6.พยัคฆ์ขนทอง
ด้านนอกอารามร้าง มีเสียงฝีเท้ามุ่งตรงมาทางนี้ คนพวกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ด้วยผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด คือนายหน้าค้าทาส
“เจ้ามั่นใจหรือว่า เด็กสองคนเข้าไปหลบในนั้น”
ขอทานไม่ตอบ หากแบมืออยากอาหาร และเงินเพิ่ม
นายหน้าค้าทาสที่ชื่อพ่านถู แสยะยิ้ม ใช้สายตามองขอทานอย่างดูถูก กระนั้นก็โยนถุงเงินใส่หน้าอกอีกฝ่าย แล้วบอกคนของตนไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าเสีย
“เอาอย่างไรดีขอรับนายท่าน”
“ไปจับเด็กผู้หญิงมา ส่วนเด็กชาย เอามันไปขังไว้ในคุกใต้ดิน ปล่อยให้อดข้าวอดน้ำ หากมันเชื่อฟัง ค่อยส่งไปฝึกร่ายรำ และเล่นดนตรี แต่ถ้ายังดื้อด้าน ก็ขายให้พวกพรรคมารเสีย”
พ่านถูสั่งแล้ว ก็มั่นใจว่า เขาจะต้องได้แม่นางน้อยผู้นั้น แล้วจับนางอาบน้ำประแป้ง แต่งชุดสวยๆ เพื่อออกไปประมูลขาย สร้างกำไรอย่างงามให้เขา แต่ก่อนอื่นต้องกรอกยานาง เพื่อให้ลืมความทรงจำทั้งหมด จากนั้นก็ป้อนสิ่งที่เขาอยากให้นางรู้ใส่เข้าไปใหม่ เพียงเท่านี้ แม่นางน้อยก็จะเป็นตุ๊กตามนุษย์แสนน่ารัก ไว้ให้ลูกๆ คนร่ำรวยเล่นสนุกอย่างชอบใจ หรือบางเรือน เหล่าผัวเมียที่มีอายุมากแล้ว ก็มีรสนิยมน่าขยะแขยง คือซื้อเด็กหญิงหรือเด็กชายไว้เพื่อทรมานร่างกาย ซึ่งเป็นการกระตุ้นความต้องการทางเพศของตน!
พ่านถูคิดแล้วก็หัวเราะชอบใจ ในขณะที่เขารอฟังข่าวจากคนงานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงวิ่ง
“เฮ้ย พวกลูกหมา เด็กคนเดียวแค่นี้ เหตุใดต้องส่งเสียงดัง”
“นายท่าน นังหนูคนนั้น วิ่งไปซ่อนตัวที่ไหนก็ไม่รู้ ส่วนเด็กผู้ชาย นอนซมอยู่ข้างใน”
“ก็จับตัวมันมาสิ ลากคอมันไปขังคุกใต้ดินให้ไว”
“ตะ แต่... เด็กชายตัวมันร้อน และมีตุ่มด้วย เกรงว่าอาจเป็นโรคร้ายแรง”
พ่านถูได้ยินอย่างนั้นก็นึกเสียดาย หากเอาตัวเหลียงเปียวไป คงไร้ประโยชน์ ช่วงนี้โรคระบาดเกิดขึ้นหลายพื้นที่ หากสิ่งใดป้องกันได้ เขาก็ควรไม่ยุ่งเกี่ยว “ปล่อยให้มันตายอยู่นั่นแหละ แต่สำหรับนังเด็กผู้หญิง อย่างไรต้องจับตัวมาให้ข้า!”
“ทราบแล้วขอรับนายท่าน” คนของพ่านถูรับคำ แล้วบ่ายหน้าตามหาจวี้ชิงหราน
จวี้ชิงหรานเคยเข้าใกล้ความตายมาแล้ว และแม่นางน้อยไฉนอยากสัมผัสมันอีกครั้งเล่า เมื่อครู่กว่าจะตัดสินผละห่างจากเหลียงเปียวได้ นางก็เช็ดตัวเขาด้วยน้ำอุ่น วางผ้าที่ชุบน้ำไว้ข้างเขา ส่วนบริเวณลำคอเขา หลังมือ และหน้าผากได้ใช้ขนมแป้งขาวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ แปะเอาไว้ พร้อมทาด้วยสีแดงจากดอกไม้ผสมกับใบไม้ ภาพที่คนของพ่านถูเห็นจึงชวนให้สยองใจมิน้อย ราวกับว่า
เหลียงเปียวเป็นไข้ออกตุ่มร้ายแรง อันเป็นโรคระบาดที่ช่วงเวลานั้น ทำให้คนชีวิตไปมิน้อย
เมื่อวางแผนดังกล่าวเรียบร้อย เด็กหญิงก็ออกจากอารามร้าง ตัดสินใจหาที่หลบภัย และซ่อนตัวเงียบๆ แต่ยามนี้นางจะรอดพ้นได้หรือไม่ คงต้องพยายามยืดเวลาออกไปให้มากที่สุด และนางเกิดความหวังในใจ ขอให้เฮ่อคังออกตามหาพวกเขา และช่วยให้พ้นภัยจากกลุ่มนายหน้าค้าทาส แต่นี่นานแล้ว เหตุใดหนอฝ่ายนั้นยังไม่มาอีก
เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนเดินย่ำบนพื้น และค่อยๆ เข้ามาใกล้มาจุดที่จวี้ชิงหรานซ่อนตัวอยู่ ซึ่งด้านหน้าเป็นลานที่มีหญ้าขึ้นหนาตา จวี้ชิงหรานกลัวทั้งความมืด และสัตว์มีพิษ แต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือ หากถูกจับตัวไป ภาพความทรงจำในหัวคงเปลี่ยนไป เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นต่อจากนั้นอาจพลิกคว่ำหงาย อย่างที่แม่นางน้อยไม่อาจคาดเดาได้อีก
“ไป... ไป หาดูให้ทั่ว เด็กตัวเล็กนิดเดียว มันจะหลบซ่อนที่ใดได้ อีกอย่างแถวนี้ มีแต่ศพคนตาย แล้วยัง มีหมา แมว แล้วก็สัตว์ป่าออกมากินของเน่าอยู่บ่อยๆ” พ่านถูตามมาดูเหตุการณ์ด้วย และเขาหัวเสียหนัก หากมิวายแกล้งพูดจาข่มขู่จวี้ชิงหรานให้ต้องขวัญผวา
“แต่พวกเราหากันสองรอบแล้วนะขอครับนายท่าน”
“จะสิบรอบ พวกแกก็ต้องหา และข้าต้องได้ตัวนังหนูกลับเรือนคืนนี้”
พ่านถูยืนยันความต้องการอย่างชัดแจ้ง ส่งผลให้จวี้ชิงหราน เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง พลางประเมินในใจว่า หากแม่นางน้อยรอให้ฟ้าสาง การซ่อนตัวคงไม่เป็นผลดี นางคงถูกตามตัวพบโดยง่าย
กระทั่งแม่นางน้อยกวาดตามองไปด้านหลังตนจึงพบว่า มีสระบัวยาวไปตลอดแนวอารามแห่งนี้ เด็กหญิงช่างใจอยู่ประเดี๋ยวเพื่อหาทางรอดให้แก่ตน ซึ่งในโลกที่จากมา แม่นางน้อย ว่ายน้ำเอาตัวรอดได้ ทว่าร่างกายนี้ยังเป็นเด็กเล็ก คงทำได้แค่ประคองตัวในน้ำเพื่อหลบสายตาพวกพ่านถู และคงไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง
คิดได้ดังนั้น จวี้ชิงหรานก็ค่อยๆ ขยับตัวทีละนิด ก่อนล้มตัวลงไปบนพื้นหญ้า แม่นางน้อยคลานช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ นั่นเป็นเพราะไม่อยากให้การเคลื่อนไหวเป็นจุดสนใจ
“ดูที่ริมสระบัวให้ดี นังเด็กนั่น อาจหลบอยู่ใกล้ๆ ตีนสะพานไม้ตรงนู้น หรือไม่คงเป็นจุดจอดเรือข้ามฝาก!”
หัวใจจวี้ชิงหรานหล่นไปอยู่ปลายเท้า เสียงที่พ่านถูเอ่ยราวกับล่วงรู้สิ่งที่นางตั้งใจทำทั้งหมด
และพอจวี้ชิงหรานหมายใจเปลี่ยนแผน ด้วยการหดตัวเข้าไปหลบในโพรงไม้ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณหลังต้นคอแม่นางน้อยพลันมีเหล็กในของสัตว์ปีกแข็งตัวหนึ่ง ฝังลงไป!
น้ำตาอุ่นๆ เอ่อคลอหน่วยตาจวี้ชิงหราน และริมฝีปากเล็กๆ ของแม่นางน้อยอ้ากว้าง นางหวังใจอยากแผดเสียงระบายความเจ็บปวด ทว่ากับกลายเป็นว่าตนบ้าใบ้ ไร้เสียงใดเล็ดลอดถึงหูผู้อื่น
สิ่งที่เกิดขึ้นสยองใจเหลือเกิน และร่างเด็กหญิงค่อยๆ แข็งทื่อ แม่นางน้อยยังไม่ทันได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา เหตุใดชีวิตที่สองนี้ถึงได้แสนสั้นนัก
พ่านถูหัวเราะตัวงอหงาย ของเล่นที่เขาได้มาจากพวกพ่อค้าทางเรือช่างดีเยี่ยม กู่*(สัตว์มีพิษหลายชนิดถูกเลี้ยงรวมกัน ขังไว้ในภาชนะปิดตาย หากตัวใดเหลือรอดจะเรียกว่ากู่) และตัวที่เขาเลี้ยงไว้ เป็นแมลงปีกแข็ง ยามนี้มันส่องแสงที่ก้น เพื่อบอกตำแหน่งที่พบแม่นางน้อยซ่อนตัว
“อยู่ตรงนั้น ไป... จับตัวนางมา”
จวี้ชิงหรานไปยินเสียงต่างๆ รอบกาย แต่นางไม่อาจขยับหนีไปไหน ช่วงเวลาดังกล่าว นึกย้อนถึงความตื่นเขินของตน นางอ่อนประสบการณ์เหลือเกิน จนเป็นเหตุพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้