครัวของผมต่างก็รู้ดีว่าตัวของผมชอบผู้ชายมาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้แต่ไม่ใช่ว่าผมจะชอบใครก็ได้แต่ตัวของผมมีคนที่ผมรักแล้วอยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆแต่เขาคงจะลืมไปแล้วเพราะคนที่เคยสัญญากับผมในอดีตเขาก็คือคนรักของน้องสาวผมในปัจจุบันนี้นี่เอง
“พี่พีม”
“ว่ายังไงหวานมีเรื่องอะไรทำไมถึงวิ่งตาตื่นมาแบบนี้”
“พอดีหวานผ่านทางมาพอดีก็เลยได้เจอกับน้องสาวของพี่พี”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีสีหน้าแบบนั้น”
“น้องสาวของพี่พีมกำลังจูบกับผู้ชายที่ไม่ใช่พี่ชายของผม ผมกลัวเขาเห็นก็เลยรีบหนีออกมา”
“แล้วหวานไปเจอตอนไหน”
“เจอเมื่อกี้นี้ พี่พีในอนาคตถ้าเกิดผู้หญิงคนนี้มาเป็นพี่สะใภ้ของผมจริงๆ ครอบครัวของพวกเราคงจะไม่มีความสุข ผมไม่อยากที่จะพูดให้กับพี่ชายได้รับรู้ว่าคนที่เขารักมากถึงขนาดนี้นอกใจเขาอยู่แต่ผมอยากให้พี่ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม”
“ถ้ามีเรื่องอะไรที่พี่สามารถช่วยได้พี่ก็จะช่วยไม่ต้องห่วง”
“คุณย่าบอกว่าคุณย่าอยากให้พี่แต่งงานกับพี่ชายของผมพี่ไนท์แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้รองของตระกูลเราไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาสร้างความแปดเปื้อนให้กับครอบครัวและวงศ์ตระกูลคุณย่าเขียนจดหมายให้กับพี่”
ผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าคุณย่าที่ผมเคยรู้จักผู้หญิงที่แสนดีคนนั้นจะพูดเรื่องนี้ออกมาอาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้ท่านไม่พอใจท่านมาก จึงทำให้เกิดความหวาดระแวงผมได้แต่รับฟังแต่ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้ไม่กล้าแม้กระทั่งรับปากคุณย่าเพราะถ้าเกิดรับปากก็จะทำให้น้องสาวและครอบครัวต้องเจ็บปวดทำให้ใครหลายคนต้องเจ็บปวดและทรมานผมก็ไม่อยากที่จะทำแบบนั้น ผมเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้นในทันทีความสำคัญของการแต่งงานในครั้งนี้เพื่อต้องการใช้หนี้ให้กับครอบครัวของผมที่ไปกู้หนี้ยืมสินมาจากตระกูลมโนธรรมเพื่อสร้างกิจการครอบครัวในตอนนั้นที่ติดหนี้เกือบ 10 ล้าน แต่ทางครอบครัวของผมไม่มีความสามารถที่จะคืนเงินส่วนนี้ได้ตอนแรกข้อตกลงก็คือจะให้น้องสาวของผมแต่งงานเข้าไปแต่เกิดเรื่องที่เธอกำลังนอกใจและมีแผนว่าจะไปหาเกาะผู้ชายรวยๆนั่นจึงทำให้คุณย่าตัดสินใจเลือกผมมาแต่งงานในครั้งนี้ซึ่งตัวของผมเองทั้งดีใจและก็ทั้งไปพร้อมพร้อมกัน
“งานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้พี่ต้องไปร่วมงานด้วยนะครับ”
“มันจะดีจริงๆหรอหวานที่เราจะพรากคนรักกันออกจากกัน”
