สับสน2
เวลาผ่านไปซักพักก็มีองค์หญิงอีกองค์หนึ่งเดินมากับสาวใช้อีกนางหนึ่งห่างออกไปจากต้นไม้เพียงนิด
พวกนางกำลังคุยกันอยู่ตรงหลังพุ่มไม้เยื้องออกไปตรงนั้น
เสียงสาวใช้เอ่ยขึ้นก่อน “นี่เป็นกลิ่นกำยานช่วยกระตุ้นเพลิงพิศวาสเพคะ องค์หญิง”
“อะไรกัน เจ้ามีสิ่งนี้ด้วยหรือ” เสียงองค์หญิงเอ่ยถามเบาๆอย่างเอียงอายเปี่ยมไปด้วยจริตมารยาร้ายกาจ
สาวใช้รีบกระซิบตอบ “แน่นอนเพคะองค์หญิง ถ้าหากองค์หญิงเป็นผู้ถูกเลือกให้ถวายงานฝ่าบาท องค์หญิงต้องใช้มันนะเพคะ ไม่แน่ว่าองค์หญิงอาจจะมีข่าวดีในเร็ววัน”
“อะ...อืม...ข้ารู้แล้ว” องค์หญิงยื่นมือขึ้นรับสิ่งนั้นอย่างกระอั่กกระอ่วนด้วยมือสั่นเทาแต่กำเอาไว้จนแน่นก่อนจะเดินจากไป เจินเจินยังคงแอบฟังและเก็บข้อมูลทั้งหมด
อา....
นางคิดว่าตนเองเป็นปีศาจจิ้งจอกร้ายกาจแล้วนะ
สตรีของเมืองหลวงแต่ละนางนี่
ทำเอานางพญาจิ้งจอกอย่างนางต้องคารวะกันเลยทีเดียว
แต่เดี๋ยวนะ
สิ่งของพวกนั้น
สตรีเมืองหลวงเหล่านั้น
จะนำมันไปใช้กับใครนะ
ฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินรึ
พระสวามีของหงเหม่ยหลงเจ้านายของนางนะ
ไม่ได้! ไม่ได้!
นางต้องทำอะไรสักอย่าง
นอกจากองค์หญิงสองนางนี้ที่มีของดีอย่างนั้น ไม่แน่ว่า อาจจะมีองค์หญิงคนอื่นๆที่มีของดีพวกนี้เช่นกัน
เอ๊ะ! ของดีรึ
ของพวกนั้นจะเป็นของดีไปได้อย่างไร
ไม่ใช่ของดีหรอกถ้าไปอยู่กับสตรีพวกนั้น มันต้องอยู่ในมือของนางถึงจะเรียกว่าของดี
หึหึหึ!
ไม่กี่วันต่อมา...
“นี่อะไรของเจ้าน่ะ เจินเจิน” หลิวฉวนหยู่ร์เอ่ยทักทายเจินเจินเมื่อมองเห็นสิ่งของมากมายที่เจินเจินนำมันมาให้หงเหม่ยหลงได้ดูถึงตำหนักฮองเฮา
“ของพวกนี้ ข้าแอบเข้าไปขโมยมาจากตำหนักสนมพวกนั้นอย่างไรเล่า” เจินเจินกล่าวตอบพร้อมอธิบายแต่ละอย่าง
“นี่ยาปลุกกำหนัด นางสนมผู้นี้จะเอาใส่ในน้ำชาให้ฮ่องเต้ทรงดื่มกิน ส่วนนี่เป็นกำยานเพิ่มอารมณ์พิศวาสของสนมอีกตำหนักหนึ่ง และนี่เป็นถุงหอมเอาไว้ใส่ใต้หมอนเพื่อปล่อยกลิ่นบางอย่าง ยังมีอีกนะ นี่! ยาเพิ่มพละกำลังให้บุรุษกลายเป็นอาชาคึกออกศึกรักได้ไม่ยั้ง” เจินเจินหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นมาพร้อมทำตาโตประกอบคำอธิบายอย่างสนุกสนาน
“ข้าแอบเข้าไปในแต่ละตำหนักของเหล่าองค์หญิงที่มาเป็นสนมพวกนั้น ข้าล่ะ ไม่อยากจะเชื่อ นี่คือเหล่าสตรีของเมืองหลวงรึ พวกนางทำอย่างนี้กันรึ ตัวข้าเองยังไม่คิดจะทำถึงเพียงนี้ อ่ะ! อ้าว! ไปไหนกันรึ ข้ายังบอกกล่าวไม่หมดนะ” เจินเจินเอ่ยพลางหันไปเห็นหลิวฉวนหยู่ร์กำลังฉุดดึงร่างของหงเหม่ยหลงเอาไว้ คล้ายพยายามห้ามปรามอะไรกันสักอย่าง
