บทที่ 2 วันชื่นคืนสุข 1.1
หลังจากงานเลี้ยงฉลองงานวิวาห์เสร็จสิ้น รถตู้คันงามสมกับราคาหลายล้านก็พาคู่บ่าวสาวพร้อมด้วยปรีชาชาญและคุณหญิงปทุมวดีผู้เย่อหยิ่งกลับมายังบ้าน นรินทร์จรรยา เพื่อทำภารกิจสุดท้ายของงานวิวาห์...ส่งตัวคู่บ่าวเข้าเรือนหอ
“พ่อขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขในชีวิตคู่ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก กรเองในฐานะหัวหน้าครอบครัวต้องดูแลหนูมิวอย่างดีที่สุดนะลูก” รัฐมนตรีผู้เถรตรงให้พรลูกชายกับลูกสะใภ้
“ขอบคุณครับคุณพ่อ / ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” สองสามีภรรยาหมาดๆ พนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณ คราวนี้เป็นตาของปทุมวดีบ้าง
“ขอให้เลิกกัน เอ๊ย!!...ขอให้มีความสุขมากๆ นะลูก” ปทุมวดีอยากจะพูดว่า ขอให้เลิกกันเร็วๆ มากกว่า ดีนะที่หยุดคำพูดนั้นได้ทัน
“ขอบคุณครับคุณแม่ / ขอบคุณค่ะคุณแม่” ทั้งสองทำเช่นเดียวกับตอนที่ปรีชาชาญให้พร
“เรากลับไปพักผ่อนกันดีกว่านะ ลูกจะได้พักผ่อนบ้าง” ปรีชาชาญหันมาพูดกับภรรยาที่นั่งหน้าบึ้ง ทำตาประหลับประเหลือกใส่ลูกสะใภ้
“ยังไม่ไปหรอกค่ะคุณปรีชา วันนี้ปทุมมัวแต่รับแขกยังไม่ได้คุยกับตากรสักคำ กะว่าจะอยู่คุยกับลูกก่อนสักชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วค่อยกลับไปที่ห้อง” ปทุมวดีทำตัวกีดกันอย่างออกนอกหน้า
“จะบ้าหรือไงคุณหญิง เอาไว้พูดคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้” ฝ่ายสามีหันมาต่อว่าภรรยาทันทีที่ได้ยินคำพูดไม่เข้าหู
“บ้าเบ้อที่ไหนคะ ก็มันจริงนี่คะปทุมยังไม่ได้พูดคุยกับลูกเรื่องการใช้ชีวิตคู่เลย ต้องอบรมสั่งสอนกันหน่อย ตากรกับมิวจะได้รู้หลักการหลังการแต่งงาน” ปทุมวดียังแถไปเรื่อย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ ให้คุณแม่คุยกับคุณกรก่อนก็ได้ค่ะ แต่ว่าคุณกรจะมีเวลาคุยกับคุณแม่หรือเปล่าอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึง ก็อย่างว่าแหละคะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวตอนเข้าหอคงไม่มีสมอง ไม่มีสติที่จะฟังอะไรทั้งนั้น คงจะอยากจะจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันมากกว่า ถ้าคุณแม่คอยได้ มิวก็ยินดีค่ะ”
ลูกสะใภ้สุดแสบโต้กลับจนแม่สามีถึงกับเนื้อเต้น มองหน้าผู้พูดอย่างกินเลือดกินเนื้อ แค่เริ่มต้นนางก็แพ้เสียแล้ว ปรีชาชาญอมยิ้มกับมวยคู่เอกคู่ใหม่ที่ไม่มีใครยอมใคร พันกรส่งสายตาดุให้ภรรยาสุดสวยที่ต่อล้อต่อเถียงกับมารดา แต่จะว่าไปมันก็จริงตามที่ประภาพรรณพูด วินาทีนี้เขาไม่ต้องการคุยกับใครทั้งนั้น นอกจากเจ้าสาวคนนี้เท่านั้น เลือดลมมันร้อนระอุตั้งแต่เช้า เร่งเวลาให้ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอเร็วๆ เขาจะได้กระชับพื้นที่เร็วๆ ให้สมกับการรอคอยมาร่วมหนึ่งปี
“ทีนี้คุณอยากจะอยู่ห้องนี้ต่อหรือเปล่า ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ ผมกลับไปที่ห้องก่อนก็แล้วกัน” ปรีชาชาญพูดจบก็ลุกเดินออกไปจากห้องนอนของลูกชายทันที
“เชอะ” ปทุมวดีเห็นดังนั้นจึงสะบัดเดินตามสามีออกไปจากห้อง ได้ยินขนาดนี้แล้วใครจะหน้าม้านอยู่ในห้องนี้ได้ พาลจะอุจาดตาเปล่าๆ ประภาพรรณอมยิ้มกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตน คล้อยหลังร่างของมารดาเท่านั้นพันกรลุกขึ้นยืน ช้อนอุ้มร่างของเจ้าสาวขึ้นสูง บรรจงวางบนเตียงทันที