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นดีผมก็คงจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรถึงขนาดนี้แต่พี่เองก็รู้จักนิสัยของน้องสาวพี่ดีและผมก็รู้ดีว่าครอบครัวของพี่เป็นอย่างไรถ้าน้องสาวของพี่ก้าวเข้ามาเป็นพี่สะใภ้ของพวกผมเธอก็จะกอบโกยเงินของครอบครัวของผมออกไปแต่ถ้าพี่แต่งเข้ามา คนพวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งยากอะไรกับครอบครัวของผมเพราะพวกเขารู้ดีว่าพี่จะไม่ให้เงินพวกเขาเป็นเด็ดขาดและนี่ก็จะเป็นการชดใช้หนี้ให้กับพี่พีไปในตัว”
“แต่ถ้าพี่ทำแบบนั้นพี่ก็หักหลังไนท์และบีบี”
“ผมรู้ว่าพี่พี่ชายผมมากรู้มาโดยตลอดว่าพี่รักเขาแบบไม่ต้องหวังพึ่งพาตัวของเขาไม่ต้องการจะกอบโกยเงินของเขาไปใช้ผมรู้ตัวดีว่าตัวของพี่รู้สึกยังไงตอนนี้แต่ถ้าพี่รักเขาจริงไม่ต้องแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้รองของตระกูลของผมไม่เช่นนั้นในอนาคตคนที่จะเสียใจมากที่สุดและทรมานมากที่สุดก็คือคนที่พี่รัก พี่พีเอาไปตัดสินใจให้ดีนะครับ”
“พี่ขอเวลาคิดก่อนนะแล้วพี่จะให้คำตอบไปในคืนพรุ่งนี้”
“ผมหวังว่าคำตอบของพี่จะเป็นข้อตกลงที่ดีนะครับถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนพี่เองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะครับผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดินทางปลอดภัยนะ”
หลังจากที่หวานออกจากบ้านไปบีบีก็เข้ามาพอดีผมเองก็ทำหน้าตาปกติให้เร็วที่สุดใบหน้าของเธอช่ำวาวเหมือนคนพึ่งผ่านเรื่องราวน่าตื่นเต้นมาผมเองก็พอจะรู้ว่าเธอไปทำอะไรมาทุกวันนี้ที่เธอมีกระเป๋าแบรนด์เนมใช้จ่ายอยู่ทุกวี่ทุกวันมีเงินใช้สุรุ่ยสุร่ายอยู่ทุกวันก็มาจากเงินที่เธอไปทำงานแบบนั้นมา แม้ว่าครอบครัวเราจะมีฐานะปานกลางแต่ว่าครอบครัวของเราไม่ได้เป็นคนกระตือรือร้นในการทำงานชอบกู้หนี้ยืมสินทำให้ครอบครัวของตนเองต้องลำบากตรากตรำขึ้นไปอีกไม่ยอมทำการงานใดๆทั้งสิ้นเพียงหวังต้องการเกาะคนรวยกินไปวันๆผมได้ฟังแบบนั้นได้รับรู้แบบนั้นมาโดยตลอดจนทำให้ผมเริ่มละอายกับความคิดของพวกเขาขึ้นมามากเหลือเกินแต่จะให้ต่อว่าคนในครอบครัวก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมก็จะกลายเป็นลูกอกตัญญูที่พูดจาไม่ดีกับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ต้องเสียใจมีลูกแบบผม จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ล้วนแล้วแต่มีแต่ทางตันจะยอมทะลุกำแพงเข้าไปข้างหน้าดีแค่คิดผมก็รู้สึกปวดหัวเหลือเกินขอเวลาพักผ่อนก็แล้วกันไม่อยากจะพูดมากอีกแล้ว
“เมื่อกี้ใครมาทำตัวลับๆล่อๆไปทำอะไรผิดมา”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่น้องหวานมาชวนไปงานเลี้ยงของตระกูลในฐานะเพื่อนนะ”
“ในฐานะเพื่อนมีเพื่อนรวยก็แบบนี้แหละได้ไปเที่ยวงานสังคมไฮโซไม่เหมือนกูที่จะต้องมานั่งแต่งหน้าทาปากกินข้าวคนนั้นคนนี้มึงนี่มันวาสนาดีจริงไอ้พี”
“บีบีพูดให้มันดีๆหน่อยพี่เป็นพี่ชายของเธอนะควรให้เกียรติพี่บ้างไม่ใช่เรียกจิกหัวแบบนี้”