“ใจเย็น เหม่ยหลง ใจเย็นก่อน” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวเตือนสติ หงฮองเฮาที่พร้อมจะพุ่งร่างออกไปอย่างหมายมาดในทิศทางของตำหนักเหล่าสนม
พวกนางมักจะเปลี่ยนสรรพนามเรียกกันเมื่ออยู่กันเพียงลำพังเฉพาะคนสนิทของฝ่ายอิทธิพลมืดด้วยกัน
“เจินเจิน เจ้ารีบเก็บของพวกนั้นไปทำลายทิ้งเสีย ก่อนที่โทสะของเหม่ยหลงจะพุ่งพรวดไปมากกว่านี้” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวขึ้นกับเจินเจินเมื่อเห็นหงเหม่ยหลงอารมณ์คุกรุ่นยามที่รู้ได้ว่าเหล่าสนมกำลังคิดการอันใดกับพระสวามีหนึ่งเดียวของนาง
“เรื่องอะไรจะเอาไปทำลายเล่า ข้าคิดจะนำมันไปใช้กับองค์ชายหลี่เซียวเหยาของข้า” เจินเจินตอบตามสัตย์อย่างตรงไปตรงมาตามวิสัย
“มันไม่ถูกต้อง เจินเจิน” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียวไม่จาง “เจ้าจะใช้ของพวกนี้กับองค์ชายสี่ไม่ได้”
เจินเจินได้ฟังถึงกับฉงน ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนถามออกไป “ไม่ได้รึ ทำไมล่ะ”
“เจ้าจะทำอย่างนี้ให้ได้อะไร” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาหาเจินเจิน “เจ้าอยากมอมเมาองค์ชายสี่โดยไม่สนใจว่าเขาจะนิยมรักใคร่เจ้าหรือไม่ เช่นนั้นรึ”
เจินเจินเอียงหน้าน้อยๆคิดตาม แต่ยังถามออกไปอย่างแคลงใจ “พวกสตรีเมืองหลวงเขาก็ทำกันมิใช่รึ พวกสนมพวกนี้ก็คิดจะทำอย่างนั้นกับฝ่าบาท”
“พวกนางมิได้มีความรักให้แก่หลี่ซื่อหมินของข้า” หงฮองเฮาเอ่ยขัด “เจินเจิน พวกนางแค่หวังในอำนาจ แต่เจ้าไม่ใช่ พวกเราไม่ใช่ แล้วเจ้า...เจินเจิน”
หงเหม่ยหลงกล่าวต่อเนื่องพลางจ้องใบหน้างามของเจินเจินนิ่งๆ “เจ้าจะรู้สึกอย่างไร เมื่อฤทธิ์ของสิ่งเหล่านี้หมดไป องค์ชายสี่ได้สติหลังจากมึนเมากับเจ้าแล้วลุกออกจากเตียงเดินจากไปอย่างงุนงง”
“โอว... เห็นภาพเลย” เจินเจินอุทาน
“เจ้าชมชอบองค์ชายสี่จริงๆรึ เจินเจิน” ครานี้เป็นหลิว ฉวนหยู่ร์เอ่ยถามขึ้นบ้าง
เจินเจินเพียงหยักหน้ายอมรับหงึกๆด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงเอ่ยต่อ “แล้วองค์ชายสี่เล่า เขาชมชอบเจ้าหรือเปล่า เจ้าควรจะทำให้เขาชอบเจ้ารักเจ้าจากใจจริงเสียก่อนนะ จึงคิดจะใช้สิ่งของพวกนี้”
“หือ...” เจินเจินเริ่มงง แล้ว...ตกลงนางจะใช้ของพวกนี้ได้หรือไม่กันล่ะนี่???