“ใจจะขาดอยู่แล้วนะเนี่ย” พูดไปด้วยพรมจูบไปทั่วดวงหน้าสวยของศรีภรรยา
“นายพันมือจะไม่คิดอาบน้ำเลยหรือไง เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้วนะ”
มือนุ่มดันใบหน้าของสามีให้ออกห่าง หน้าแดงซ่านเมื่อเห็นสายตาเป็นประกายของพันกร เวลาที่อยู่ตามลำพังประภาพรรณจะเรียกพันกรว่า “นายพัน,นายพันมือ” หากอยู่ต่อหน้าบุคคลอื่นจะเรียกว่า “คุณกร”
“ไม่ต้ององต้องอาบมันแล้ว ขอฟาดเมียก่อนก็แล้วกัน อดอยากมาเป็นปีแล้ว”
พูดจบก็ซบหน้าตรงซอกคอหอมกรุ่นของประภาพรรณ จูบไซ้จนร่างสาวอ่อนระทวย มือไม้ซุกซนไม่หยุด ปาดป่ายไปตามร่างสาวผ่านชุดเจ้าสาวแสนเกะกะ ก่อนจะวกริมฝีปากมาแนบสนิทกลีบปากนุ่มแสนหวานของประภาพรรณ
เรียวลิ้นของทั้งคู่กระหวัดเกี่ยวพันรัดตอบโต้กันอย่างเร่าร้อน ให้สมกับวันและเวลาที่ทั้งสองรอคอย พันกรแลกรัดหาความหวานจากช่องปากสาวอย่างต่อเนื่อง กวาดชิมทุกรสชาติที่คุกรุ่นอยู่ในโพรงปากของเธอ ไม่ว่าจะเป็นความหวาน ความหอม ความซาบซ่าน ดึงรั้งลิ้นเล็กเข้ามาอยู่ในปากของตน พันพัวแล้วปล่อยดึงรั้งเข้ามาอีกรอบ เรียกเสียงครางเบาๆ ให้เกิดขึ้นในลำคอสาวได้อย่างไม่ยาก
“รู้หรือเปล่าว่าเจ้าบ่าวต้องทำอะไรให้เจ้าสาวเมื่ออยู่ในห้องหอ” เขาถอนจุมพิตแสนหวานออก เอ่ยถามสาวหน้าแดงเหนือริมฝีปากบวมเจ่อจากการบดจูบยาวนาน
“ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่เคยแต่งงานนี่” ตอบอย่างอายๆ
“เจ้าบ่าวต้องเป็นคนถอดชุดเจ้าสาวยังไงล่ะ” เขาพูดยิ้มๆ ส่งสายตากรุ้มกริ่ม “แล้วเจ้าสาวต้องถอดชุดแต่งงานให้เจ้าบ่าวด้วย เรามาเริ่มกันเลยนะ”
ประภาพรรณแทบจะร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินคำพูดของสามี ลำพังแค่เขาคิดจะถอดชุดเจ้าสาวของเธอก็อายจะแย่อยู่แล้ว หน้าเธอยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเธอต้องถอดชุดเจ้าบ่าวของเขา แม้ว่าเธอกับเขาจะเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหนึ่งปีเต็ม ทว่าทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์เกินเลยมากกว่าการจูบกอด มีหรือที่เจ้าสาวจะไม่อาย
ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นไม่มีอายอยู่แล้ว มือใหญ่รีบปลดชุดนอนของเจ้าสาวทันที เขาไม่รีบร้อนค่อยๆ ปลดทีละชิ้นชื่นชมความงดงามของเรือนร่างสาว จนกระทั่งร่างกายของเธอเหลือเพียงชุดชั้นในสีขาวแบบไร้สายกับแพนตี้ตัวน้อยเท่านั้น เลือดลมของเขาแทบแตกซ่านเพียงแค่ได้เห็นทรวงอกงดงามคู่ใหญ่ เนินอกขาวที่โผล่ล้นออกมาจากชั้นในเรียกความกระหายใคร่ที่มีอยู่ในร่างกายในฉับพลัน สายตาของเขาโลมเลียไปทั่วร่างนวลระบายด้วยสีเลือดจางๆ เรื่อยไปถึงใจกลางร่างสาวที่เรียกเลือดเรียกลมให้เขาอีกรอบ
“โอ้...สวยจริงๆ เลยจ้ะมิวจ๋า”
พันกรพูดเสียงสั่น เอื้อมมือไปปลดชั้นในแบบตะขอหน้า แล้วทันทีที่ชุดชั้นในคลายตัวออก ดอกบัวสองดอกก็ผลิบานอวดความสวยงามเต็มสองตา ยอดปทุมถันสีดอกกุหลาบดึงจิตวิญญาณของเขาให้ออกจากร่างได้อย่างไม่ยาก ต้องการจะนำใบหน้าและปากไปซุกไซ้เต็มกลืนแล้ว แต่ช้าก่อนยังเหลืออันเดอร์แวร์อีกตัวที่ต้องจัดการ ส่วนคนที่ถูกถอดเสื้อผ้านั้นไม่ต้องพูดถึง จากเดิมที่ความอายกระจายเป็นหย่อมๆ บัดนี้เลือดในกายสูบฉีดเต็มที่ ส่งผลให้ผิวเนื้อสาวเปื้อนสีแดงระเรื่อทั้งดวงหน้าจรดปลายเท้า