บทที่ 2 หมอดูหรือหมอเดา 1.1
สองสาวเพื่อนรักก้าวลงจากรถประจำทางเมื่อถึงจุดหมาย ทั้งคู่เดินเข้าไปในซอยใกล้ป้ายรถเมล์ และโดยสารต่อด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่น่เชื่อเลยว่าจะมีสังคมต่างชนชั้นอยู่ในซอยเดียวกัน ต้นซอยถึงกลางซอยจะเป็นย่านคนมีฐานะ เต็มไปด้วยหมู่บ้านจัดสรร ราคาแต่ละหลังไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท พ้นกลางซอยไปแล้วก็เป็นบ้านเดี่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ทั้งหลัง ซึ่งเป็นบ้านของคนที่อยู่มาดั้งเดิมหลายสิบปี ก่อนจะมีหมู่บ้านชื่อดังเสียอีก แต่พอผ่านไปเกือบถึงท้ายซอยก็จะเป็นชุมชนไก่แจ้ ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้มีคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยไม่ดีนัก ส่วนใหญ่จะเป็นคนหาเช้ากินค่ำหรือผู้ใช้แรงงาน
“แกแน่ใจนะกระแต ว่าหมอดูที่แกบอกอยู่ในชุมชนนี้”
ภัทรียาถามเพื่อความมั่นใจหลังจากพี่วินมอเตอร์ไซค์จอดรถหน้าปากทางเข้าชุมชนไก่แจ้ เพื่อนรักบอกเธอว่ามีดารา นักร้อง และนักการเมือง รวมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงพากันมาดูหมออย่างต่อเนื่อง ภัทรียาจึงคิดว่าที่อยู่ของหมอดูคนนั้นน่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ ห้องแถว หรือสถานที่ที่ดูดีกว่านี้ ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่าน่าจะอยู่ละแวกบ้านจัดสรรราคาแพงหรือไม่ก็แถวกลางซอย แต่มันผิดคาดอย่างสิ้นเชิง
“ที่นี่แหละ ไม่ผิดหรอก” สุมณฑาตอบเพื่อน
“อยู่ในชุมชนนี้เนี่ยนะ” ภัทรียาถามด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึง “ชัวร์หรือเปล่าแก”
“ชัวร์สิ พี่เอิบบอกว่าเดินเข้าไปในชุมชนจนเจอแยกแรกก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงลานกว้างของชุมชน หมอดูจะนั่งอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะยม หมอดูคนนี้ก็เลยถูกเรียกว่า หมอดูมะยม”
“หมอดูมะยม” ภัทรียาทวนชื่อหมอดูเสียงค่อนข้างดัง “ชื่อไม่น่าเชื่อถือเลยนะแก”
“เราก็ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองไงว่าจะแม่นจริงหรือเปล่า ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ เผื่อคิวยาว มาก่อนได้ดูก่อน”
สุมณฑาจูงมือเพื่อนรักที่มีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็เดินตามเข้าไปในซอย เพราะถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว เข้าไปพิสูจน์ความแม่นก็ไม่มีอะไรน่าเสียหาย
สองสาวเดินมาถึงจุดหมายในอีกไม่กี่นาทีต่อมา สายตาของทั้งคู่มองต้นมะยมที่มีชายสูงวัยกำลังนั่งสูบยาเส้นอยู่บนแคร่ ด้านบนมีผืนผ้าใบกั้นกันแดดกันฝน แต่ที่น่าแปลกในสายตาภัทรียาก็คือ หมอดูที่เพื่อนรักบอกว่าแม่นนักแม่นหนา เหตุใดตอนนี้ถึงไม่มีลูกค้ามาดูดวงเลยสักคน
“กระแต แกมาถูกที่หรือเปล่า ทำไมไม่มีคนมาดูดวงเลยสักคนล่ะ” ภัทรียาถามเพื่อนเมื่อเดินเข้าไปหาหมอดูแม่นๆ
“คนที่มาดูดวงอาจจะกลับแล้วก็ได้นะ” สุมณฑาก็แปลกใจเช่นกัน “คนไม่มีก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้ไม่ต้องคอยคิวไง”
สุมณฑาจูงเพื่อนเดินไปหาชายสูงวัยที่มองมายังลูกค้ารายใหม่ พอเดินมาถึงที่หมายทั้งคู่ก็นั่งลงบนแคร่ ไหว้หมอดูต้นมะยมเป็นอันดับแรก
