แค้นฝังใจ2
ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้เขารีบขยับร่างกำยำของตนไล่บี้ตามติดร่างระหงนุ่มนิ่มของเนื้อนวลนาง พลางถอดเสื้อของตนออกอย่างเร่งร้อน ยามนี้...เขาร้อนเหลือเกิน ร้อนมาก!
เมื่อสาบเสื้อของหลี่เซียวเหยาเปิดออก ทำเอาเจินเจินถึงกับจ้องมองแผงอกพราวเสน่ห์ของเขาอย่างลืมตัว
เมื่อก่อนยามที่นางล่วงเกินเขามันมีเสื้อผ้ากางกั้นอยู่อย่างมิดชิด
แต่ยามนี้ มัน... มัน...
มันช่างเย้ายวน
มันทำให้นางตาลาย...
โอว...
ของลูบไล้หน่อยนึง
เจินเจินคิดในใจพลางยกมือของตนขึ้นเลื่อนไล้เคล้นคลึงตรงแผงอกเปลือยเปล่าของหลี่เซียวเหยา จนร่างของชายหนุ่มเกิดกระตุกสั่นไหวรุนแรง
“อืม...” เขาครางออกมาอย่างสุขุมนุ่มนวลจนเจินเจินต้องเลื่อนสายตาจากแผงอกเพื่อมองขึ้นไปยังใบหน้าของเขายามนี้
หลี่เซียวเหยาก้มหน้ามองตอบด้วยสายตาหยาดเยิ้มร้อนแรงชวนสยิว ริมฝีปากแดงสดของเขาพร้อมจู่โจมจัดการกับเจินเจินในทันที
ชายหนุ่มรีบคว้าดึงร่างของหญิงสาวให้เข้ามาประชิดแผงอกของเขาพร้อมดึงเสื้อผ้าของนางออกอย่างเร่งร้อนคล้ายจะขาดใจก่อนจะจูบนางอย่างร้อนรนไปทั่วทุกอณูเมื่อยามเสื้อผ้าของนางหลุดลุ่ยเปิดออก
“อืม...ท่าน...อา...” เจินเจินเริ่มครวญครางเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสของผิวกายตนเองกับผิวกายร้อนเร่าของชายหนุ่มที่เบียดเสียดพร้อมด้วยริมฝีปากของเขาที่กำลังขบเม้มอย่างหิวกระหาย
มือไม้ของเขาคล้ายไม่ได้มีแค่สองฝ่ามือแต่มันเหมือนมีมากกว่านั้น
หญิงสาวจึงเริ่มตอบสนองการกระทำของเขาเป็นอย่างดีจนเรียกเสียงแหบพร่าให้ผ่านลำคอของชายหนุ่มเช่นกัน “อา...เจ้า...ข้าต้องการเจ้า...”
“อืม...อา..อ่ะ...” เจินเจินครางตอบ
“อา...ท่าน”
แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น
“มะ.. ไม่..ไม่ได้...แบบนี้ไม่ได้” เจินเจินพยายามเรียกสติของตนเอง
นางจะถือโอกาสขืนใจเขาในยามนี้ไม่ได้!
“ข้าไม่ไหวแล้ว...” หลี่เซียวเหยาครางออกมาด้วยประโยคที่บ่งบอกได้ว่าสุดจะกลั้นขณะพยายามปลดเปลื้องเสื้อผ้าทั้งของตนเองและของหญิงสาวออกอย่างร้อนรน
“อดทนไว้...อดทนไว้” ประโยคนี้เจินเจินบอกกับตัวเอง
ร่างอุ่นร้อนของหลี่เซียวเหยาโน้มตัวเข้าหาเจินเจินอย่างเร่งเร้าเพื่อจับกดให้นางนอนราบลงบนเตียง
เจินเจินพยายามขืนร่างของตนเองเอาไว้แต่ก็ช่างยากเย็น
ชายหนุ่มยังคงถาโถมพร้อมลีลาเร่าร้อนเข้าใส่เจินเจิน
หญิงสาวพยายามไล่จับกุมมือไม้ของเขาที่ลากเลื้อยไปมาพัลวันบนเรือนร่างของนางอย่างสุดความสามารถ
ริมฝีปากแผ่วร้อนของหลี่เซียวเหยายังคงขบกัดดูดเม้มอย่างเมามันไปตามส่วนต่างๆของร่างนุ่มนิ่มโดยไม่สนใจมือไม้ขวักไขว่ไปมาของเจินเจิน
“อา...” หญิงสาวส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ
นางกำลังอารมณ์ขึ้นเช่นกัน
แต่...
เดี๋ยวนะ!
เรื่องคราวก่อนที่นางเข้ามาลวนลามเขา เขายังโกรธนางถึงเพียงนั้น
ถ้านางฉวยโอกาสยามนี้ตอนที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
เขาต้องเกลียดนางขึ้นมาจริงๆเป็นแน่
ไม่นะ...
ไม่ได้นะ....
นางไม่ยอม....
เจินเจินคิดได้ดังนั้นจึงรีบเผด็จศึกหลี่เซียวเหยาในทันที
“มือข้างไหนที่ฟาดข้าจนสลบ” หลี่เซียวเหยาที่นั่งหน้าตึงอยู่ที่ตั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะของเจินเจินเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดอยู่ไม่จาง
เมื่อวานนี้นอกจากเขาจะปวดหนึบช่วงกลางลำตัวอย่างมหันต์แล้วยังต้องปวดหนึบที่ช่วงต้นคออีก
นางซัดเขาเสียจนสลบเหมือดหมดสภาพองค์ชาย
“มือข้างนี้” เจินเจินยกมือขึ้นพลางตอบเสียงอ่อย
“ตัดทิ้งดีหรือไม่!” เขาถาม
“ไม่ดี” นางตอบ
“คัดหนังสือต่อไป ห้ามหยุด”
“เพคะ”
หลี่เซียวเหยายังคงนั่งคุมความประพฤติของเจินเจินโดยไม่ปล่อยให้นางได้มีโอกาสหนีไปที่ไหน
เขายังคงนั่งนิ่งๆใช้สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้านวลเนียนและลำคอระหงของนางพลางนึกถึงรสชาติหวานล้ำและกลิ่นกายหอมหวลของนางที่ยังคงตราตรึงอยู่ในมโนของเขา
สตรีนางนี้
นาง...
นาง...
เขาจะต้องเผด็จศึกนางให้จงได้
คอยดู!
หลี่เซียวเหยาคิดอย่างแค้นเคืองด้วยสายตาพิฆาตความคิดโหดเหี้ยมอยู่อย่างนั้น
แม้ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่อารมณ์พลุ่งพล่านบางอย่างกลับยังคงเข้มข้นจนน่าตกใจ
ชายหนุ่มทำได้เพียงเก็บข่มมันเอาไว้ด้วยความแค้นที่ยังคงฝังแน่นอยู่ภายในจิตใจ