“แล้วไงไม่จำเป็นเอาจริงๆนะกูไม่ได้อยากมีพี่แบบมึงสักหน่อยมีที่แบบมึงแล้วขยันจะตายชอบเพศเดียวกันน่าขยะแขยง กูคุยกับมึงเนี่ยก็นับว่าเป็นวาสนาของมึงแล้วนะที่กูพูดด้วยกูมีลูกแบบมึงนะกูคงจะผูกคอตายไปแล้วไม่งั้นกูก็จะเอาขี้เถ้ายัดปากมันตั้งแต่เด็กและไม่ให้มันเกิดมาแล้วโตมาแบบนี้ล่ะ”
“บีบีเกินไปแล้วนะทำไมถึงพูดจาแบบนี้ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้”
“กูบอกมันเองแหละมึงจะทำไมน้องว่านิดว่าหน่อยจะทำอะไรขนาดนั้นทำตัวเป็นแม่พระอยู่นั่นแหละให้น้องพูดแค่ไม่กี่คำก็สั่งสอนยาวเป็นหางว่าวทำตัวเหมือนตัวเองสูงส่งมึงก็แค่ลูกพี่กูรังเกียจขยะแขยงที่สุดแล้วแหละไอ้พี”
“แม่ทำไมแม่พูดแบบนั้นครับ แม่กู้เงินมาก็เป็นผมที่ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ให้กับแม่บีบีผมไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม่ยังรักน้องถึงขนาดนี้ถ้าเกิดผมทำเรื่องไม่ดีกับแม่ขึ้นมาแค่เพียงให้อภัยผมหรือเปล่า”
“มึงเลิกตอแหลสักทีทำตัวว่าตัวเองอ่อนแอถึงขนาดนั้นได้ยังไงกูรังแกมึงตรงไหนกูตบตีมึงหรอถ้าตบตีมันต้องแบบนี้”
พูดจบแม่ก็พุ่งเข้ามาจิกหัวของผมทั้งตบทั้งตีทั้งเตะแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะสู้เพราะนั่นคือแม่ที่คลอดผมออกมาเปรียบเสมือนบุพการีที่ควรค่าแก่การบูชาต่อให้เขาจะทุบตีด่าทอผมมากสักเท่าไรแต่ผมก็ทำได้เพียงแค่น้อมรับคำสั่งจริงเท่านั้นผมเองก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหนปล่อยให้แม่ของตัวเองทุบตีอยู่แบบนั้นให้เขาได้ระบายอารมณ์ความรู้สึกของตนเองต่อไปตัวของผมได้แต่ทำใจกับความรู้สึกแบบนี้ก็ช่างเถอะครับปล่อยให้เธอตีผมต่อไปก็แล้วกันถ้าเหนื่อยก็คงจะพักเองและผมก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าผมจะยอมแต่งงานกับเพื่อนตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวฝ่ายนั้นต้องมาเสียเงินให้กับครอบครัวของผมจะได้ไม่ต้องโดนหลอกกับครอบครัวที่จอมปลอมแบบนี้สุดท้ายผมก็มายังงานเลี้ยงในครั้งนี้จนได้
“สวัสดีครับคุณย่า ไม่เจอกันนานเลยนะครับคุณย่าสบายดีไหม”
“สบายดีแล้วเธอล่ะเป็นอย่างไรบ้างไม่เจอกันตั้งนานดูผอมลงไปเยอะเลยคงจะทำงานหนักมากสินะ”
“ก็ทำงานไม่เท่าไหร่หรอครับไม่ค่อยมีเวลามาเยี่ยมคุณย่าเลยผมก็เลยถือโอกาสมาในครั้งนี้ตามคำเชิญของคุณย่า”
“เธอตัดสินใจแล้วสินะ”
“ครับผมตัดสินใจแล้วผมจะทำตามคำสัญญาที่ให้เอาไว้กับคุณย่านะครับ”
“แบบนั้นก็ดีเธอไม่ต้องกังวลต่างจากที่เธอแต่งงานแล้วหนี้สินทุกอย่างฉันจะยกเลิกเองส่วนโฉนดที่ดินที่เอามาจำนองกับไว้ฉันจะให้เธอเป็นคนเก็บเอาไว้และจะไม่บอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอหรือครอบครัวคนใดคนหนึ่งของเธอเด็ดขาดถือว่าเป็นความลับระหว่างเราสองคน”
“ขอบคุณครับคุณย่าผมดีใจมากครับ ที่วันนี้เราได้มาเจอกันอีกครั้งและขอบคุณคุณย่าจริงๆที่ช่วยเหลือผมมาโดยตลอด”
“ทานอะไรมาหรือยังล่ะ เข้าไปในงานไปทานอาหารเป็นเพื่อนย่าหน่อยสิ”
“ได้ครับคุณย่า”