“หนูสองคนมาดูดวงค่ะคุณลุง” สุมณฑาบอกความตั้งใจ
“แล้วใครจะดูก่อนล่ะ เอ็งรึนังหนูคนนี้ แต่ข้าอยากดูให้เอ็งก่อน” หมอดูพูดคล้ายจะตัดสินใจแทน “ได้ค่ะ ดูให้หนูก่อนก็ได้” สุมณฑารีบแบมือทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้าชายสูงวัย
“ใครว่าข้าจะดูลายมือให้เอ็ง ข้าดูลายเท้าต่างหาก”
สุมณฑาเก็บมือกลับมาแทบไม่ทัน ยิ้มเจื่อนแก้เก้อ ก่อนจะยื่นฝ่าเท้าให้หมอต้นมะยมดูดวงให้
“เอ็งอยากรู้เรื่องอะไร” ชายสูงวัยถาม “ถามได้แค่สองข้อนะ”
กฎของหมอดูต้นมะยมมีอยู่ว่า คนที่มาดูดวงจะถามในเรื่องที่อยากรู้ได้แค่สองเรื่องเท่านั้น แม้ว่าคนใหญ่คนโต ดารา นักร้อง หรือผู้มีชื่อเสียงมาดูก็ไม่มีสิทธิเหนือคนอื่น
“เรื่องงานจ้ะ หนูเพิ่งไปสมัครงานเมื่อวานซืนนี้ หนูจะได้งานไหมคะ” สุมณฑาถามคำถามแรก
“ได้ พรุ่งนี้เอ็งรอโทรศัพท์จากเขาได้เลย”
สุมณฑายิ้มแป้นกับคำตอบที่ได้รับแล้วรีบถามต่อ “แล้วเรื่องเนื้อคู่ล่ะคะ หนูจะได้แต่งงานเมื่อไหร่ หนูเจอเนื้อคู่หรือยัง” เธออยากรู้ข้อนี้ที่สุด
“เดี๋ยวเอ็งก็เจอเนื้อคู่แล้ว เอ็งจะได้แต่งงานเดือนตุลาปีหน้า”
สุมณฑายิ้มกว้าง แสดงว่าทั้งเรื่องงานและเรื่องความรักของเธอกำลังไปได้สวย เธอช่างโชคดีสองต่อจริงๆ
“ขอบคุณค่ะลุง นี่ค่าดูหมอค่ะ”
สุมณฑาควักเงินจำนวนห้าสิบเก้าบาทใส่พาน พนมมือไหว้อีกครั้งก่อนจะขยับตัวเพื่อให้เพื่อนรักได้ดูดวงบ้าง ภัทรียายื่นฝ่าเท้าให้หมอดูตรวจดูดวงชะตา ชายสูงวัยก้มมองฝ่าเท้าสลับกับมองหน้าภัทรียาหลายครั้ง
“เอ็งอยากรู้เรื่องอะไร ถามมาได้เลย”
“ปรางอยากรู้ว่า ปรางจะรักษาค่ายมวยของพ่อได้หรือเปล่าคะ” ภัทรียาถามเรื่องที่ต้องการรู้มากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เธอกังวลและเป็นห่วง แม้ว่ามันจะเป็นภาระอันหนักอึ้งก็ตาม
“ได้” หมอดูตอบสั้นๆ คนที่ได้รับคำตอบยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องหุบยิ้มเพราะไม่รู้ว่าหมอดูจะคู่กับหมอเดา หรือแค่ตอบให้เธอสบายใจ
“คำถามต่อไปล่ะ”
“แล้วถ้าปรางรักษาค่ายมวยของพ่อต่อไปได้ ปรางจะรักษาได้นานแค่ไหนคะ”
“นานตลอดชั่วชีวิตของเอ็ง” หมอดูตอบทันควันโดยไม่ต้องตรวจดูฝ่าเท้าของภัทรียาซ้ำ “ข้ารู้ว่าเอ็งไม่เชื่อความแม่นยำในการดูดวงของข้า แต่เชื่อข้าเถอะว่าเอ็งจะเป็นนักมวยหญิงที่มีชื่อเสียง นำพาค่ายมวยของพ่อเอ็งไปสู่ความสำเร็จ แล้วเอ็งจะมีนักมวยในค่ายเพิ่มมากขึ้น เป็นค่ายมวยที่ใหญ่ไม่แพ้ใคร”
ชายสูงวัยพูดเสมือนนั่งอยู่กลางใจภัทรียา รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ และคำพูดของคนสูงวัยก็ทำให้สองสาวถึงกับอึ้ง
“ลุงดูแม่นมากๆ เลยค่ะ รู้ด้วยว่าปรางไม่เชื่อเรื่องพวกนี้” เสียงของสุมณฑาดังขึ้น ดวงตาของเธอสื่อถึงความเลื่อมใสในตัวหมอดูต้นมะยมกับความแม่นยำสมคำร่ำลือ
“แล้วเอ็งเชื่อข้ารึยังล่ะ ถ้ายังไม่เชื่อ ข้าจะดูเรื่องเนื้อคู่แถมให้เอ็งอีกเรื่อง และถ้าเกิดว่าเรื่องที่ข้าดูให้เอ็งเป็นจริงขึ้นมา เอ็งจะต้องไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กในศูนย์เด็กเล็กกลางชุมชนไก่แจ้ตกลงไหม”
หมอดูท้าความแม่นยำในการทำนาย ภัทรียาลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะรับคำท้าทาย
“ได้ค่ะ ตกลงตามนั้น”
“เนื้อคู่ของเอ็งกำลังจะมาในอีกสองวันข้างหน้า แล้วเอ็งก็จะแต่งงานก่อนปีใหม่”
ภัทรียากับสุมณฑาตกใจและนิ่งอึ้งหลังจากได้ยินคำทำนายเรื่องคู่ครอง ภัทรียาตกใจและนิ่งอึ้งมากกว่าเพื่อนรัก เธอจะเจอเนื้อคู่ในอีกสองวันข้างหน้าแถมยังแต่งงานก่อนสิ้นปีงั้นหรือ
พระเจ้า...นี่มันวันที่ 26 ธันวาคม อีกห้าวันก็จะสิ้นปี เจอเนื้อคู่ในอีกสองวันก็วันที่ 28 ธันวาคม และจะแต่งงานก่อนปีใหม่ นั่นหมายถึงวันที่ 1 มกราคม มันจะไม่รวดเร็วปานจรวดไปหน่อยหรือ เจอหน้าเนื้อคู่ไม่กี่วันก็แต่งงานกันแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอคงไม่ใจง่ายรับรักและแต่งงานในระยะเวลาห้าวันแน่นอน
ภัทรียาไม่เชื่อคำทำนายของหมอดูต้นมะยมมากขึ้น เพราะมันคงจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน
“มันจะรวดเร็วปานสายฟ้าแลบอย่างนี้จริงเหรอคะลุง”
สุมณฑาถาม
“ก็ดวงของเพื่อนเอ็งมันเป็นอย่างนี้ ข้าก็พูดไปตามนั้น” หมอดูตอบกลับ “เอ็งสองคนยังไม่ต้องเชื่อข้าก็ได้ รอให้คำทำนายเรื่องเนื้อคู่ของเอ็งเป็นจริงซะก่อน แล้วเอ็งจะกลับมาหาข้าเอง”
ดูท่าทางหมอดูต้นมะยมจะเชื่อมั่นในคำทำนายของตัวเองมากเหลือเกิน มากเสียจนภัทรียาหวั่นใจ ทว่าความเชื่อมั่นของฌธอที่จะไม่ใจง่ายรับรักและแต่งงานภายในระยะเวลาอันสั้นก็มีมากเช่นกัน งานนี้จึงต้องรอดูว่าคำทำนายของหมอดูต้นมะยมจะแม่นจริงหรือไม่
หลังจากดูดวงเสร็จสิ้น ภัทรียากับสุมณฑาก็กล่าวลาชายสูงวัย และพอเดินห่างจากต้นมะยมต้นนั้นพอสมควร สองสาวก็เริ่มสนทนา
“เป็นไงปราง แกเชื่อคำทำนายของลุงต้นมะยมหรือเปล่า” สุมณฑาถามเพื่อน
“แล้วแกเชื่อไหมล่ะ” ภัทรียาไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน
“เชื่อสิ ไม่เชื่อจะมาเหรอ คนอื่นที่มาดูเขาพูดกันปากต่อปากเลยนะว่าแม่น”
“เรื่องที่แกถามยังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าแม่น งานแกก็ยังไม่ได้ แฟนแกก็ยังไม่มี เดือนตุลาปีหน้าแกจะได้แต่งงานหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าจะให้เชื่อว่าแม่นจริง เรื่องที่แกถามจะต้องเกิดขึ้นจริงซะก่อน รวมทั้งเรื่องของฉันด้วย ฉันถึงจะเชื่อ”
ภัทรียารู้สึกไม่เชื่อเรื่องที่หมอดูทำนายมากขึ้น เมื่อหมอดูต้นมะยมบอกว่าเธอจะแต่งงานก่อนปีใหม่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์
“แกไม่เชื่อ แกเลยรับคำท้าใช่ไหม” สุมณฑาเดาใจเพื่อน
“อืม” ภัทรียาทำเสียงรับคำในลำคอ “แล้วฉันก็มั่นใจว่าฉันชนะ ไม่มีทางที่ฉันจะแต่งงานก่อนปีใหม่แน่ๆ ฉันไม่ได้ใจง่ายขนาดรับรักผู้ชายเร็วขนาดนั้นนะ มันก็ต้องคบหาดูใจกันก่อนสิ ถึงจะตบแต่ง”
“แหม แกกับเนื้อคู่แกอาจจะเป็นรักแรกพบก็ได้นะ อะไรๆ มันก็เลยเร็วยิ่งกว่าจรวด”
“เร็วเวอร์ไปหรือเปล่าแก ห้าวันเนี่ยนะ”
“รออีกห้าวันก็จะรู้ว่าแม่นจริงไหม แต่สำหรับเรื่องงานของฉัน พรุ่งนี้มาดูกันว่าบริษัทที่ฉันไปสมัครงานไว้จะโทร. มาหาฉันจริงหรือเปล่า”
“ก็คอยดูกันต่อไปละกัน”
การสนทนาของสองสาวเพื่อนซี้หยุดลง เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จะพาเธอทั้งสองไปยังหน้าปากซอย
ความแม่นยำในการทำนายของหมอดูต้นมะยมจะมีมากน้อยแค่ไหนนั้นต้องรอพิสูจน์ เริ่มต้นด้วยเรื่องงานของสุมณฑาเป็นเรื่องแรก